อยากจะส่งข้อมูลเหล่านี้ให้กับคนที่ยังสนับสนุนรัฐบาล ซึ่งอาจยังไม่รู้ข้อมูลต่าง ๆ เหล่านี้ มีหลายคนตั้งคำถามว่าทำไม กปปส
จึงจงเกลียดจงชังรัฐบาลนัก ทำไมจึงต้องออกมาปิดกรุงเทพสร้างความเดือดร้อน และเหล่านี้น่าจะเป็นคำตอบส่วนหนึ่ง
1) โครงการขายข้าวให้รัฐบาลจีน หรือที่เรียกว่า จีทูจี จำนวนกว่า 7 ล้านตัน แทนที่รัฐบาลจะขายตรงให้จีนแต่กลับ
มอบหมายให้บริษัทสยามอินดิก้า ของเสี่ยเปี๋ยงซื่งเป็นคนสนิทของทักษิณ ที่เคยพัวพันทุจริตจำนำข้าวในสมัยรัฐบาลทักษิณ
รัฐบาลขายข้าวออกไปในราคาต่ำกว่าที่รับจำนำ (รัฐไม่เคยบอกถึงรายละเอียดราคา) แต่ต่อมาปรากฎว่ารัฐบาลจีนก็ออก
มาแถลงว่าไม่เคยทำสัญญาซื้อขายข้าวกับรัฐบาลไทย มีข้าวที่ถูกส่งออกเพียง 6 แสนตัน แล้วข้าวที่เหลือหายไปไหน ข้าวที่
เหลือเสี่ยเปี๋ยงได้นำออกขายให้กับโรงสีในเครือข่ายเพื่อนำกลับเข้ามาเวียนเทียนจำนำกับรัฐบาลต่อไป
2) เริ่มตั้งแต่ตุลา 54 ยิ่งลักษณ์อนุมัติให้มีการทำข้าวถุงเพื่อคนจนจำนวน 6 รอบ รวม 2.5 ล้านตัน หรือ 500
ล้านกระสอบ แต่ปัจจุบันแทบไม่มีใครเคยเห็นข้าวถุงดังกล่าวเลย ซ้ำร้าย ยังมีการเบิกข้าวออกไปจากองค์การคลังสินค้าโดย
ไม่มีลายเซ็นต์ของผอ.องค์การคลังสินค้า ข้าวเหล่านั้นไม่ต้องสงสัยเลย ก็เข้าสู่การเวียนเทียนไปจำนำต่อไป
3) รัฐบาลว่าจ้างบริษัทเข้ามาก่อสร้างโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านโดยยังไม่เคยศึกษาถึงความคุ้มทุน ผล
กระทบสิ่งแวดล้อม ฯลฯ โครงการที่อื้อฉาวที่สุดคือการจ้าง K-Water มาขุดคลองเชื่อมเจ้าพระยากับแม่กลองมูลค่ากว่า
1.3 แสนล้าน คลองดังกล่าวว่ากันว่าจะได้ใช้งานเพียงปีละไม่เกิน 2 สัปดาห์และมีแนวโน้มแห้งขอดเกือบทั้งปีเพราะ
ไม่มีต้นทุนน้ำ ไจก้าเคยทำการศึกษาและแนะนำรัฐบาลว่าแค่เพียงบริหารจัดการเขื่อนที่มีอยู่ และหาแก้มลิงก็เพียงพอแล้ว
แต่รัฐบาลก็ยังยืนยันที่จะทำ ซึ่งก็ไม่แปลกเพราะมีข่าวว่า K-Water มีการให้ตั๋วฟรีกับนักการเมืองพรรคเพื่อไทยไป
เกาหลี ซึ่งเจ้าตัวก็ยังออกมาปฏิเสธ
4) มีการท้วงติงถึงแหล่งเงินกู้ใน โครงการเงินกู้ 2 ล้าน ๆ ว่า เงินกู้ดอกเบี้ยปีละ 1% กว่าของไจก้า ทำไมรัฐบาลไม่กู้
แต่กลับไปกู้จากแหล่งที่คิดดอกเบี้ยถึง 5% ต่อปี เฉพาะดอกเบี้ยมีมูลค่าถึง 3 ล้าน ๆ ว่ากันว่า มีคอมมิชชันจากเงินกู้ดัง
กล่าวถึง 6 แสนล้าน
5) บริษัทมูบาดาลา ในสหรัฐอาหรับเอมิเรต ได้ออกมายืนยันเร็ว ๆ นี้ว่ายิ่งลักษณ์ได้ไปทำสัญญาให้สัมปทานน้ำมันจาก
แหล่งนงเยาว์ในอ่าวไทยปริมาณกว่า 15 ล้านบาร์เรล ให้กับบริษัท สัญญานี้ไม่เคยผ่านรัฐสภา และพบว่าผู้บริหารระดับ
สูงของบริษัทดังกล่าว ได้เคยซื้อทีมฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตี้ จากทักษิณ ในมูลค่าถึง 1 หมื่นล้านบาท ทั้งที่ทักษิณซื้อมา
เพียง 5 พันล้านบาท
6) ตั้งแต่เพื่อไทยมาเป็นรัฐบาล มีการส่งคนของพรรคไปเป็น "ที่ปรึกษากฎหมาย" ในทุกกระทรวงทบวงกรม โดย
โครงการต่าง ๆ ที่ต้องผ่านการอนุมัติจากหน่วยงานเหล่านี้ จะต้องผ่านความเห็นชอบของ ที่ปรึกษากฎหมายพวกนี้ ซึ่งคน
เหล่านี้ก็มีหน้าที่เรียกเงินใต้โต๊ะ จากบริษัทต่าง ๆ ที่เข้ามาติดต่อ ผลสำรวจที่ผ่านมาพบว่า 70% ของโครงการรัฐมีการจ่าย
ใต้โต๊ เฉลี่ยถึง 30% ของมูลค่าโครงการ
คนที่สนับสนุนรัฐบาลยิ่งลักษณ์ได้รู้ข้อมูลเหล่านี้หรือไม่
จึงจงเกลียดจงชังรัฐบาลนัก ทำไมจึงต้องออกมาปิดกรุงเทพสร้างความเดือดร้อน และเหล่านี้น่าจะเป็นคำตอบส่วนหนึ่ง
1) โครงการขายข้าวให้รัฐบาลจีน หรือที่เรียกว่า จีทูจี จำนวนกว่า 7 ล้านตัน แทนที่รัฐบาลจะขายตรงให้จีนแต่กลับ
มอบหมายให้บริษัทสยามอินดิก้า ของเสี่ยเปี๋ยงซื่งเป็นคนสนิทของทักษิณ ที่เคยพัวพันทุจริตจำนำข้าวในสมัยรัฐบาลทักษิณ
รัฐบาลขายข้าวออกไปในราคาต่ำกว่าที่รับจำนำ (รัฐไม่เคยบอกถึงรายละเอียดราคา) แต่ต่อมาปรากฎว่ารัฐบาลจีนก็ออก
มาแถลงว่าไม่เคยทำสัญญาซื้อขายข้าวกับรัฐบาลไทย มีข้าวที่ถูกส่งออกเพียง 6 แสนตัน แล้วข้าวที่เหลือหายไปไหน ข้าวที่
เหลือเสี่ยเปี๋ยงได้นำออกขายให้กับโรงสีในเครือข่ายเพื่อนำกลับเข้ามาเวียนเทียนจำนำกับรัฐบาลต่อไป
2) เริ่มตั้งแต่ตุลา 54 ยิ่งลักษณ์อนุมัติให้มีการทำข้าวถุงเพื่อคนจนจำนวน 6 รอบ รวม 2.5 ล้านตัน หรือ 500
ล้านกระสอบ แต่ปัจจุบันแทบไม่มีใครเคยเห็นข้าวถุงดังกล่าวเลย ซ้ำร้าย ยังมีการเบิกข้าวออกไปจากองค์การคลังสินค้าโดย
ไม่มีลายเซ็นต์ของผอ.องค์การคลังสินค้า ข้าวเหล่านั้นไม่ต้องสงสัยเลย ก็เข้าสู่การเวียนเทียนไปจำนำต่อไป
3) รัฐบาลว่าจ้างบริษัทเข้ามาก่อสร้างโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านโดยยังไม่เคยศึกษาถึงความคุ้มทุน ผล
กระทบสิ่งแวดล้อม ฯลฯ โครงการที่อื้อฉาวที่สุดคือการจ้าง K-Water มาขุดคลองเชื่อมเจ้าพระยากับแม่กลองมูลค่ากว่า
1.3 แสนล้าน คลองดังกล่าวว่ากันว่าจะได้ใช้งานเพียงปีละไม่เกิน 2 สัปดาห์และมีแนวโน้มแห้งขอดเกือบทั้งปีเพราะ
ไม่มีต้นทุนน้ำ ไจก้าเคยทำการศึกษาและแนะนำรัฐบาลว่าแค่เพียงบริหารจัดการเขื่อนที่มีอยู่ และหาแก้มลิงก็เพียงพอแล้ว
แต่รัฐบาลก็ยังยืนยันที่จะทำ ซึ่งก็ไม่แปลกเพราะมีข่าวว่า K-Water มีการให้ตั๋วฟรีกับนักการเมืองพรรคเพื่อไทยไป
เกาหลี ซึ่งเจ้าตัวก็ยังออกมาปฏิเสธ
4) มีการท้วงติงถึงแหล่งเงินกู้ใน โครงการเงินกู้ 2 ล้าน ๆ ว่า เงินกู้ดอกเบี้ยปีละ 1% กว่าของไจก้า ทำไมรัฐบาลไม่กู้
แต่กลับไปกู้จากแหล่งที่คิดดอกเบี้ยถึง 5% ต่อปี เฉพาะดอกเบี้ยมีมูลค่าถึง 3 ล้าน ๆ ว่ากันว่า มีคอมมิชชันจากเงินกู้ดัง
กล่าวถึง 6 แสนล้าน
5) บริษัทมูบาดาลา ในสหรัฐอาหรับเอมิเรต ได้ออกมายืนยันเร็ว ๆ นี้ว่ายิ่งลักษณ์ได้ไปทำสัญญาให้สัมปทานน้ำมันจาก
แหล่งนงเยาว์ในอ่าวไทยปริมาณกว่า 15 ล้านบาร์เรล ให้กับบริษัท สัญญานี้ไม่เคยผ่านรัฐสภา และพบว่าผู้บริหารระดับ
สูงของบริษัทดังกล่าว ได้เคยซื้อทีมฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตี้ จากทักษิณ ในมูลค่าถึง 1 หมื่นล้านบาท ทั้งที่ทักษิณซื้อมา
เพียง 5 พันล้านบาท
6) ตั้งแต่เพื่อไทยมาเป็นรัฐบาล มีการส่งคนของพรรคไปเป็น "ที่ปรึกษากฎหมาย" ในทุกกระทรวงทบวงกรม โดย
โครงการต่าง ๆ ที่ต้องผ่านการอนุมัติจากหน่วยงานเหล่านี้ จะต้องผ่านความเห็นชอบของ ที่ปรึกษากฎหมายพวกนี้ ซึ่งคน
เหล่านี้ก็มีหน้าที่เรียกเงินใต้โต๊ะ จากบริษัทต่าง ๆ ที่เข้ามาติดต่อ ผลสำรวจที่ผ่านมาพบว่า 70% ของโครงการรัฐมีการจ่าย
ใต้โต๊ เฉลี่ยถึง 30% ของมูลค่าโครงการ