[กระทู้เด็กมีปัญหา] เมื่อถูกครอบครัวมองว่าเด็กเกินไป

กระทู้นี้เป็นกระทู้ของเด็กมีปัญหาธรรมดาๆ คนหนึ่งค่ะ เด็กมีปัญหาระดับซอฟต์ๆ ที่ไม่ได้มีปัญหาโลกแตกหรือชีวิตหลุดมาจากนิยาย... เป็นปัญหาธรรมดาๆ ที่ผ่านมาและกำลังจะผ่านไปค่ะ ^^
ก่อนอื่น เราขอแบ่งประเด็นกระทู้ออกเป็น 2 เรื่องนะคะ
หนึ่งคือเรื่องครอบครัว
สองคือเรื่องโรงเรียนค่ะ
ซึ่งโดยรวมแล้วกระทู้นี้มีจุดประสงค์เพื่อการเล่าเรื่องและขอความเห็นจากผู้มีวัยวุฒิเล็กๆ น้อยๆ ค่ะ

...ครอบครัวเรามีสมาชิก 5 คนค่ะ
ประกอบไปด้วย พ่อ แม่ พี่สาว เรา และน้องสาว(ผู้หญิงทั้งสามคน)
ท้าวความว่าครอบครัวเราค่อนข้างมีปัญหา

คือพ่อแม่ที่มีอายุเกินเลข5 (แม้หน้าจะอยู่เลข4ทั้งคู่) ชอบทะเลาะกันทุกวันด้วยเรื่องเล็กๆ บ้าง (เช่นเรื่องการสื่อสาร ใช้ภาษาไทยผิดความหมาย) ลูกค้าบ้าง (บ้านเราเปิดกิจการส่วนตัวค่ะ บางครั้งก็ให้ข้อมูลลูกค้าไม่ตรงกันเลยทะเลาะกัน) ...ทะเลาะนี่ไม่เคยทำร้ายร่างกายกันค่ะ แต่ชอบด่ากันขึ้นเสียงใส่กันและทำลายข้าวของเป็นบางครั้ง บางทีถ้าพ่อขับรถอยู่ก็จะได้เล่นตะลุยอวกาศฟรีจนถึงที่หมาย (จริงแล้วถ้าต่างคนต่างลดทิฐิของตัวเองก็จะไม่ทะเลาะกันบ่อยขนาดนี้)

ส่วนพี่สาวอายุห่างจากเราถึง 7 ปี เรียนจบป.โทแล้ว (แต่หน้าเหมือนมัธยมปลาย+ตัวเล็กนิดหน่อย) เมื่อก่อนตอนเรียนป.ตรีเป็นคนที่ชอบเที่ยวค่ะ หลายครั้งโกหกพ่อแม่ว่าไปทำรายงานบ้านเพื่อนแล้วกลับดึกๆ ราวตี2ตี3 (แม่จับได้ทีหลังจากการโทรถามเพื่อนสนิทพี่) พ่อแม่เป็นห่วงทุกครั้งค่ะ บางครั้งถึงกับร้องไห้ แต่ก็เนื่องจากความปากแข็งของพ่อแม่ที่พอเจอหน้าก็ไม่ยอมแสดงออกมาตรงๆ ว่าเป็นห่วง ทำให้ต้องทะเลาะกันบ่อยๆ จนพี่สาวยิ่งเกลียดบ้านและชอบเที่ยว ...หลายหนที่ทะเลาะจนหนีออกจากบ้านไปค้างกับเพื่อน นานสุดก็ร่วมเดือน+ติดต่อไปไม่รับสาย สุดท้ายหลังกลับมา (เราแอบฟันธงว่าเงินเก็บหมดแหงๆ เลยกลับ) พ่อแม่ก็ยอมๆ ปล่อยให้เที่ยว+วุฒิภาวะสูงขึ้น+ภาระรับผิดชอบมากขึ้น+มีแฟน เลยเที่ยวน้อยลงบ้างและไม่หนีออกจากบ้านอีก

ขอพูดถึงน้องสาวก่อนวกมาที่เรานะคะ
น้องสาวห่างจากเรา 4 ปี น้องเราเรียนโรงเรียนค่าเทอมเหยียบแสนตั้งแต่เด็ก (เพราะตอนน้องเกิด กิจการพ่อแม่ดีขึ้นเรื่อยๆ) ประกอบกับเป็นน้องเล็กสุดของบ้าน น้องสาวเลยค่อนข้างเป็นเด็กสปอยล์ค่ะ โดยปกติก็จะเป็นเด็กที่น่ารักดีค่ะ ขี้ประจบเวลาอยากได้ของ เป็นเด็กทั่วๆ ไปที่อยากให้ครอบครัวรักกัน แต่ถ้าเป็นสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบก็จะโมโหร้ายและเอาแต่ใจตัวเองมากค่ะ ด้วยนิสัยจากโรงเรียนที่กล้าแสดงออก บางครั้งก็ไม่เห็นหัวผู้ใหญ่ค่ะ คือย้อนได้ก็ย้อนเลย ถึงปัจจุบันจะย้ายโรงเรียนมาที่ซอต์ฟกว่า (เพราะพี่สาวอยากให้เน้นวิชาการ) แต่ก็เพิ่งย้ายได้ปีเดียว นิสัยเอาแต่ใจเลยยังติดจากเพื่อนรร.เก่ามาอยู่ค่ะ และบางครั้งอยากได้อะไรพอร้องงอแงมากๆ แม่ก็จะรำคาญและซื้อให้ค่ะ (เราบอกแม่แล้วว่าอย่าตามใจมาก เพราะเวลาร้องแล้วได้เดี๋ยวครั้งต่อไปก็ร้องเรื่อยๆ แต่แม่ก็บอกว่ารำคาญจริงๆ อยากตัดปัญหาเลยซื้อให้[แต่น้องเราก็มีสกิลความน่ารำคาญสูงมากจริงๆ])

สุดท้ายกลับมาที่เราค่ะ
เราเป็นลูกคนกลาง... เราเคยเกลียดครอบครัวมากๆ เมื่อตอนยังเด็ก (ปีนี้อายุ17) เคยรู้สึกแย่มากๆ ทุกครั้งที่พ่อแม่ทะเลาะขึ้นเสียงใส่กัน ทุกครั้งที่พี่สาวออกจากบ้าน ทุกครั้งที่น้องเอาแต่ใจแล้วพาลลงกับเรา เรารู้สึกว่าบ้านนี้มันแย่ โลกนี้มันเศร้า และคิดฆ่าตัวตายอยู่หลายครั้ง (ยอมรับว่าคิดสั้นมากและไร้สาระมาก มองย้อนกลับไปนี่โคตรปัญญาอ่อนเลยค่ะ เอาทั้งชีวิตไปทิ้งกับแค่ปัญหาเล็กน้อย) ในช่วงนั้นเราหนีความจริงโดยการติดเกมติดการ์ตูนและติดนิยาย(แฟนตาซี)ค่ะ... เราดีขึ้นเรื่อยๆ (แต่ไม่เลิกติดการ์ตูนกับนิยาย เพราะรักไปแล้ววว) ดีขึ้นเพราะคบเพื่อนที่ดีมากค่ะ(เพศเดียวกัน) เพื่อนคอยรับฟังเรา ให้คำปรึกษาและกำลังใจเราโดยไม่บ่นรำคาญหรือสมเพชเราเลยสักครั้ง หลายครั้งเราง้องแง้งใส่เพื่อนคนนี้โดยไม่มีเหตุผล แต่มันก็ทนอยู่กับเราค่ะ แถมช่วยเราแทบทุกอย่างทั้งเรื่องเรียนเรื่องปรับนิสัยให้เข้ากับสังคมได้ จนเราเลิกเข้าสู่ด้านมืดค่ะ (คุณเพื่อนคะ เธอเป็นนางฟ้าแปลงกายมาหรอคะ!?) แต่นิสัยที่ติดคอมพิวเตอร์ การ์ตูน เกม นิยายยังคงอยู่เหมือนที่พี่ยังติดเที่ยวจนถึงปัจจุบันค่ะ

ใช่ค่ะ... เรา(คิดว่า)หลุดพ้น 'ช่วงมืดมน' ของชีวิตมาแล้ว (...นิยามช่วงชีวิต ม.ต้น) และอะไรๆ ก็กำลังดีขึ้น

...อารัมภบทครอบครัวยาวเป็นกิโลฯ วกเข้าเนื้อหากระทู้แสนสั้น (?) กันดีกว่าค่ะ
ดังที่เกริ่นไปข้างต้น คือเราเป็นคนติดคอมพิวเตอร์ ติดนิยาย ติดความอาร์ต ...และติดบ้าน ทำให้ปัจจุบันเสด็จแม่ไม่พอพระทัยทุกครั้งที่ชวนไปเที่ยวแล้วไม่ยอมไป! (แม่คะ เกมมันมีอีเว้นท์ ยังเคลียร์ดันเจี้ยนไม่จบ เดี๋ยวตี้แตก...) หรือการเล่นคอมฯ ยันเกือบเที่ยงคืนทุกวัน แล้วยังหิ้วกระเป๋าไซส์ควาย (ขออภัยคำหยาบคาย) ไปแบกนิยายจากงานหนังสือทุกที

คือ... ด้วยหลายๆ สาเหตุ ทำให้เราถูกย้ายโรงเรียนค่ะ มาอยู่โรงเรียนเก่าพี่สาวตอน ม.ปลาย และเลือกอยู่หอ(เพราะรร.อยู่กทม.แต่บ้านเราอยู่ปริมณฑล) สาเหตุหลักๆ เลยเพราะแม่อยากให้เราห่างจากคอมฯ ค่ะ (เหมือนว่าโดนรังสีจากคอมมากไปทำให้มีภาวะเครียดเสี่ยงเป็นโรคหัวใจ) และพี่สาวอยากให้เราเข้าสังคมมากขึ้นค่ะ (พี่สาวเห็นว่าเราอยู่แต่บ้าน อยู่กินกับจอจนใกล้แต่งงานคลอดลูกเป็นซอต์ฟแวร์) เลยลงมติเห็นชอบย้ายโรงเรียนกลางปี (ขึ้นเทอมสองพอดี)

***เนื้อหาจริงกระทู้คือตรงนี้ค่ะ***
เราไม่ชอบโรงเรียนใหม่สักเท่าไหร่ค่ะ แม้จะอยู่จนจะครบหนึ่งเทอมแล้วก็ตาม

ไม่ใช่เพื่อนไม่ดีนะคะ ในมุมมองของความเป็นเพื่อน เพื่อนที่นี่ดีมากค่ะ เป็นกันเองแทบทุกคน เท่าที่เห็นคือไม่มีใครแอนตี้หรือแบนใครค่ะ

แต่ที่เรารู้สึกแย่คือเปอร์เซ็นต์เด็กติดยากับสาวไม่ซิงมันเยอะจนเราตกใจค่ะ (ขนาดเพื่อนในกลุ่มเด็กเรียนยังมีสามีแล้วเกือบครึ่ง) มันก็ดีค่ะ ที่ไม่ชักชวนให้เพื่อนเสีย เหมือนพวกเขารู้จักแยกชีวิตส่วนตัวกับเพื่อนอ่ะค่ะ เปิดมุมมองใหม่กับเราเหมือนกัน... เพราะเมื่อก่อนอคติอะไรๆ อยู่มาก (เพราะคบกับพวกเด็กเรียนอย่างเดียวจริงๆ)

แต่โรงเรียนนี้การเรียนอ่อนมากค่ะ ขนาดว่ารร. เก่าเราอ่อนแล้ว ที่นี่ยังอ่อนกว่า ...คือหนึ่งวันได้เรียนเกินสามคาบนี่ก็บุญแล้ว (วันหนึ่งมี7คาบ) หนังสือซื้อมาเป็นตั้งแต่ได้ใช้แค่เล่มเดียว (เล่มเดียวจริงๆ ค่ะ แล้ววิชานี้เรียนแค่อาทิตย์ละ2-3คาบ)

จริงๆ เราไม่ใช่เด็กเรียนค่ะ แต่สัมผัสได้ว่าสมองฝ่อลงไปเยอะเพราะไม่ค่อยได้คิด การบ้านนี่ก็หนึ่งอาทิตย์งานเดียว คือมันสบายมากค่ะ สบายมากจริงๆ จนเหมือนชีวิตหลุดจากโลกความจริงไปแล้ว (ก่อนหน้านี้เราเรียนสายวิทย์-คณิตค่ะ แต่รร.นี้ มีสูงสุดแค่ศิลป์-คำนวณ)

ไม่ใช่ว่าเราชอบลำบาก แต่เราคิดว่าที่นี่มันสกปรกและหนาวค่ะ (ชอล์คทำสิวบุกหน้า+ฝุ่นกับขยะในห้องเรียนมีได้ทุกวันไม่รู้จักหมดสิ้น+หอมีแต่ฝุ่นกับแมลง+เครื่องซักผ้าเต็มไปด้วยแบคทีเรีย[เราเป็หวัดสามรอบในเทอมนี้ทั้งนี้เมื่อก่อนแทบไม่เป็นเลย]+น้ำอาบไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่น+รุ่นพี่ชอบเปิดแอร์10กว่าองศาทั้งที่เรานอนติดแอร์ใหญ่ตัวนั้น[หอรวม])

แถมผู้ชายไร้มารยาทมาก หาคนพูดด้วยดีๆ ยากค่ะ ...มีรุ่นน้องชายคนหนึ่งขโมยกางเกงพละเราไปตอนมันอยู่ห้องเครื่อง(ห้องนั้นอยู่ใกล้หอชาย) กางเกงปักรหัสนักเรียนตัวเท่าบ้าน มองระยะสิบเมตรยังเห็นชัดยังกล้าขโมย แถมจนปัจจุบันยังไม่ยอมคืนให้เลยค่ะ (จริงแล้วถึงเอาคืนมาฉันก็ไม่กล้าใส่นะ แต่ฉันโมโหนายอ่ะ ฮึ่ย)

สรุปรวมๆ คือเราไม่ชอบรร.นี้สักเท่าไหร่ค่ะ แม้มันจะสบาย แต่มันก็อึดอัดไม่แพ้กัน เราเหลือเวลาอีกหนึ่งปีก่อนขึ้นมหาลัย

...จุดสำคัญคือ เราอยากย้ายโรงเรียนกลับค่ะ เราคิดถึงยัยเพื่อนเทวดาคนนั้นมาก (พูดด้วยความรักนะคะ อยากจบพร้อมเพื่อนคนนี้มาก เพื่อนแท้จริงๆ ค่ะ ปัจจุบันยังติดต่อเล่าสู่กันฟังมิได้ขาด) คิดถึงคอมพิวเตอร์ของเรามาก (จะแต่งงานอยู่กินตราบอายุขัยไม่สิ้นจากกันไป) คิดถึงห้องนอนที่เต็มไปด้วยนิยายกับการ์ตูนของเรา (พอมาอยู่หอกลับเสาร์-อาทิตย์แล้วฝุ่นจับเชียว)

เพื่อนเราคนนั้นบอกว่าย้ายกลับแล้วไม่น่ามีปัญหา เพราะ รร.เก่าเราก็เอกชน เข้าง่าย ส่วนเรื่องบทเรียนนี้น่าจะตามทัน เพราะเทอม2ที่เราห่างไปมีแต่กิจกรรม ไม่ค่อยได้เรียน

ปัญหาอยู่ที่ว่า พี่สาวกับแม่ไม่ค่อยอยากให้เราย้ายกลับน่ะค่ะ... โดนส่วนตัวคือแม่รับรู้สภาพที่นี่เพราะเราเล่าให้ฟังค่ะเลยไม่ค่อยขัดเท่าพี่สาว ...เราไม่ค่อยเล่าให้พี่สาวฟังเท่าไหร่ เพราะกลัวทำร้ายความหวังดีของพี่ เพราะนี่คือโรงเรียนเก่าพี่ พี่เลยยังยึดติดภาพความทรงจำดีๆ สมัยของพี่อยู่น่ะค่ะ

แต่ก็ทะเลาะกับพี่จนหาข้อสรุปไม่ได้อยู่ดีว่าจะย้ายกลับได้ไหม พ่อก็บอกว่าอีกปีเดียวเอง แต่เราพยายามบอกพ่อว่าอยู่นี่มันลำบากหลายๆ อย่าง พ่อเลยเงียบไป ให้ตัดสินใจกันเอง

เรารู้สึกแย่ค่ะ กับการที่เล่นคอมฯ แล้วถูกจำกัดห้าม คือเราเข้าใจนะคะว่าเป็นห่วง แต่เราทำอะไรหลายๆ อย่างด้วยคอมฯ จริงๆ เช่นฝึกวาดรูปด้วยเมาส์ปากกา (อยากจะเรียนดิจิตัลอาร์ต) แต่งนิยายเล่น (ระบายความเพ้อฝันของตัวเองออกไปบ้าง) เล่นเกมกับเพื่อนๆ (แต่ก็ไม่ได้ติดมากมายเท่าตอน ม.ต้น) ดูการ์ตูนซับไทย (ซีซั่นละไม่กี่เรื่อง) บลาๆๆ

อาจจะไม่เกี่ยว แต่พาลให้เรารู้สึกว่าคนในครอบครัวชอบจำกัดความชอบของเรา เพราะเราอยากเรียนดิจิตัลอาร์ต แม่ก็ไม่ค่อยสนับสนุน(แต่ก็ไม่ได้ห้าม) เราอ่านนิยาย ก็บอกให้เราเพลาๆ ลงบ้าง ...ก็จริงที่ไม่ได้ห้ามเด็ดขาด แต่เรารู้สึกเหมือนกับว่าคนในครอบครัวมองเราเป็นเด็ก... เด็กที่จัดการชีวิตตัวเองไม่ได้

เราอยากบอกพี่สาวว่า เราไม่ได้อยากเป็นแบบพี่ ไม่ได้อยากเที่ยวอยากเข้าสังคมขนาดนั้น เรากับพี่ต่างกันแทบจะโดยสิ้นเชิง การที่พี่ออกจากบ้านแทบตลอดแล้วอ้างว่าไปธุระบ้างเที่ยวบ้าง อะไรหลายๆ อย่าง ก็เหมือนกับที่เราเล่นคอมฯ แล้วดูอนิเมะบ้าง อ่านฟิคบ้าง เล่นเกมบ้าง วาดรูปบ้างนั่นล่ะ

มุมมองของเรามองเห็นแค่พี่ออกจากบ้าน ไม่ได้ไปรับรู้ว่าทำอะไรที่ไหน เหมือนกับที่พี่มองเห็นแค่ว่าเราอยู่กินกับหน้าจอ เท่านั้นเอง... เราไม่ใช่เด็กติสต์เข้าสังคมไม่ได้ เราจัดการตัวเองได้ เลิกทำเหมือนเราเป็นเด็กสักที...

เราอยากจะถามชาวพันทิปว่า
1. เราควรทำยังไงให้กลับไปรร.เดิมได้โดยที่ไม่ต้องทะเลาะกับพี่สาว
2. เราเป็นที่เด็กเอาแต่ใจมากไหมคะ
3. ที่อ่านมาทั้งหมดนี่รู้สึกยังไงบ้างคะ

ปล. เราจิ้มไอโฟนนานมากกว่าจะพิมพ์จบ "orz

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่