เราเห็นรถ EV จีนเปิดตัวรุ่นใหม่รายวัน ดีไซน์ล้ำ อัดออพชั่นแน่น ราคาถูกเหมือนแจกฟรี จนหลายคนอดใจไม่ไหวต้องจอง... แต่เคยฉุกคิดไหมครับว่า "พวกเขาเอาเงินมาจากไหน?" และ "ขายราคานี้ บริษัทจะอยู่รอดได้จริงหรือ?"
คำตอบสั้นๆ คือ:
อยู่ไม่ได้ครับ
ถ้าคุณคิดว่าสงครามราคาปี 2024 โหดแล้ว... ยินดีต้อนรับสู่ "นรกของจริง" ในช่วงปลายปี 2025 ครับ นี่คือช่วงเวลาที่กราฟการเงินของค่ายรถจีนหลายเจ้ากำลัง "หัวปักดิน" สวนทางกับยอดขายที่ดูเหมือนจะโต
กางงบการเงินไตรมาสล่าสุด (Q3/2025) มาแฉให้ดูทีละค่าย ว่าทำไมปี 2026 ที่จะถึงนี้ อาจเป็นปีแห่งการล้มละลายครั้งใหญ่ (The Great Collapse)
ภาคต่อของกระทู้นี้
https://pantip.com/topic/43880611
1. BYD: ราชสีห์ที่เริ่ม "กระอักเลือด"
เราเห็นข่าว BYD ยอดขายทะลุเป้า แต่สิ่งที่เขาไม่บอกคุณคือ "กำไรหายไปไหน?"
ตัวเลขที่น่ากลัว: ไตรมาส 2-3 ปี 2025 เป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปีที่ BYD รายงาน "กำไรสุทธิลดลง" (ลดลงเกือบ 30% ใน Q2 เหลือ 6.4 พันล้านหยวน) ทั้งที่รายได้รวมโตขึ้น
กำไรต่อคัน (Profit per Car): จากที่เคยทำได้หลักแสนบาทต่อคัน ตอนนี้ลดฮวบเหลือเพียงประมาณ ~6,500 - 8,000 หยวน (ราว 30,000 บาท) ต่อคันเท่านั้น!
เปรียบเทียบ: Toyota มีกำไรต่อคันเฉลี่ย ~90,000 - 100,000 บาท (มากกว่า BYD ถึง 3 เท่า!)
สัญญาณอันตราย: งบ R&D (วิจัย) ของ BYD พุ่งสูงจน "มากกว่ากำไรสุทธิ" ที่หาได้... นี่คือการเผาเงินเพื่อวิ่งหนีตายชัดๆ ถ้าหยุดวิ่งเมื่อไหร่ คือล้มทันที
สงครามราคาฆ่าตัวตาย: การลดราคาอย่างบ้าคลั่งเพื่อฆ่าคู่แข่ง ทำให้ Net Profit Margin (อัตรากำไรสุทธิ) ของ BYD บางเฉียบเมื่อเทียบกับคู่แข่งระดับโลกอย่าง Toyota หรือ Tesla ในบางไตรมาสกำไรต่อคันเหลือเพียงหลักพันบาท
(ที่มา: Nikkei Asia - BYD profit per car drops amid price war)
Inventory Stuffing (ระเบิดเวลาสต็อก): มีรายงานเชิงลึกว่า BYD ใช้วิธีส่งรถจำนวนมหาศาลไปกองไว้ที่ "ท่าเรือยุโรป" และดีลเลอร์ เพื่อบันทึกเป็นยอดขายส่ง (Wholesale) ให้ตัวเลขดูสวยหรู แต่รถจริงๆ ยังขายไม่ออก (Retail) จนท่าเรือบางแห่งกลายเป็น "ลานจอดรถร้าง"
(ที่มา: Wall Street Journal - China's EV Glut Piles Up at European Ports)
https://www.bloomberg.com/news/articles/2025-10-30/byd-profit-slumps-again-as-pressure-piles-up-for-china-ev-giant
https://asia.nikkei.com/business/automobiles/electric-vehicles/byd-profit-dives-30-as-price-war-takes-toll-on-ev-champion
https://www.bloomberg.com/news/articles/2025-08-31/byd-s-profit-plunge-may-be-a-worrying-sign-of-things-to-come
https://www.afr.com/world/europe/it-s-chaos-chinese-evs-pile-up-at-europe-s-ports-20240410-p5fipn
2. NETA: ผู้ป่วยวิกฤต ที่ถอดเครื่องช่วยหายใจแล้ว
สถานะล่าสุดปลายปี 2025 ของ NETA (Hozon Auto) คือ "
ล้มละลายทางเทคนิค"
โรงงานร้าง: มีรายงานยืนยันการ "สั่งหยุดผลิต" ที่โรงงานหลักในเมือง Tongxiang เพื่อปรับโครงสร้างหนี้
หนี้เน่า: ขาดทุนสะสมทะลุ 2 หมื่นล้านหยวน (แสนล้านบาท) ซัพพลายเออร์เริ่มประท้วงหยุดส่งของเพราะไม่ได้เงิน
ชะตากรรม: กำลังยื่นเรื่องขอฟื้นฟูกิจการ (Bankruptcy Review) ใครที่ใช้รถรุ่นนี้อยู่... ปี 2026 ต้องภาวนาเรื่องอะไหล่หนักมากครับ
3. GWM: ยิ่งขาย ยิ่งเจ็บ
พี่ใหญ่ Great Wall Motor ที่ดูมั่นคง งบไตรมาส 3/2025 ฟ้องชัดเจน:
รายได้โตแต่กำไรหด: รายได้พุ่งแตะ 6.1 หมื่นล้านหยวน (New High) แต่ "กำไรสุทธิร่วง 31%" เหลือแค่ 2.2 พันล้านหยวน
ต้นทุนการตลาดบวมฉุ: ค่าใช้จ่ายในการขาย (Selling Expenses) พุ่งขึ้น 55% เพราะต้องเอาเงินไปอัดโปรโมชั่นสู้สงครามราคา
ถอยทัพ: การปิดสำนักงานใหญ่ในยุโรปและเลิกจ้างพนักงานบริหาร คือหลักฐานว่า "เงินสด" เริ่มตึงมือจนแบกหน้าตาในเวทีโลกไม่ไหวแล้ว (ที่มา: Automotive News Europe - Great Wall to close European HQ)
https://autonews.gasgoo.com/m/70038815.html
https://www.autonews.com/automakers/great-wall-downsizes-europe-ambitions-ev-market-cools/
https://thestandard.co/great-wall-motor-shuts-europe-headquarters/
4. Zeekr (Geely): ขาดทุนซ้ำซาก
รถสวย เทคโนโลยีล้ำ แต่ตัวเลขการเงินคือ "สีแดงเถือก"
ขาดทุนต่อเนื่อง: แม้จะส่งมอบรถได้เยอะขึ้น แต่ Zeekr ยังรายงาน "Net Loss" (ขาดทุนสุทธิ) ราว 287 ล้านหยวนในไตรมาสเดียว
หนี้สิน: Geely Holding แบกภาระหนี้มหาศาลจากการอุ้มแบรนด์ลูกๆ ทั้ง Zeekr, Polestar, Lotus ที่ยังไม่ทำกำไรเป็นกอบเป็นกำสักที
Zeekr เจ็บหนัก: แบรนด์หรูอย่าง Zeekr ที่เพิ่งเข้าไทย รายงานผลประกอบการยัง "ขาดทุนสุทธิ" ต่อเนื่อง ยิ่งขายเยอะ ยิ่งเจ็บตัว เพราะต้นทุนการผลิตรถ High-end สูงมาก
https://www.reuters.com/markets/deals/zeekr-makes-us-ipo-filing-public-2023-11-09/
https://www.prnewswire.com/news-releases/zeekr-group-reports-second-quarter-2025-unaudited-financial-results-302529640.html
5. Chery (Omoda & Jaecoo): ราชาส่งออก หรือ ผู้ลี้ภัย?
ความจริงที่เจ็บปวด: ในตลาด EV จีน Chery "แทบไม่มีที่ยืน" (ยอดขายในบ้านสู้ BYD/Tesla ไม่ได้เลย) จึงต้องพึ่งพาการส่งออกเกือบ 100%
ความเสี่ยงสูงสุด: ถ้าโดน "กำแพงภาษี" จากยุโรปหรืออเมริกา (ซึ่งโดนแล้วและกำลังจะโดนเพิ่ม) Chery จะเจ็บหนักที่สุดเพราะไม่มีฐานลูกค้าในบ้านตัวเองรองรับ
https://autovista24.autovistagroup.com/news/chinese-brands-command-domestic-ev-market/
สัญญาณเตือนภัยระดับ "Evergrande Moment"
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดไม่ใช่แค่เรื่องของแต่ละบริษัท แต่คือภาพรวมของอุตสาหกรรมที่กำลังจะพังครืนเหมือนภาคอสังหาฯ จีน:
- Oversupply (ล้นตลาด): ปัจจุบันจีนมีกำลังการผลิตรถยนต์กว่า 40 ล้านคันต่อปี แต่ความต้องการในประเทศมีแค่ 25 ล้านคัน... ส่วนเกิน 15 ล้านคันต้องถูก "ยัดเยียด" ส่งออกไปที่ไหนสักแห่ง (และไทยคือเป้าหมายหลัก) (ที่มา: Financial Times - China's EV overcapacity problem)
- หนี้เน่า: หลายค่ายอยู่ได้ด้วย "เงินกู้" และ "เงินอุดหนุนรัฐ" เมื่อเศรษฐกิจจีนชะลอตัว เงินอุดหนุนหาย... บริษัทเหล่านี้คือ "ซอมบี้" (Zombie Companies) ที่รอวันล้ม
- สงครามราคาคือยาพิษ: การลดราคาไม่ใช่ความใจดีของผู้ผลิต แต่มันคือ "Fire Sale" (การเทขายหนีตาย) เพื่อเปลี่ยนสต็อกเหล็กให้เป็นเงินสด (Cash) ให้เร็วที่สุดก่อนจะเจ๊ง
https://www.ft.com/content/ca5bfd8e-a7c2-437c-b495-d60769e3529b
https://www.ft.com/content/5f73d241-41f6-45d7-b8dd-1b35f2dd1349
หายนะ 2026: The 2026 Cliff หน้าผาที่กำลังรออยู่
ทำไมผมถึงบอกว่าปีหน้าจะหนักกว่านี้? เพราะ:
- หมดโปรฯ รัฐบาลจีน: การยกเว้นภาษีซื้อรถ EV เต็มรูปแบบในจีน (Purchase Tax Exemption) สิ้นสุดลงวันที่ 31 ธ.ค. 2025 นี้
- Demand เทียมหายวับ: ยอดขายปลายปีนี้คือการ "เร่งซื้อ" หนีภาษี พอเข้าปี 2026 ยอดขายในจีนจะ "น็อค" ทันที
- Oversupply ระดับโลก: จีนผลิตรถเกินความต้องการปีละ 15 ล้านคัน เมื่อส่งออกก็โดนกำแพงภาษี ในบ้านก็ขายไม่ออก... สต็อกรถปี 2026 จะล้นจนไม่มีที่จอด
https://evxl.co/nl/2025/11/29/chinese-ev-stocks-profit-collapse-2026-subsidy/
บทสรุป: ผู้บริโภคต้องฉลาดเลือก
ปี 2025-2026 จะเป็นปีแห่งการ "คัดออก" (Shake out) ของวงการรถยนต์ ใครที่กำลังจะซื้อรถจีน อย่าดูแค่ "ส่วนลด" หรือ "ออพชั่น" ที่เขาประเคนให้
แต่จงดู "งบการเงิน" และ "ความมั่นคง" ของบริษัทแม่ด้วย... เพราะการได้ขับรถถูก แลกกับการที่บริษัทล้มละลาย ลอยแพลูกค้า และไม่มีอะไหล่เปลี่ยนในอนาคต... มันไม่คุ้มกันเลยครับ
โลกไม่ได้ปฏิเสธ EV แต่โลกกำลังลงโทษธุรกิจที่ "โตแบบไร้รากฐาน"
บทเรียนปี 2025 สอนให้รู้ว่า: "ยอดขายคือมายา กำไรและเงินสดคือของจริง"
และปี 2026... เราจะได้เห็น "งานศพ" ของค่ายรถจีนอีกหลายแบรนด์แน่นอนครับ
เบื้องหลังโปรแรง EV จีน: เมื่อ "ฟองสบู่" กำลังจะแตก และไทยกำลังกลายเป็น "บ่อขยะ" ของสงครามราคา
คำตอบสั้นๆ คือ: อยู่ไม่ได้ครับ
ถ้าคุณคิดว่าสงครามราคาปี 2024 โหดแล้ว... ยินดีต้อนรับสู่ "นรกของจริง" ในช่วงปลายปี 2025 ครับ นี่คือช่วงเวลาที่กราฟการเงินของค่ายรถจีนหลายเจ้ากำลัง "หัวปักดิน" สวนทางกับยอดขายที่ดูเหมือนจะโต
กางงบการเงินไตรมาสล่าสุด (Q3/2025) มาแฉให้ดูทีละค่าย ว่าทำไมปี 2026 ที่จะถึงนี้ อาจเป็นปีแห่งการล้มละลายครั้งใหญ่ (The Great Collapse)
ภาคต่อของกระทู้นี้ https://pantip.com/topic/43880611
1. BYD: ราชสีห์ที่เริ่ม "กระอักเลือด"
เราเห็นข่าว BYD ยอดขายทะลุเป้า แต่สิ่งที่เขาไม่บอกคุณคือ "กำไรหายไปไหน?"
ตัวเลขที่น่ากลัว: ไตรมาส 2-3 ปี 2025 เป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปีที่ BYD รายงาน "กำไรสุทธิลดลง" (ลดลงเกือบ 30% ใน Q2 เหลือ 6.4 พันล้านหยวน) ทั้งที่รายได้รวมโตขึ้น
กำไรต่อคัน (Profit per Car): จากที่เคยทำได้หลักแสนบาทต่อคัน ตอนนี้ลดฮวบเหลือเพียงประมาณ ~6,500 - 8,000 หยวน (ราว 30,000 บาท) ต่อคันเท่านั้น!
เปรียบเทียบ: Toyota มีกำไรต่อคันเฉลี่ย ~90,000 - 100,000 บาท (มากกว่า BYD ถึง 3 เท่า!)
สัญญาณอันตราย: งบ R&D (วิจัย) ของ BYD พุ่งสูงจน "มากกว่ากำไรสุทธิ" ที่หาได้... นี่คือการเผาเงินเพื่อวิ่งหนีตายชัดๆ ถ้าหยุดวิ่งเมื่อไหร่ คือล้มทันที
สงครามราคาฆ่าตัวตาย: การลดราคาอย่างบ้าคลั่งเพื่อฆ่าคู่แข่ง ทำให้ Net Profit Margin (อัตรากำไรสุทธิ) ของ BYD บางเฉียบเมื่อเทียบกับคู่แข่งระดับโลกอย่าง Toyota หรือ Tesla ในบางไตรมาสกำไรต่อคันเหลือเพียงหลักพันบาท
(ที่มา: Nikkei Asia - BYD profit per car drops amid price war)
Inventory Stuffing (ระเบิดเวลาสต็อก): มีรายงานเชิงลึกว่า BYD ใช้วิธีส่งรถจำนวนมหาศาลไปกองไว้ที่ "ท่าเรือยุโรป" และดีลเลอร์ เพื่อบันทึกเป็นยอดขายส่ง (Wholesale) ให้ตัวเลขดูสวยหรู แต่รถจริงๆ ยังขายไม่ออก (Retail) จนท่าเรือบางแห่งกลายเป็น "ลานจอดรถร้าง"
(ที่มา: Wall Street Journal - China's EV Glut Piles Up at European Ports)
https://www.bloomberg.com/news/articles/2025-10-30/byd-profit-slumps-again-as-pressure-piles-up-for-china-ev-giant
https://asia.nikkei.com/business/automobiles/electric-vehicles/byd-profit-dives-30-as-price-war-takes-toll-on-ev-champion
https://www.bloomberg.com/news/articles/2025-08-31/byd-s-profit-plunge-may-be-a-worrying-sign-of-things-to-come
https://www.afr.com/world/europe/it-s-chaos-chinese-evs-pile-up-at-europe-s-ports-20240410-p5fipn
2. NETA: ผู้ป่วยวิกฤต ที่ถอดเครื่องช่วยหายใจแล้ว
สถานะล่าสุดปลายปี 2025 ของ NETA (Hozon Auto) คือ "ล้มละลายทางเทคนิค"
โรงงานร้าง: มีรายงานยืนยันการ "สั่งหยุดผลิต" ที่โรงงานหลักในเมือง Tongxiang เพื่อปรับโครงสร้างหนี้
หนี้เน่า: ขาดทุนสะสมทะลุ 2 หมื่นล้านหยวน (แสนล้านบาท) ซัพพลายเออร์เริ่มประท้วงหยุดส่งของเพราะไม่ได้เงิน
ชะตากรรม: กำลังยื่นเรื่องขอฟื้นฟูกิจการ (Bankruptcy Review) ใครที่ใช้รถรุ่นนี้อยู่... ปี 2026 ต้องภาวนาเรื่องอะไหล่หนักมากครับ
3. GWM: ยิ่งขาย ยิ่งเจ็บ
พี่ใหญ่ Great Wall Motor ที่ดูมั่นคง งบไตรมาส 3/2025 ฟ้องชัดเจน:
รายได้โตแต่กำไรหด: รายได้พุ่งแตะ 6.1 หมื่นล้านหยวน (New High) แต่ "กำไรสุทธิร่วง 31%" เหลือแค่ 2.2 พันล้านหยวน
ต้นทุนการตลาดบวมฉุ: ค่าใช้จ่ายในการขาย (Selling Expenses) พุ่งขึ้น 55% เพราะต้องเอาเงินไปอัดโปรโมชั่นสู้สงครามราคา
ถอยทัพ: การปิดสำนักงานใหญ่ในยุโรปและเลิกจ้างพนักงานบริหาร คือหลักฐานว่า "เงินสด" เริ่มตึงมือจนแบกหน้าตาในเวทีโลกไม่ไหวแล้ว (ที่มา: Automotive News Europe - Great Wall to close European HQ)
https://autonews.gasgoo.com/m/70038815.html
https://www.autonews.com/automakers/great-wall-downsizes-europe-ambitions-ev-market-cools/
https://thestandard.co/great-wall-motor-shuts-europe-headquarters/
4. Zeekr (Geely): ขาดทุนซ้ำซาก
รถสวย เทคโนโลยีล้ำ แต่ตัวเลขการเงินคือ "สีแดงเถือก"
ขาดทุนต่อเนื่อง: แม้จะส่งมอบรถได้เยอะขึ้น แต่ Zeekr ยังรายงาน "Net Loss" (ขาดทุนสุทธิ) ราว 287 ล้านหยวนในไตรมาสเดียว
หนี้สิน: Geely Holding แบกภาระหนี้มหาศาลจากการอุ้มแบรนด์ลูกๆ ทั้ง Zeekr, Polestar, Lotus ที่ยังไม่ทำกำไรเป็นกอบเป็นกำสักที
Zeekr เจ็บหนัก: แบรนด์หรูอย่าง Zeekr ที่เพิ่งเข้าไทย รายงานผลประกอบการยัง "ขาดทุนสุทธิ" ต่อเนื่อง ยิ่งขายเยอะ ยิ่งเจ็บตัว เพราะต้นทุนการผลิตรถ High-end สูงมาก
https://www.reuters.com/markets/deals/zeekr-makes-us-ipo-filing-public-2023-11-09/
https://www.prnewswire.com/news-releases/zeekr-group-reports-second-quarter-2025-unaudited-financial-results-302529640.html
5. Chery (Omoda & Jaecoo): ราชาส่งออก หรือ ผู้ลี้ภัย?
ความจริงที่เจ็บปวด: ในตลาด EV จีน Chery "แทบไม่มีที่ยืน" (ยอดขายในบ้านสู้ BYD/Tesla ไม่ได้เลย) จึงต้องพึ่งพาการส่งออกเกือบ 100%
ความเสี่ยงสูงสุด: ถ้าโดน "กำแพงภาษี" จากยุโรปหรืออเมริกา (ซึ่งโดนแล้วและกำลังจะโดนเพิ่ม) Chery จะเจ็บหนักที่สุดเพราะไม่มีฐานลูกค้าในบ้านตัวเองรองรับ
https://autovista24.autovistagroup.com/news/chinese-brands-command-domestic-ev-market/
สัญญาณเตือนภัยระดับ "Evergrande Moment"
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดไม่ใช่แค่เรื่องของแต่ละบริษัท แต่คือภาพรวมของอุตสาหกรรมที่กำลังจะพังครืนเหมือนภาคอสังหาฯ จีน:
- Oversupply (ล้นตลาด): ปัจจุบันจีนมีกำลังการผลิตรถยนต์กว่า 40 ล้านคันต่อปี แต่ความต้องการในประเทศมีแค่ 25 ล้านคัน... ส่วนเกิน 15 ล้านคันต้องถูก "ยัดเยียด" ส่งออกไปที่ไหนสักแห่ง (และไทยคือเป้าหมายหลัก) (ที่มา: Financial Times - China's EV overcapacity problem)
- หนี้เน่า: หลายค่ายอยู่ได้ด้วย "เงินกู้" และ "เงินอุดหนุนรัฐ" เมื่อเศรษฐกิจจีนชะลอตัว เงินอุดหนุนหาย... บริษัทเหล่านี้คือ "ซอมบี้" (Zombie Companies) ที่รอวันล้ม
- สงครามราคาคือยาพิษ: การลดราคาไม่ใช่ความใจดีของผู้ผลิต แต่มันคือ "Fire Sale" (การเทขายหนีตาย) เพื่อเปลี่ยนสต็อกเหล็กให้เป็นเงินสด (Cash) ให้เร็วที่สุดก่อนจะเจ๊ง
https://www.ft.com/content/ca5bfd8e-a7c2-437c-b495-d60769e3529b
https://www.ft.com/content/5f73d241-41f6-45d7-b8dd-1b35f2dd1349
หายนะ 2026: The 2026 Cliff หน้าผาที่กำลังรออยู่
ทำไมผมถึงบอกว่าปีหน้าจะหนักกว่านี้? เพราะ:
- หมดโปรฯ รัฐบาลจีน: การยกเว้นภาษีซื้อรถ EV เต็มรูปแบบในจีน (Purchase Tax Exemption) สิ้นสุดลงวันที่ 31 ธ.ค. 2025 นี้
- Demand เทียมหายวับ: ยอดขายปลายปีนี้คือการ "เร่งซื้อ" หนีภาษี พอเข้าปี 2026 ยอดขายในจีนจะ "น็อค" ทันที
- Oversupply ระดับโลก: จีนผลิตรถเกินความต้องการปีละ 15 ล้านคัน เมื่อส่งออกก็โดนกำแพงภาษี ในบ้านก็ขายไม่ออก... สต็อกรถปี 2026 จะล้นจนไม่มีที่จอด
https://evxl.co/nl/2025/11/29/chinese-ev-stocks-profit-collapse-2026-subsidy/
บทสรุป: ผู้บริโภคต้องฉลาดเลือก
ปี 2025-2026 จะเป็นปีแห่งการ "คัดออก" (Shake out) ของวงการรถยนต์ ใครที่กำลังจะซื้อรถจีน อย่าดูแค่ "ส่วนลด" หรือ "ออพชั่น" ที่เขาประเคนให้
แต่จงดู "งบการเงิน" และ "ความมั่นคง" ของบริษัทแม่ด้วย... เพราะการได้ขับรถถูก แลกกับการที่บริษัทล้มละลาย ลอยแพลูกค้า และไม่มีอะไหล่เปลี่ยนในอนาคต... มันไม่คุ้มกันเลยครับ
โลกไม่ได้ปฏิเสธ EV แต่โลกกำลังลงโทษธุรกิจที่ "โตแบบไร้รากฐาน"
บทเรียนปี 2025 สอนให้รู้ว่า: "ยอดขายคือมายา กำไรและเงินสดคือของจริง"
และปี 2026... เราจะได้เห็น "งานศพ" ของค่ายรถจีนอีกหลายแบรนด์แน่นอนครับ