"จีน" บุกหลังบ้าน "มะกัน" อุ้มละตินอเมริกาหลังเจอพิษลด QE

กระทู้คำถาม
การลดขนาดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐ อาจเปิดช่องให้จีนสร้างพันธมิตรใหม่เพิ่มในภูมิภาคละตินอเมริกา หลังจากที่ชาติกำลังพัฒนาหลายประเทศกำลังประสบปัญหาค่าเงินอ่อนตัว และเงินทุนไหลออกจากการตัดสินใจหั่นมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)โดยเฉพาะในอาร์เจนตินาและเวเนซุเอลา ที่เดิมเน้นพึ่งพาการส่งออกสินค้าพื้นฐานการผลิต ได้แก่ ถั่วเหลืองและน้ำมัน กำลังประสบปัญหาเงินเฟ้ออย่างหนัก

โดยในอาร์เจนตินา การประเมินอย่างไม่เป็นทางการโดย "ดิ อีโคโนมิสต์" ระบุว่า ประเทศดังกล่าวประสบปัญหาเงินเฟ้ออยู่ที่ราว 28% เนื่องจากดำเนินนโยบายทางการเงินและการคลังที่ย่อหย่อน ขณะเดียวกันก็พยายามรักษาอัตราแลกเปลี่ยนที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง

ด้าน เวเนซุเอลา หลังการถึงแก่อสัญกรรมของ นายฮิวโก ชาเวส และการก้าวขึ้นสู่อำนาจของ นายนิโกลาส มาดูโร ธนาคารกลางประเทศดังกล่าวได้สั่งพิมพ์ธนบัตรเพิ่มเป็นจำนวนมาก เพื่อนำไปให้รัฐใช้จ่ายในโครงการสาธารณะ ทำให้อัตราเงินเฟ้อในประเทศพุ่งสูงถึง 56.2% ช่วงปีที่แล้ว และยังสะท้อนออกมาที่อัตราแลกเปลี่ยนด้วย โดยค่าเงินโบลิบาร์ของเวเนซุเอลาในตลาดมืดอยู่ที่ราว 75-80 โบลิบาร์ ต่อดอลลาร์ สูงกว่าอัตราแลกเปลี่ยนที่ทางการกำหนดถึง 7 เท่า

เดอะ การ์เดียนระบุว่าทั้ง 2 ประเทศนั้นประสบปัญหาที่คล้ายคลึงกันอีกอย่างหนึ่ง คือประชาชนส่วนใหญ่ไม่เชื่อถือสกุลเงินของประเทศตัวเองในการเก็บเป็นเงินฝาก โดยในอาร์เจนตินา เมื่อเดือนที่ผ่านมา อนุญาตให้ประชาชนที่มีรายได้มากกว่า 900 ดอลลาร์ (27,000 บาท) ต่อเดือน สามารถฝากเงินราว 20% ของเงินเดือนในรูปสกุลเงินดอลลาร์ได้ ซึ่งในการดำเนินนโยบายดังกล่าว

อาร์เจนตินายอมปล่อยให้ค่าเงินเปโซของตัวเองอ่อนลง 15% เพื่อลดช่องว่างความแตกต่างระหว่างอัตราแลกเปลี่ยนอย่างเป็นทางการ และอัตราแลกเปลี่ยนในตลาดมืด ที่ค่าเงินเปโซลดลงกว่า 70% ในช่วงเวลาที่ผ่านมา

ขณะที่ด้านเวเนซุเอลากำลังประสบปัญหาขาดเงิน สกุลต่างประเทศในการชำระหนี้ โดยมีหนี้รัฐบาลมูลค่า 5 พันล้านดอลลาร์ (150,000 ล้านบาท) ที่ต้องชำระ ขณะเดียวกันก็ยังมีหนี้ที่ค้างชำระอยู่กับสายการบินต่างชาติอีกกว่า 3 หมื่นล้านดอลลาร์ (900,000 ล้านบาท) ซึ่งพอกพูนขึ้นจากอัตราแลกเปลี่ยนที่อ่อนค่าลง โดยการค้างชำระหนี้ครั้งนี้ทำให้ชาวเวเนซุเอลาต้องประสบภาวะขาดแคลนเครื่อง อุปโภคบริโภคที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งจะยิ่งส่งผลกับการลงทุนและการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในอนาคต

มีความเป็นไปได้ว่าตอนนี้ทั้ง 2 ประเทศกำลังต้องการเงินกู้เพื่อพยุงเงินสำรองในประเทศ เพื่อแก้ปัญหาเสถียรภาพทางการเงิน และเงินเฟ้อไปพร้อม ๆ กัน โดยถึงแม้ว่ากองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ)

มี "การให้สินเชื่อแบบยืดหยุ่น" (Flexible Credit Line-FCL) ให้กับประเทศต่าง ๆ แต่อิทธิพลของสหรัฐในไอเอ็มเอฟ ทำให้เงินในกองทุนดังกล่าวไปลงกับประเทศที่สหรัฐมองว่าเป็นพันธมิตรที่สมควร เท่านั้น

โดยมีเพียง 3 ประเทศ ได้แก่ เม็กซิโก โคลอมเบีย และโปแลนด์เท่านั้นที่สามารถเข้าถึงการสนับสนุนจากไอเอ็มเอฟ โดยเฉพาะเม็กซิโก ที่สหรัฐมองว่าเป็นพันธมิตรที่มีความสำคัญทางด้านยุทธศาสตร์ ได้รับเงินกู้จากไอเอ็มเอฟไปมากถึง 4.73 หมื่นล้านดอลลาร์ (1,419,000 ล้านบาท)

ตรงนี้เองที่จีน ซึ่งนำโดย "สี จิ้นผิง" จะสามารถเข้ามาแทรกแซงในการให้ความช่วยเหลือชาติอเมริกาใต้ได้ เพราะสามารถนำเงินสำรองมูลค่ากว่า 3.8 ล้านล้านดอลลาร์ (114 ล้านล้านบาท) ไปปล่อยสินเชื่อแก่อาร์เจนตินาและเวเนซุเอลา ในลักษณะเดียวกับกองทุนสำรองของไอเอ็มเอฟได้

และมาตรการนี้ยังเป็น การดีกับจีนเองด้วยซ้ำในการบริหารเงินทุนสำรองที่มีอยู่ เพราะมูลค่าของเงินทุนสำรองที่จีนอยู่ในรูปพันธบัตรสหรัฐนั้นมีแนวโน้มว่าจะ ลดลง เพราะคาดว่าอัตราดอกเบี้ยระยะยาวของสหรัฐจะพุ่งขึ้นในอนาคต

นอกจากนี้ อาร์เจนตินายังเป็นประเทศที่มีสัดส่วนหนี้สาธารณะจากการกู้ยืมระหว่างประเทศ เพียง 8% ของจีดีพี ส่วนเวเนซุเอลามีรายได้ต่อปีจากอุตสาหกรรมน้ำมันกว่า 9 หมื่นล้านดอลลาร์ (270,000 ล้านบาท) และยังเป็นผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ อีกทั้งก่อนหน้านี้จีนเคยให้เวเนซุเอลากู้หลายหมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งได้รับการชำระคืนแล้วเป็นส่วนใหญ่ ถือว่าทั้ง 2 ประเทศมีเครดิตพอสมควร และมีแนวโน้มที่จะไม่ผิดนัดชำระหนี้

การเป็นมิตรกับชาติละตินอเม ริกาน่าจะช่วยจีนในด้านขยายอิทธิพลในภูมิภาคนี้ด้วย เพราะหลังจากที่สหรัฐกลับไปผูกมิตรกับชาติในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และญี่ปุ่น ซึ่งเป็นการดำเนินนโยบายปิดล้อมอิทธิพลของจีนในภูมิภาคแปซิฟิก ทำให้การสร้างมิตรในภูมิภาคนี้ของจีน ยังหนีไม่พ้นการเผชิญหน้าการถ่วงดุลอำนาจกับสหรัฐ

นอกจากนี้เมื่อ พิจารณาการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีน ที่มีแนวโน้มว่าจะชะลอตัวลง จีนต้องหาทางขยายการลงทุนและสร้างพันธมิตรเพิ่มในหลาย ๆ ประเทศ ทำให้จีนมีแนวโน้มที่จะข้ามไปให้ความช่วยเหลือ

กับชาติในภูมิภาคละติ นอเมริกา โดยนอกจากให้เงินกู้ และเพิ่มการลงทุนในเวเนซุเอลา ก่อนหน้านี้ จีนยังลองให้เงินกู้และการลงทุนกับเอกวาดอร์ คิวบา บราซิล และประเทศอื่นๆ ในอเมริกาใต้มาแล้วด้วย

การที่จีนเน้นไปที่การเร่งให้เกิดระบบหลายขั้วอำนาจในโลก การเพิ่มบทบาทของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ประเทศกำลังพัฒนากฎหมายระหว่างประเทศ ตลอดจนวิถีทางการทูตบนเวทีโลก ยังสอดคล้องกับแนวคิดของชาติในละตินอเมริกาที่ต้องการมีอำนาจต่อรองในเวทีระหว่างประเทศ

หลังจากที่เคยเป็นเสมือนหลังบ้านที่ถูกละเลยของสหรัฐ และยังต้องรับผลกระทบจากการผ่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐ หลังสหรัฐประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูเศรษฐกิจได้พอสมควร
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่