คือผมเรียนอยู่ม.6แล้วตอนนี้ก็พึ่งปิดเทอม1ไป แล้วช่วงนี้ผมก็มีปัญหากับที่บ้านปัจจุบันซึงก็คือตากับยายแต่ตอนนี้ก็ไม่ได้แย่เท่าวันแรกๆที่มีปัญหาแต่แน่นอนมันก็ไม่กลับมาเป็นเหมือนเดิมหรอก แล้วพ่อผมกับพี่ชายเค้าจะให้ผมข้ามจังหวัดไปอยู่ด้วยเรียนต่อเทอม2ที่นู่นตอนรู้เรื่องพี่โทรมาถามครั้งแรกผมก็ค่อนข้างลังเลนะเพราะมีอีกตั้งหลายอย่างที่ผมควรจะทำต่อที่นี่รวมถึงสิ่งที่อยากจะทำด้วยถึงแม้ว่าครอบครัวตอนนี้มันจะแย่ก็ตามถึงจะเป็นงั้นผมก็ไม่อยากไปอยู่แล้วอะตอนผมปฏิเสธเค้าก็พยายามจะดึงไปให้ได้บอกที่นู่นไม่ได้แย่อย่างที่คิดมั่งเรื่องเรียน ที่อยู่ ค่ากินใช้จะจัดการให้ ผมก็ปฏิเสธต่อแล้วก็ขอกไปหลายรอบว่าไม่อยากไป"แต่ถ้ามันจำเป็นจริง ๆ ก็ต้องไป"จนผมคิดอะไรไม่ออกเครียดหนักมากตอนนั้นแล้วเงียบไปพูดอะไรไม่ออก พี่ก็ตีความว่าผมตกลงแล้วไปบอกพ่อ
มาที่เรื่องโรงเรียนปัจจุบันของผมก่อน ก็เป็นโรงเรียนที่ดีมากทีเดียวครูอาจารย์ก็ดีส่วนใหญ่แถมมีป้าใจดีร้านข้าวที่เขาจะเลี้ยงผมทุกวันจนจบด้วย แล้วเรื่องที่ผมควรอยู่ก็คือค่าเทอมที่ยังไม่จ่ายถ้าไม่จ่ายแล้วย้ายก็ยุ่งยากอีกภาระให้ตัวเองเพิ่มขึ้นเพราะพ่อกับพี่ก็ไม่มีท่าทีว่าจะจ่ายด้วย "โครงงานIS"อันนี้สำคัญมากเป็นโครงงานใหญ่ที่ใช้เวลาทำต่อเนื่อง2เทอมซึ่งถ้าย้ายก็ลำบากตรงนี้อีก อีกอย่างคือด้านเนื้อหาผมกลัวจะไม่เข้าใจยิ่งเป็นคนที่เข้าใจอะไรยากอยู่แล้วเด็กนอกเมืองจะให้ไปเรียนในเมืองได้ไงมันไม่เหมือนกันเผลอ ๆ โรงเรียนผมสอนช้ากว่าโรงเรียนอื่นด้วยซํ้า ส่วนอีกเรื่องคือความคิดเห็นส่วนตัวคือห้องที่ผมอยู่อะเป็นห้องที่เพื่อนในห้องไม่ค่อยลงรอยเวลามีงานห้องถ้าไม่มีผมสั่งทำกันไม่ได้แทบจะเกี่ยงกันตลอด แล้วก็มีเรีองเพื่อนที่มันสนิทกันมากแล้วอะอยู่ด้วยกันมหลายปีเลยทำใจยากอยากอยู่จนถึงตอนที่ทุกคนได้แยกย้ายกันจริง ๆ แล้วก็ผมมีแผนการจะเซอร์ไพรส์เพื่อนทุกคนในช่วงท้ายปีมันคือสิ่งที่ผมอยากทำมาตลอดแล้วเพื่อนก็เคยขอให้ผมทำมันบ่อย ๆ ด้วยแต่ไม่กล้าซักทีแล้วสิ้นปี้นี้แหละก่อนจบผมจะทำมันถือเป็นของขวัญปีใหม่
เย็นวันนี้เพื่อนก๋มาบ้านผมก็คุยนู่นคุยนี่ผมก็เล่าเรื่องนี้ให้เค้าฟังด้วยเค้าก็อยากให้ผมทนนะถ้าทนได้อีกแค่ไม่กี่เดือนก็เอาให้จบเลย กลับมาเรื่องเดิมล่าสุดเค้าโทรมาหาผมอีกรอบถามว่าจะไปตอนไหนผมก็พูดไปแหละว่ายังมีงานต้องทำอยู่ละผมก็เข้าประเด็นว่าตอนนี้คิดดีแล้วว่าจะไม่ไป แต่ช่วงปิดเทอมนี้ก็ยังจะไปอยู่ไปหาค่าเทอมตามแผนที่คิดไว้แล้วก็กลับมาทนเรียนต่อให้จบ ผมก็บอกไปแหละว่าคิดดีแล้วไม่ไปเรียนนู่นปัญหาเยอะโดยใช่เหตุซะเปล่าดพราะผมก็ทนได้ผมใจแข็งอยู่แล้วโดนมาเยอะ เค้าก็พูดหว่านไปจะให้ไปให้ได้ ผมก็ยันคำเดิม ทีนี้เค้าพูดใส่ผมว่าทำไมก่อนหน้านี้ก็บอกแล้วนิว่าจะไปแล้วก็บอกพ่อไปแล้วด้วยทั้งที่ก่อนหน้าผมพูดว่า"อยากอยู่นี่ต่อทนเรียนให้จบเลยย้ายไปปัญหาก็เยอะซะเปล่าแต่ถ้ามันจำเป็นจริง ๆ ก็คงต้องไป" ผมไปพูดตอนไหนว่าจะไปใครฟังก็รู้ป่าวประโยคนี้ผมแทบจะเข้าข้างตัวเอง80%ด้วยซํ้า ผมจะบอกให้เค้าไปบอกพ่อให้หน่อยว่าให้ไปบอกพ่อว่าจะเรียนนี่ทนได้แต่ก็จะไปหาช่วงปิดเทอมจะไปหาค่าเทอมแค่นั้น แล้วเค้าก็ไล่ให้ผมไปคุยกับพ่อเองผมไม่เข้าใจว่าเพื่ออะไรเค้าเป็นคนเข้าใจผิดเองก็ควรแก้เองรึป่าวแล้วก็พูดอยู่ซักพักพอผมไม่ยอมไปพี่ก็พูดขึ้นมาว่าถ้าไม่มาก็ไม่ต้องมาเลยนะ แล้วก็ไล่ผมไปคุยกับพ่ออีกแล้วก็ตัดสายไปเลย เซ็งมากพี่คนนี้ไม่เคยเข้าใจอะไรน้องตัวเองเลย
**โอเคผมขอพูดก่อนเลยว่าผมไม่ไว้ใจพ่อ**
เพราะก่อนหน้าน้องชายผมคนเล็กสุดไปอยู่ด้วย พ่อเค้าไม่ทำอะไรเลยทำเหมือนลูกเป็นขี้ข้า เรื่องชีวิต เรื่องโรงเรียนไม่สนปล่อยให้จัดการเองแล้วน้องผมอายุแค่7ขวบอะจะให้ทำอะไรได้ปล่อยอย่างกับไม่มีตัวตนไม่รับผิดชอบซักอย่าง แล้วจะให้ผมเอาชีวิตการเรียนผมไปฝากไว้กับคนที่มีประวัติแบบนี้ทำไมแทนที่จะซัปพอร์ทอยู่ห่าง ๆ ผมไม่มีความเสี่ยงเลยนะถ้าเค้าทำงี้ ไม่ต้องฝากอะไรด้วยแค่ดูแลค่ากิน เค้าก็ไม่ได้เสียอะไรเพิ่มถูกมั้ยก็ปกติเหมือนทุกวันก็ได้ แล้วอีกอย่างคือการที่พี่เคยพูดถึงสิ่งที่เค้าทำว่ามันแย่แค่ไหนตอนไปอยู่แรก ๆ เค้าใช้นิสัยแน่ ๆ แบบเดิมของเค้าสมัยที่แม่กับพ่อยังไม่หย่ากัน แล้วต่อมาอันนี้คือปัญหาหลักที่ผมไม่ยอมสุด ๆ คือพ่อเล่นยาและติดพนันถามว่าผมรู้ได้ไง เพราะก่อนหน้านี้ผมรู้มาจากญาติของผมเป็นอาสาวที่เค้าแคปเป็นหลักฐานแชทเนัอหาประมาณว่าพ่อผมจะดึงสามีเขาไปเกี่ยวกับเรื่องยา พนันแล้วเค้าก็พยายามจะดึงสามีเขาออกมาแล้วก็บอกไม่ต้องให้พ่อผมไปยุ่งกับเขาอีก มันก็ทำให้ผมได้รู้ว่าทำไมเขาถึงไม่มีเงินเหลือเลยซักบาททั้งที่ตลอดที่ผ่านมาเค้าส่งให้ผมกับน้องคนละ50ต่อวันเท่ากับวันละร้อยในขณะที่เงินเดือนเค้าก็15000 แถมยังมายืมพี่วันละ100-300มันจะไม่พอได้ไงงานก็ไปทำทุกวัน นี่แหละผมไม่ควรไว้ใจคนแบบนี้ถูกมั้ยไม่อยากคุยด้วยคุยทีไรเหมือนจะทะเลาะกันทุกทีเป็นคนยุคประมาณเจนX-Yที่ผมรู้สึกว่าแย่ที่สุดนึกว่าBBเข้าใจอะไรยากมาก เอาแต่ใจ บางทีก็พูดด้วยตักกะทีฟังยังไงก็ไม่ขึ้นแย้งทีไรจะชวนทะเลาะทุกทีเลยไม่อยากคุยด้วยคุยแล้วเครียด
คิดว่าถ้าผมเลือกแบบนี้ถูกแล้วมั้ย หรือผมควรเลือกย้ายดีเอาชีวิตไปแขวนไว้บนเส้นด้ายพร้อมภาระที่อาจจะหนักกว่าของเดิมหลายเท่า ถ้าให้พูดตรง ๆ ผมก็ไม่ควรถามหรอกชีวิตผมผมรู้ว่าตัวเองควรเลือกอะไร อะไรจะดีที่สุดกับตัวเอง แต่ยังไงผมก็อยากฟังคนอื่นด้วยว่าคิดยังไงแล้ว ก็ถือว่าพูดให้คนอื่นฟังด้วยไปปลดปล่อยซักนิด
ระหว่างย้ายโรงเรียนกับทนอีกแค่5เดือน ควรเลือกแบบไหน
มาที่เรื่องโรงเรียนปัจจุบันของผมก่อน ก็เป็นโรงเรียนที่ดีมากทีเดียวครูอาจารย์ก็ดีส่วนใหญ่แถมมีป้าใจดีร้านข้าวที่เขาจะเลี้ยงผมทุกวันจนจบด้วย แล้วเรื่องที่ผมควรอยู่ก็คือค่าเทอมที่ยังไม่จ่ายถ้าไม่จ่ายแล้วย้ายก็ยุ่งยากอีกภาระให้ตัวเองเพิ่มขึ้นเพราะพ่อกับพี่ก็ไม่มีท่าทีว่าจะจ่ายด้วย "โครงงานIS"อันนี้สำคัญมากเป็นโครงงานใหญ่ที่ใช้เวลาทำต่อเนื่อง2เทอมซึ่งถ้าย้ายก็ลำบากตรงนี้อีก อีกอย่างคือด้านเนื้อหาผมกลัวจะไม่เข้าใจยิ่งเป็นคนที่เข้าใจอะไรยากอยู่แล้วเด็กนอกเมืองจะให้ไปเรียนในเมืองได้ไงมันไม่เหมือนกันเผลอ ๆ โรงเรียนผมสอนช้ากว่าโรงเรียนอื่นด้วยซํ้า ส่วนอีกเรื่องคือความคิดเห็นส่วนตัวคือห้องที่ผมอยู่อะเป็นห้องที่เพื่อนในห้องไม่ค่อยลงรอยเวลามีงานห้องถ้าไม่มีผมสั่งทำกันไม่ได้แทบจะเกี่ยงกันตลอด แล้วก็มีเรีองเพื่อนที่มันสนิทกันมากแล้วอะอยู่ด้วยกันมหลายปีเลยทำใจยากอยากอยู่จนถึงตอนที่ทุกคนได้แยกย้ายกันจริง ๆ แล้วก็ผมมีแผนการจะเซอร์ไพรส์เพื่อนทุกคนในช่วงท้ายปีมันคือสิ่งที่ผมอยากทำมาตลอดแล้วเพื่อนก็เคยขอให้ผมทำมันบ่อย ๆ ด้วยแต่ไม่กล้าซักทีแล้วสิ้นปี้นี้แหละก่อนจบผมจะทำมันถือเป็นของขวัญปีใหม่
เย็นวันนี้เพื่อนก๋มาบ้านผมก็คุยนู่นคุยนี่ผมก็เล่าเรื่องนี้ให้เค้าฟังด้วยเค้าก็อยากให้ผมทนนะถ้าทนได้อีกแค่ไม่กี่เดือนก็เอาให้จบเลย กลับมาเรื่องเดิมล่าสุดเค้าโทรมาหาผมอีกรอบถามว่าจะไปตอนไหนผมก็พูดไปแหละว่ายังมีงานต้องทำอยู่ละผมก็เข้าประเด็นว่าตอนนี้คิดดีแล้วว่าจะไม่ไป แต่ช่วงปิดเทอมนี้ก็ยังจะไปอยู่ไปหาค่าเทอมตามแผนที่คิดไว้แล้วก็กลับมาทนเรียนต่อให้จบ ผมก็บอกไปแหละว่าคิดดีแล้วไม่ไปเรียนนู่นปัญหาเยอะโดยใช่เหตุซะเปล่าดพราะผมก็ทนได้ผมใจแข็งอยู่แล้วโดนมาเยอะ เค้าก็พูดหว่านไปจะให้ไปให้ได้ ผมก็ยันคำเดิม ทีนี้เค้าพูดใส่ผมว่าทำไมก่อนหน้านี้ก็บอกแล้วนิว่าจะไปแล้วก็บอกพ่อไปแล้วด้วยทั้งที่ก่อนหน้าผมพูดว่า"อยากอยู่นี่ต่อทนเรียนให้จบเลยย้ายไปปัญหาก็เยอะซะเปล่าแต่ถ้ามันจำเป็นจริง ๆ ก็คงต้องไป" ผมไปพูดตอนไหนว่าจะไปใครฟังก็รู้ป่าวประโยคนี้ผมแทบจะเข้าข้างตัวเอง80%ด้วยซํ้า ผมจะบอกให้เค้าไปบอกพ่อให้หน่อยว่าให้ไปบอกพ่อว่าจะเรียนนี่ทนได้แต่ก็จะไปหาช่วงปิดเทอมจะไปหาค่าเทอมแค่นั้น แล้วเค้าก็ไล่ให้ผมไปคุยกับพ่อเองผมไม่เข้าใจว่าเพื่ออะไรเค้าเป็นคนเข้าใจผิดเองก็ควรแก้เองรึป่าวแล้วก็พูดอยู่ซักพักพอผมไม่ยอมไปพี่ก็พูดขึ้นมาว่าถ้าไม่มาก็ไม่ต้องมาเลยนะ แล้วก็ไล่ผมไปคุยกับพ่ออีกแล้วก็ตัดสายไปเลย เซ็งมากพี่คนนี้ไม่เคยเข้าใจอะไรน้องตัวเองเลย
**โอเคผมขอพูดก่อนเลยว่าผมไม่ไว้ใจพ่อ**
เพราะก่อนหน้าน้องชายผมคนเล็กสุดไปอยู่ด้วย พ่อเค้าไม่ทำอะไรเลยทำเหมือนลูกเป็นขี้ข้า เรื่องชีวิต เรื่องโรงเรียนไม่สนปล่อยให้จัดการเองแล้วน้องผมอายุแค่7ขวบอะจะให้ทำอะไรได้ปล่อยอย่างกับไม่มีตัวตนไม่รับผิดชอบซักอย่าง แล้วจะให้ผมเอาชีวิตการเรียนผมไปฝากไว้กับคนที่มีประวัติแบบนี้ทำไมแทนที่จะซัปพอร์ทอยู่ห่าง ๆ ผมไม่มีความเสี่ยงเลยนะถ้าเค้าทำงี้ ไม่ต้องฝากอะไรด้วยแค่ดูแลค่ากิน เค้าก็ไม่ได้เสียอะไรเพิ่มถูกมั้ยก็ปกติเหมือนทุกวันก็ได้ แล้วอีกอย่างคือการที่พี่เคยพูดถึงสิ่งที่เค้าทำว่ามันแย่แค่ไหนตอนไปอยู่แรก ๆ เค้าใช้นิสัยแน่ ๆ แบบเดิมของเค้าสมัยที่แม่กับพ่อยังไม่หย่ากัน แล้วต่อมาอันนี้คือปัญหาหลักที่ผมไม่ยอมสุด ๆ คือพ่อเล่นยาและติดพนันถามว่าผมรู้ได้ไง เพราะก่อนหน้านี้ผมรู้มาจากญาติของผมเป็นอาสาวที่เค้าแคปเป็นหลักฐานแชทเนัอหาประมาณว่าพ่อผมจะดึงสามีเขาไปเกี่ยวกับเรื่องยา พนันแล้วเค้าก็พยายามจะดึงสามีเขาออกมาแล้วก็บอกไม่ต้องให้พ่อผมไปยุ่งกับเขาอีก มันก็ทำให้ผมได้รู้ว่าทำไมเขาถึงไม่มีเงินเหลือเลยซักบาททั้งที่ตลอดที่ผ่านมาเค้าส่งให้ผมกับน้องคนละ50ต่อวันเท่ากับวันละร้อยในขณะที่เงินเดือนเค้าก็15000 แถมยังมายืมพี่วันละ100-300มันจะไม่พอได้ไงงานก็ไปทำทุกวัน นี่แหละผมไม่ควรไว้ใจคนแบบนี้ถูกมั้ยไม่อยากคุยด้วยคุยทีไรเหมือนจะทะเลาะกันทุกทีเป็นคนยุคประมาณเจนX-Yที่ผมรู้สึกว่าแย่ที่สุดนึกว่าBBเข้าใจอะไรยากมาก เอาแต่ใจ บางทีก็พูดด้วยตักกะทีฟังยังไงก็ไม่ขึ้นแย้งทีไรจะชวนทะเลาะทุกทีเลยไม่อยากคุยด้วยคุยแล้วเครียด
คิดว่าถ้าผมเลือกแบบนี้ถูกแล้วมั้ย หรือผมควรเลือกย้ายดีเอาชีวิตไปแขวนไว้บนเส้นด้ายพร้อมภาระที่อาจจะหนักกว่าของเดิมหลายเท่า ถ้าให้พูดตรง ๆ ผมก็ไม่ควรถามหรอกชีวิตผมผมรู้ว่าตัวเองควรเลือกอะไร อะไรจะดีที่สุดกับตัวเอง แต่ยังไงผมก็อยากฟังคนอื่นด้วยว่าคิดยังไงแล้ว ก็ถือว่าพูดให้คนอื่นฟังด้วยไปปลดปล่อยซักนิด