การคำนวณหาครั้งที่ผมใช้สถิติอย่างง่ายๆคือ ”ค่าเฉลี่ย” นะครับ (เนื่องจากยังไม่มีความสามารถในการใช้การวิเคราะห์แบบจำลองข้อมูลอนุกรมเวลา Time-series Analysis) จากตารางคือตัวเลขสัดส่วนผู้มาและไม่มาใช้เลือกระหว่างปี 2476-2554

หากใช้ค่าเฉลี่ยระหว่างปี 2476-2554 เป็นตัวคิดก็คงจะไม่ดีเนื่องจากโครงสร้างและรูปแบบการเมืองนั้นเปลี่ยนไป ความสนใจทางการเมืองก็เปลี่ยนไปมาก ผมจะใช้ค่าเฉลี่ยหลังจากที่มีรัฐธรรมนูญปี 40 แทนคือการเลือกตั้งระหว่างปี 2544-2554
ค่าเฉลี่ยของสัดส่วน
คนที่ไม่มาใช้สิทธิอยู่แล้ว ได้แก่ ผู้ที่ไม่สนใจการเมืองหรือผู้ที่มีเหตุฉุกเฉินไม่สามารถไปเลือกตั้งได้ คือ
29.49% [1][2]
จากตัวเลขสัดส่วนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งปี 2557 อย่างไม่เป็นทางการคือ 45.84% [3] สัดส่วนผู้ไม่มาเลือกตั้งคือ 54.16% เมื่อหักลบกับค่าเฉลี่ยของสัดส่วนคนที่ไม่มาใช้สิทธิอยู่แล้ว
ตัวเลขผู้ตั้งใจไม่มาเลือกตั้งโดยประมาณ คือ 54.16-45-29.49 =
24.67%
ที่มา :
[1]
http://www.parliament.go.th/ewtadmin/ewt/parliament_parcy/ewt_w3c/more_news.php?cid=2212&filename=
[2]
http://www.ect.go.th/th/?page_id=494
[3]
http://goo.gl/vaX0da
การคาดการณ์สัดส่วนผู้ตั้งใจไม่ไปเลือกตั้ง 2557 อย่างไม่เป็นทางการ
หากใช้ค่าเฉลี่ยระหว่างปี 2476-2554 เป็นตัวคิดก็คงจะไม่ดีเนื่องจากโครงสร้างและรูปแบบการเมืองนั้นเปลี่ยนไป ความสนใจทางการเมืองก็เปลี่ยนไปมาก ผมจะใช้ค่าเฉลี่ยหลังจากที่มีรัฐธรรมนูญปี 40 แทนคือการเลือกตั้งระหว่างปี 2544-2554
ค่าเฉลี่ยของสัดส่วนคนที่ไม่มาใช้สิทธิอยู่แล้ว ได้แก่ ผู้ที่ไม่สนใจการเมืองหรือผู้ที่มีเหตุฉุกเฉินไม่สามารถไปเลือกตั้งได้ คือ 29.49% [1][2]
จากตัวเลขสัดส่วนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งปี 2557 อย่างไม่เป็นทางการคือ 45.84% [3] สัดส่วนผู้ไม่มาเลือกตั้งคือ 54.16% เมื่อหักลบกับค่าเฉลี่ยของสัดส่วนคนที่ไม่มาใช้สิทธิอยู่แล้ว ตัวเลขผู้ตั้งใจไม่มาเลือกตั้งโดยประมาณ คือ 54.16-45-29.49 = 24.67%
ที่มา :
[1] http://www.parliament.go.th/ewtadmin/ewt/parliament_parcy/ewt_w3c/more_news.php?cid=2212&filename=
[2] http://www.ect.go.th/th/?page_id=494
[3] http://goo.gl/vaX0da