JJNY : 5in1 "ช่อ"รับผลเลือกตั้งอบจ.ไม่เข้าเป้า│วีระยุทธแนะตั้งวอร์รูม│อนุส.ว.อัดกกต.│หุ้นร่วงแรง│คาดศก.กัมพูชาจะโต 5.8%

"ช่อ" รับผลเลือกตั้ง อบจ. ไม่เข้าเป้า กติกาวันเสาร์กระทบสิทธิ ปชช.
https://www.pptvhd36.com/news/การเมือง/241973

"ช่อ พรรณิการ์" รับผลการเลือกตั้ง อบจ. 2568 ไม่เข้าเป้า กำหนดเลือกตั้งวันเสาร์อาจมีผลต่อจำนวนผู้มาใช้สิทธิ จี้ กกต. รับผิดชอบทำประชาชนไม่สะดวกมาเลือกตั้ง
 
3 ก.พ. 2568 นางสาวพรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า เปิดเผยในรายการเปิดโต๊ะข่าว PPTV HD36 ถึงมุมมองหลังการเลือกตั้งนายก อบจ. 2568 ที่ผ่านมา
 
นางสาวพรรณิการ์ กล่าวว่า ยอมรับตามความเป็นจริงว่าไม่เข้าเป้า ผู้ช่วยหาเสียงแต่ละคนรวมถึงบรรดาผู้บริหารของพรรคก็มีตัวเลขในใจว่าจะได้เท่าไหร่ ซึ่งตัวเลขภาพรวมที่เราคาดหวัง คือ 2-5 ที่นั่ง แต่ได้มา 1 ที่นั่ง คือผิดเป้าหมาย
 
ปีนี้ ผู้ช่วยหาเสียงที่ไปครบจริง ๆ มีแค่หัวหน้าพรรคและนายธนาธร แต่ที่เหลือจะแบ่งโซนกันไปว่าพื้นที่ไหนใครมีความถนัดหรือประชาชนมีจริตตรงกับผู้หาเสียงคนไหน ซึ่งตนก็อยู่แค่ 3 จังหวัด คือ เชียงใหม่ ลำพูน และสมุทรปราการ

นางสาวพรรณิการ์ กล่าวว่า ลำพูนยิ่งไม่ต้องพูดถึง ส่วนเชียงใหม่อยู่ในการวิเคราะห์ตลอดอยู่แล้ว ฉะนั้นทั้งสองจังหวัดนี้ไม่มีใครคิดว่าพรรคประชาชนจะชนะแน่ ๆ ตนก็ไม่คิดในช่วงแรก แต่ช่วง 2 สัปดาห์สุดท้าย เนื่องจากไปหาเสียงบ่อยโดยเฉพาะเชียงใหม่ ซึ่งเน้นไปพื้นที่ไกล ๆ เช่น อมก๋อย เชียงดาว 
รู้สึกว่ามันได้ มันถึงจริง ๆ และการจัดทีม อบจ.เชียงใหม่ดี คือ เอาทีมรองนายกทีมบริหารเป็นชาติพันธุ์ แต่ละคนก็มีฐานเสียงเป็นของตัวเอง
 
ฉะนั้น โดยปกติพรรคประชาชนจะทำได้ดีในพื้นที่เมือง แต่ในเขตรอบนอกจะหาย ๆ ไป แต่ครั้งนี้ความมั่นใจของตน คือ ในเมืองเรามั่นใจมาก แต่ในรอบนอกคนจะไม่ค่อยรู้สึกมากนัก แต่ตนเป็นคนไปหาเสียงก็จะรู้ว่ารอบนอกครั้งนี้ไม่เลว ในเมื่อเป็นแบบนี้เชียงใหม่มีโอกาสชนะมาก และไม่ได้ผิดคาดขนาดนั้นเพราะแพ้แค่ 2หมื่น
 
ตนคิดว่าสู้ไปเต็มที่และไม่เสียใจ ต้องยอมรับว่าอีกฝั่งเป็นทั้งนายกคนปัจจุบันและนายทักษิณก็ทุ่มเทเต็มที่ พรรคตนได้ขนาดนี้ก็ไม่เสียใจ ภูมิใจในผลงานที่เกิดขึ้นและได้รับความไว้วางใจที่ประชาชนมอบให้ ส่วนลำพูน ตนพูดถึงลำพูนเยอะเพียงแต่สื่ออาจจะไม่ค่อยโฟกัส พูดถึงในแง่ที่ลำพูนเป็นนิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่สุดและมีรายได้เฉลี่ยประชากรสูงสุดในภาคเหนือ
 
นางสาวพรรณิการ์ กล่าวต่อว่า ตอนนี้คนตั้งคำถามว่าทำไมลำพูนคนมาใช้สิทธิเยอะสุดในประเทศไทย เพราะเป็นพื้นที่สูงวัยสมบูรณ์ คนแก่มาใช้สิทธิเยอะ คนหนุ่มสาวก็ไม่ได้ไปทำงานข้างนอก เพราะมีนิคมอุตสาหกรรม แม้การเลือกตั้งวันเสาร์จะมีผลแต่ก็น้อย เพราะเขาอยู่ในนิคมฯ ตลอด เพราะฉะนั้น สส. ของเรา เรียกว่า 1 คนครึ่ง เนื่องจากเขต 2 ของลำพูนเราเกือบชนะกำนันต้อม แพ้ไปนิดเดียวตอนเลือกตั้งปี 66

ฐานเสียงเรามีอยู่แล้วในการเลือกตั้งปี 66 เกือบทั้งจังหวัดไม่ต่างจากเชียงใหม่  จุดสำคัญอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรม แม้จะมีการทำงานวันเสาร์ แต่อัตราคนไปใช้สิทธิถือว่าสูง ประมาณ 73% สูงที่สุดในประเทศไทย เป็นปัจจัยเกื้อหนุน เพราะอย่าลืมว่าลำพูนชนะแค่ 6,000 เชียงใหม่แพ้ 20,000 อาจจะเทียบกันไม่ได้เพราะผู้มาใช้สิทธิมีจำนวนต่างกัน แต่ก็ยังถือว่าลำพูนชนะนิดเดียว ซึ่งถ้าผู้มาใช้สิทธิน้อยกว่านี้โอกาสที่จะไม่ได้ก็มี
 
เมื่อถามว่าถ้าผู้มาใช้สิทธิมากแบบลำพูน อาจจะได้ที่นั่งมากกว่านี้หรือไม่ นางสาวพรรณิการ์ ตอบว่า เวลาพูดแบบนี้ไม่อยากให้ทุกคนตีความว่าเราหาเรื่องแก้ตัว เพราะผ่านการเลือกตั้งมาแล้ว ตนยอมรับความพ่ายแพ้ ยอมรับว่าไม่เป็นตามเป้า ผิดหวัง ต้องกลับไปเรียนรู้และปรับปรุงอีกเยอะในการทำงานของทีม สส. สจ. ในพื้นที่ว่าไม่เข้าเป้าประชาชน
 
นางสาวพรรณิการ์ กล่าวต่อว่า นี่คือการวิเคราะห์บนความเป็นจริง ตัวเลขฟ้องข้อเท็จจริงที่ว่าในการเลือกตั้งปี 63 กับ 68 คือการเลือกตั้ง อบจ. ทั้งคู่ ในปี 63 ผู้มาใช้สิทธิประมาณ 63% ครั้งนี้ตัวเลือกยังไม่เบ็ดเสร็จแต่ประมาณ 55.32% คนที่หายไป คือ 2 ล้านคน คิดเป็น 8% การที่คนหายไป 8% ซึ่งก็จะมีคนแย้งว่า จะโวยวายทำไมทุกคนก็อยู่ในกติกาเดียวกัน คือ เลือกตั้งวันเสาร์ ทำไมถึงคิดว่ามีแต่พรรคคุณที่คะแนนหาย
 
ตนขอพูดตรง ๆ จากข้อเท็จจริงไม่ใช่ข้อแก้ตัว ว่าคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขต และการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร ไม่ต่ำกว่า 70% เป็นของพรรคอนาคตใหม่และพรรคก้าวไกล การเลือกตั้งวันเสาร์ก็เหมือนกัน การเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขต คือ คนวัยทำงานต่างถิ่น หรืออาจจะไม่ว่างก็เลือกไปในวันที่สะดวก ส่วนเลือกตั้งวันเสาร์ คนที่ทำงานวันเสาร์ คือ คนที่อยู่ในระบบเศรษฐกิจ ส่วนใหญ่เป็นงานโรงงานอุตสาหกรรมหรือห้างร้าน

แน่นอนว่าช่วงวัย กลุ่มอายุหรืออาชีพ เป็นคนที่โหวตให้พรรคก้าวไกล พรรคประชาชน เพราะคนกลุ่มนี้คือกลุ่มคนที่อายุค่อนข้างน้อย เป็นคนเมือง และการอยู่ในระบบเศรษฐกิจแปลว่า เขาอยู่นอกเหนือเครือข่ายอุปถัมภ์ดั้งเดิมในพื้นที่ ข้อเท็จจริงที่เป็นไปได้สูงคือ เขาเลือกพรรคประชาชน
 
ส่วนจะคิดไหมว่าคนทำกติกา เขารู้ว่าถ้าเลือกตั้งวันเสาร์คนที่หายไปจะเลือกฝ่ายไหน เขาทำเพื่อตัดกำลังหรือไม่ นางสาวพรรณิการ์ กล่าว
 
ต่อว่า ใช่ แน่นอน จะเชื่อหรือไม่เชื่อตนก็ได้ แต่นี่คือข้อเท็จจริง ตนขอพูด 2 ส่วนให้ชัดเจน คือ ระยองตนแปลกใจมากเหตุใดถึงแพ้เยอะ เรารู้ว่าสู้กับนายกช้างหนักมาก แต่ฐานเราก็แน่น ส่วนหนึ่งที่แพ้คือเราล้มเหลวในการรณรงค์ให้คนออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง แต่ตนขอฝากไปถึงพรรคประชาชนด้วยเลยว่า สส.เขต ต้องกลับไปดูว่าการทำงานในพื้นที่เป็นอย่างไร นี่คือส่วนหนึ่งที่ทำให้เราคิดว่าบางพื้นที่มันน่าจะได้มากกว่านี้
 
ทางพรรคประชาชนต้องไปคุยกับทีมงานในพื้นที่และ สส.ด้วยว่า ผลงานของคุณไม่เข้าตาประชาชนมากพอ นี่คือส่วนที่ต้องปรับปรุง ยอมรับว่าพรรคประชาชนต้องไปคุยกันในพรรคให้มาก ๆ ส่วนปัจจัยที่สำคัญมาก ๆ ที่ต้องพูดเช่นเดียวกัน คือ กติกาที่ออกแบบเช่นนี้ กกต. ชุดนี้มีผลงานโบว์ดำไม่รู้กี่ชิ้นแล้ว
 
นางสาวพรรณิการ์ กล่าวต่อว่า ตนคิดว่า การกำหนดกติกาแบบนี้ ไม่จำเป็นต้องแคร์ความได้เปรียบ - เสียเปรียบของพรรคการเมืองไหนทั้งสิ้น แต่คุณตอบตัวเองได้ไหมว่า การกำหนดวันเลือกตั้งแบบนี้อำนวยความสะดวกหรือรักษาสิทธิในการไปเลือกตั้งของประชาชนได้ไหม ในเมื่อตัวเลขออกมาแล้วว่าผู้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งลดลงมาจากปี 63 และต่ำกว่าเป้าที่ กกต.ตั้งไว้เองด้วย คือ ไม่ต่ำกว่า 60% คำถามคือ กกต. จะรับผิดชอบอย่างไรกับเรื่องนี้
คุณกล้าพูดไหม ว่าไม่เกี่ยวกับการจัดเลือกตั้งวันเสาร์ ในเมื่อเทียบกับปี 63 ที่เลือกตั้งวันอาทิตย์ซึ่งลดลง 8% ทั้งที่การเลือกตั้งครั้งนี้คนตื่นตัวกันมาก ซึ่งปี 63 ตรงกับช่วงโควิดด้วย ฉะนั้นทุกอย่างค่อนข้างอึมครึม
 
นางสาวพรรณิการ์ กล่าวว่า เขารู้อยู่แล้วว่าทุกอย่างถูกกฎหมาย แต่ย้อนกลับไปปี 62  กกต. ตอนที่เปลี่ยนสูตรคำนวณปาร์ตี้ลิสต์แล้วลดพรรคอนาคตใหม่จาก 88% เหลือ 81% ทำให้ปีกประชาธิปไตยที่รวมกันเกิน 250 ลดเหลือ 246 นั่นคือ ผลงาน กกต. การคุมกติกามันส่งผลแบบนี้ แล้วครั้งนี้จัดเลือกตั้งวันเสาร์
 
ตนขอบอกเลยว่าไม่ต้องพูดถึงการได้เปรียบ - เสียเปรียบ เอาแค่คุณตอบได้ไหม ว่าการที่ทำแบบนี้ ทำให้คนจำนวนมากไม่ได้รับความสะดวกจนไม่มาใช้สิทธิ์เลือกตั้งในฐานะผู้รับผิดชอบการจัดการการเลือกตั้ง คุณรับผิดชอบเรื่องนี้อย่างไร
 
https://www.youtube.com/watch?v=KcxJjfKeoHQ&list=PLN_S-FG2PTZcFD7Ns0bdm_T3IvGGp9Aga
 


วีระยุทธ แนะรัฐตั้งวอร์รูม มอนิเตอร์ยิบ อัพเดตข้อมูลให้ภาคธุรกิจ ยันสงครามการค้ายุคทรัมป์เริ่มแล้ว
https://www.matichon.co.th/politics/news_5032180

วีระยุทธ แนะรัฐตั้งวอร์รูม มอนิเตอร์ยิบ อัพเดตข้อมูลให้ธุรกิจ ยันสงครามการค้ายุคทรัมป์เริ่มแล้ว 

เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2568 นายวีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร รองหัวหน้าพรรคประชาชน ได้แชร์ข้อความของ ประธานาธิบดีทรูโด ของประเทศแคนาดา โดยระบุว่า 

สงครามการค้ายุคทรัมป์ 2.0 เริ่มนับหนึ่งแล้ว

1 กุมภาพันธ์ ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีสินค้าจากแคนาดาและเม็กซิโก 25% จากระดับเดิม ส่วนจีนโดน 10%

1 กุมภาพันธ์ จีนประกาศพร้อมสู้กลับผ่านช่องทางองค์การการค้าโลก (WTO)

2 กุมภาพันธ์ ประธานาธิบดีทรูโดประกาศว่า แคนาดาจะตอบโต้สหรัฐฯ ด้วยกำแพงภาษี 25% เช่นกัน และเริ่มเกม Made in Canada ชวนให้ชาวแคนาดาดูตราสินค้าก่อนซื้อ เพื่อสนับสนุนสินค้าที่ผลิตภายในประเทศ

สถานการณ์เคลื่อนไหวกันรายชั่วโมงไม่เว้นวันหยุดราชการ ปีนี้ไทยควรมี War Room มอนิเตอร์การค้าโลกครับ ทั้งเพื่ออัปเดตข้อมูลกับภาคธุรกิจและประชาชน รวมถึงการเดินเกมเชิงรุกหาพันธมิตรทั้งเชิงประเด็น และเชิงภูมิภาคล่วงหน้า

https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=pfbid0wJFYK1gwmvUPL3bFd3t7aC4wDBtAE5aXtyUFiw1DSngJadhu16sVtLRFJpRKnrYnl&id=61553732966651



อนุส.ว. อัดกกต. จัดเลือกอบจ. ทำปชต.ถดถอย ชง 6 ข้อ ถอดบทเรียน รับสนามต่อไป เลือกตั้งเทศบาล
https://www.matichon.co.th/politics/local-election/news_5031682
 
’อนุ กมธ.พัฒนาการเมือง‘ เสนอ 6 ข้อให้กกต.ถอดบทเรียนเตรียมหย่อนบัตรสนามเทศบาล ’จัดเลือกตั้งออนไลน์-ล่วงหน้า-วันอาทิตย์‘ นายกอบจ.ลาออกก่อนครบวาระ 90 วัน ไม่สามารถลงเลือกตั้งสมัยถัดไปได้
 
เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2568 ที่รัฐสภา น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สมาชิกส.ว. ในฐานะโฆษกคณะอนุกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมือง และการมีส่วนร่วมของประชาชน ใน กมธ.การพัฒนาการเมือง การมีส่วนร่วมของประชาชน สิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา พร้อมด้วย ส.ว.พันธ์ใหม่ แถลงกรณีการเลือก นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) และ ส.อบจ. เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา
 
โดย น.ส.นันทนา กล่าวว่า การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา นับเป็นการจัดการเลือกตั้งที่สะท้อนความถดถอยทางประชาธิปไตย เป็นอย่างยิ่งเพราะ พบปัญหาในหลายประเด็น เช่น จำนวนผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้งน้อยกว่าเป้าหมาย และน้อยกว่าการเลือกตั้งอบจ. เมื่อปี 2563 ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้ มีผู้ที่ออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งเพียงแค่ 58.45% ลดลงจากเดิม 4% หรือบางจังหวัดมีผู้ออกมาใข้สิทธิ์เลือกตั้งไม่ถึง 50% ทั้งนี้ การจัดเลือกตั้งทึ่ตรงกับวันเสาร์ส่งผลให้มีผู้ออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งน้อยลง
 
น.ส.นันทนา กล่าวด้วยว่า ขณะเดียวกันก็พบว่า มีบัตรเสีย 5.69% หรือประมาณ 931,290 ใบ ซึ่งถือว่าเยอะ และตอนที่กรมการปกครองเป็นผู้จัดการเลือกตั้ง จะกำหนดให้มีบัตรเสียไม่เกิน 3% หรือบางจังหวัดก็มีบัตรเสีย 6-7% ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการทุจริตในการนับคะแนนหรือไม่
 
น.ส.นันทนา กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังมีเรื่องการรายงานผลการเลือกตั้งของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ล่าช้า หากเรานั่งดูการนับคะแนนอยู่ เรากลับไม่เห็นคะแนนจาก กกต. แต่กลับเห็นจากหน่วยงานอื่น สื่อมวลชนหรือแม้กระทั่งพรรคการเมืองที่เป็นคนนำเสนอ ถือเป็นความด้อยประสิทธิภาพ รวมถึงกรณีที่มีเสียงร่ำลือว่ามีการซื้อเสียงกัน ที่มีการปรากฏภาพเงินแบงก์ร้อยมัดเรียงในกล่องหลายกล่อง หรือมีแม้กระทั่งบัตรย้ำเบอร์ของผู้สมัครพร้อมกับเงินแบงก์พันที่ถืออยู่ในมือ ซึ่งไม่แน่ใจว่าจะเชื่อมโยงให้ กกต.ไปตรวจสอบเรื่องการทุจริตซื้อเสียงได้หรือไม่
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่