'เป๊ปซี่ โค' ลุยเจาะตลาดเมียนมาร์

กระทู้ข่าว


ธุรกิจผลิตเครื่องดื่มจากเกาหลี "ลอตเต้ ชิลซุง เบฟเวอเรจ" และ "เมียนมาร์ โกลเดน เบฟเวอเรจ" หรือ เอ็มจีเอส เอกชนของเมียนมาร์ ได้ประกาศร่วมกันผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มของ "เป๊ปซี่ โค" ใน 17 เมืองทั่วเมียนมาร์  
ทั้ง 2 กิจการ บรรลุข้อตกลงร่วมกันจัดตั้งธุรกิจร่วมทุน ภายใต้ชื่อ "ลอตเต้-เอ็มจีเอส เบเวอเรจ" พร้อมระบุว่า คณะกรรมการกำกับการลงทุนของเมียนมาร์ อนุมัติการลงทุนดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว  
โดยลอตเต้ ชิลซุง เบฟเวอเรจ จะถือหุ้นในบริษัทดังกล่าว 70% ขณะที่เอ็มจีเอส ถือหุ้นส่วนที่เหลืออีก 30% จากมูลค่าการลงทุนรวมกัน 81 ล้านดอลลาร์
โฆษกเอ็มจีเอส ระบุ จะทำการปรับปรุงและยกระดับเทคโนโลยีการผลิต เพื่อรองรับการผลิตเครื่องดื่มของเป๊ปซี่ อาทิ เป๊ปซี่-โคล่า เซเว่น-อัพ และมิรินด้า ของโรงงานผลิตเครื่องดื่ม ซึ่งตั้งอยู่ภายในนิคมอุตสาหกรรมฮเลียง ทาร์ยาร์ นครย่างกุ้ง ซึ่งจะจัดจำหน่ายใน 17 เมืองทั่วเมียนมาร์  
ด้านนายเบียง -ตัก เฮอร์ กรรมการผู้จัดการลอตเต้-เอ็มจีเอส เบฟเวอเรจ กล่าวว่า การลงทุนเพื่อนำเป๊ปซี่ กลับมายังเมียนมาร์ในครั้งนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อชาวเมียนมาร์ อย่างน้อยก็มีการจ้างงานหลายพันอัตรา รวมถึงโปรแกรมการพัฒนาทักษะและฝึกอบรมให้กับพนักงานด้วย
นับตั้งแต่ปี 2537-2555 เมียนมาร์ไม่สามารถผลิตและจัดจำหน่ายเป๊ปซี่ ภายในประเทศได้ เนื่องจากนานาชาติประกาศคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ
ก่อนหน้าการถูกคว่ำบาตรดังกล่าว เอ็มจีเอส เคยเปิดโรงงานผลิตเครื่องดื่มเป๊ปซี่ในนครย่างกุ้งมาก่อน แต่หลังจากมีการปฏิรูปการเมือง นานาชาติยกเลิกการคว่ำบาตรเมียนมาร์เมื่อปี 2555 เป๊ปซี่โค ก็กลับเข้าทำตลาด ด้วยการลงนามในสัญญาให้ "ไดมอนด์ สตาร์" มีสิทธิแต่เพียงผู้เดียวในการนำเข้าและจัดจำหน่าย เครื่องดื่มของเป๊ปซี่โค
ซึ่งไดมอนด์ สตาร์ เป็นผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภคที่ใหญ่สุดในเมียนมาร์ และเลือกนำเข้าเป๊ปซี่แบบขวดจากเวียดนาม แต่หลังจากมีข่าวว่า มีการลักลอบนำเป๊ปซี่แบบกระป๋องที่ผลิตในไทย ซึ่งราคาถูกกว่าการนำเข้าจากเวียดนาม มาขายในเมียนมาร์ เป็นเหตุให้บริษัทมีกำไรลดลง จึงต้องหยุดการนำเข้าจากเวียดนามไปในที่สุด  

22 มกราคม 2557 เวลา 16:59 น.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่