คนที่ไปร่วมม๊อบ กปปส ล้วนแต่เป็นเพราะความเกลียดชังเท่านั้น
นี่เป็นผลพวงมาจากการทำหน้าที่ของ สื่อสารมวลชน ที่เลว ไม่อิงข้อเท็จจริง ใช้แต่ความเกลียดชัง มุ่งร้ายทำลายผู้อื่น ให้ข้อมูลข่าวสารประชาชนโดยไม่ตรวจสอบข้อเท็จจริงใดๆ นี่เป็นโศกนาฏกรรมของประเทศไทย
จะโทษแต่เฉพาะ นักสื่อสารมวลชน ที่เลว ฝ่ายเดียวก็ไม่ได้ เพราะ องค์กรสื่อ และ ผู้หลักผู้ใหญ่ที่มีหน้าที่ควบคุมองค์กรของตนเอง ก็ไม่รู้จักยับยั้งห้ามปราม ตักเตือนถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น หรือว่า ผู้หลักผู้ใหญ่เหล่านั้น กลับเลวเสียเองอย่างนั้นหรือ??? จึงทำให้ภาพพจน์ออกมาเช่นนี้ แบบนี้หรือที่บอกว่า องค์กรสื่อสารมวลชน ควรหรือที่จะมีอิสระในการให้ข้อมูลข่าวสารต่อประชาชนโดยไม่ได้กลั่นกรอง มันเป็นความรับผิดชอบต่อสังคมมิใช่หรือ??? ถ้าไม่ได้ยึดโยงต่อผลประโยชน์ หรือ คำนึงถึงแต่ระบบอุปถัมภ์แล้วล่ะก็ สื่อมวลชน ก็ควรจะกลั่นกรอง และเสนอข่าวที่เป็นข้อเท็จจริงต่อสังคมเท่านั้น ไม่ใส่ความรู้สึกเกลียดชังลงไปในข่าว ซ้ำร้ายหลายๆ ข่าวก็เสนอแบบไม่มีการตรวจสอบ และเมื่อความจริงปรากฏ ก็ไม่มีการแสดงความรับผิดชอบใดๆ องค์กรสื่อสารมวลชนที่ไม่มีความรับผิดชอบแบบนี้ ไม่ควรมีอยู่ในสังคมไทยเลย เพราะมันทำให้เสื่อม!!!!
โดยเฉพาะ การนำเสนอข่าวว่า ประชาชนมาร่วมชุมนุมกับ กปปส เป็นล้านๆ คน!!!
มันเป็นข้อมูลแหกตา แต่ ทางทีวีแต่ละช่อง ก็เกรงใจลงกำนัน เสนอข่าวไปในแนวทางเดียวกันกับ กปปส ทั้งๆ ที่ข้อเท็จจริงมันไม่ใช่ ทั้งๆ ที่ตรวจสอบจากสื่อต่างประเทศที่ไปร่วมชุมนุมทำข่าวด้วย ก็ยังประเมินเพียงหลักพัน หลักหมื่น สูงสุดให้ 7 เวทีรวมกันแค่ 5-6 หมื่นคน
แสดงให้เห็นว่า สื่อสารมวลชน โดยเฉพาะทางทีวีนี้ มีมาตรฐานต่ำเพียงใด??? มันมีเรื่องผลประโยชน์ คอรัปชั่นอยู่ด้วยหรือไม่??? มันแสดงให้เห็นถึงระบบอุปถัมภ์ของสื่อ กับ ลุงกำนันหรือ????
อ้างอิง
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNNE9UazJNRFk1TkE9PQ==§ionid=
ในวันที่ 16 มกราคม 2557 วอชิงตันโพสต์ ถึงกับ “พาดหัว” สะท้อนปฏิกิริยาที่จริงจังแข็งกร้าว ว่า "การประท้วงในประเทศไทย เป็นการต่อต้าน การปกครองระบอบประชาธิปไตย" พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐแสดงท่าทีคัดค้านที่จริงจังต่อการปฏิวัติ ไม่ว่าจะเป็นการ “ปฏิวัติโดยทหาร” หรือ “ปฏิวัติโดยประชาชน” ก็ตาม (
http://www.washingtonpost.com/opinions/thailands-anti-democracy-protests-merit-a-rebuke-from-the-us/2014/01/15/ca2205a8-7e1b-11e3-95c6-0a7aa80874bc_story.html)
ตามด้วย บทความลงวันที่ 17 มกราคม 2557 ในหนังสือพิมพ์ ดิ ออสเตรเลียน (
http://www.theaustralian.com.au/opinion/editorials/thailand-needs-an-election/story-e6frg71x-1226803564488) ที่ว่า "การเลือกตั้งเป็นวิธีการที่ดีที่สุดในการออกจากวิกฤต ทว่าหลักฐานล้วนชี้ชัดว่า ผู้ประท้วงซึ่งนำโดยพรรคประชาธิปัตย์ จะแพ้การเลือกตั้ง พรรคการเมืองนี้จึงประกาศไม่ลงเลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์"
ดิ ออสเตรเลียน ยังกล่าวอีกว่า กปปส. เรียกร้องให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งในระบอบเป็นประชาธิปไตย หลีกทางให้แก่ "สภาประชาชน" ซึ่งไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง อันเป็นการทรยศต่อวิถีปฏิบัติของประเทศไทยในฐานะประเทศประชาธิปไตยแห่งแรกๆของทวีปเอเชีย
ด้วย “เสียงประสาน” ของสื่อต่างชาติหลายสำนักนี้เอง จึงอาจเป็นที่มา ของ จดหมายเปิดผนึกถึงประธานธิบดี บารัค โอบามา จาก นาย ไมเคิล อาร์ เทอร์เนอร์ สมาชิกสภาคองเกรส พรรครีพับลิกัน ที่เรียกร้องให้แสดงท่าที สนับสนุนการเลือกตั้งของไทยในวันที่ 2 กุมภาพันธ์
หลายคนอาจสงสัย ว่า ทำไมชาวต่างชาติจึงคิดเช่นนี้
นักข่าวต่างประเทศคนหนึ่งอธิบายให้ฟังว่า ในประวัติศาสตร์โลก หลายประเทศ อาทิ สหรัฐอเมริกา แอฟฟริกา เมียนมาร์ ต่อสู้ผ่านสงครามกลางเมืองที่เจ็บปวดกันมายาวนาน มีผู้คนล้มตายกันเป็นจำนวนมาก เพียงเพื่อสิ่งเดียว คือ “1 สิทธิ 1 เสียง” หรือ สิทธิในการโหวตลงคะแนนเสียงเลือกตั้งอย่างเท่าเทียมเสมอภาค ซึ่งเป็นสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานท่ามกลางความแตกต่างทางกายภาพ ชาติพันธุ์ และ สถานะทางสังคม ที่มากด้วยความเหลื่อมล้ำ ที่เพื่อนมนุษย์คนหนึ่งพึงจะให้เพื่อนมนุษย์อีกคนหนึ่งได้ แต่ กปปส. กลับเรียกร้องให้ประเทศ เดินไปในทิศทางที่ตรงกันข้าม
จริงอยู่ “ระบอบประชาธิปไตย” อาจไม่ใช่ระบอบที่ดีที่สุด แต่เป็น ระบอบที่เลวน้อยที่สุด
“ประชาธิปไตย” ต้องใช้ “ความอดทน” ที่จะอยู่ร่วมกับความเห็นต่างได้ “Democracy equals to tolerance” ไม่มีทางลัดใดสู่หนทางแห่งประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ นอกจากการเปิดโอกาสให้ประชาชนได้เรียนรู้อย่างอิสระ และคิดด้วยตัวเอง
ถ้านโยบายรัฐบาลไม่ดี นักการเมืองทุจริตคอร์รัปชั่นมาก ที่สุด ประชาชนจะตัดสินใจไม่เลือกเอง
ผู้สื่อข่าวต่างประเทศ กล่าวอีกว่า แม้หลายคนอาจมองว่าประเทศไทยยัง “ไม่พร้อม” กับระบอบประชาธิปไตย ไม่เหมือนในประเทศที่พัฒนาแล้ว ระดับความเจริญของประเทศ หรือ การศึกษาของประชาชน ไม่ใช่ปัจจัยในการปฏิเสธ สิทธิขั้นพื้นฐานของความเป็นคน!!
ท้ายที่สุด ก็คงอดที่จะตั้งคำถามไม่ได้ว่า แล้วเหตุใด เมื่อผู้ร่วมชุมนุมกับ กปปส. ได้ยินเช่นนี้แล้ว จึงไม่ยุติการชุมนุม
“คำตอบ” จะเป็นไปได้หรือไม่ว่า สาเหตุอาจมาจาก “อารมณ์” แห่งความเกลียดชัง ที่ถูกโน้มน้าว ด้วย “โฆษณาชวนเชื่อ” โดยนักการตลาด นักพูด ทั้งหลาย จนอยู่เหนือ “เหตุและผล” ไปเสียแล้ว
ที่มีคนไปร่วมม๊อบ กปปส โดยไม่คำนึงถึงเหตุผล มีแต่ความเกลียดชัง ก็เพราะ
นี่เป็นผลพวงมาจากการทำหน้าที่ของ สื่อสารมวลชน ที่เลว ไม่อิงข้อเท็จจริง ใช้แต่ความเกลียดชัง มุ่งร้ายทำลายผู้อื่น ให้ข้อมูลข่าวสารประชาชนโดยไม่ตรวจสอบข้อเท็จจริงใดๆ นี่เป็นโศกนาฏกรรมของประเทศไทย
จะโทษแต่เฉพาะ นักสื่อสารมวลชน ที่เลว ฝ่ายเดียวก็ไม่ได้ เพราะ องค์กรสื่อ และ ผู้หลักผู้ใหญ่ที่มีหน้าที่ควบคุมองค์กรของตนเอง ก็ไม่รู้จักยับยั้งห้ามปราม ตักเตือนถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น หรือว่า ผู้หลักผู้ใหญ่เหล่านั้น กลับเลวเสียเองอย่างนั้นหรือ??? จึงทำให้ภาพพจน์ออกมาเช่นนี้ แบบนี้หรือที่บอกว่า องค์กรสื่อสารมวลชน ควรหรือที่จะมีอิสระในการให้ข้อมูลข่าวสารต่อประชาชนโดยไม่ได้กลั่นกรอง มันเป็นความรับผิดชอบต่อสังคมมิใช่หรือ??? ถ้าไม่ได้ยึดโยงต่อผลประโยชน์ หรือ คำนึงถึงแต่ระบบอุปถัมภ์แล้วล่ะก็ สื่อมวลชน ก็ควรจะกลั่นกรอง และเสนอข่าวที่เป็นข้อเท็จจริงต่อสังคมเท่านั้น ไม่ใส่ความรู้สึกเกลียดชังลงไปในข่าว ซ้ำร้ายหลายๆ ข่าวก็เสนอแบบไม่มีการตรวจสอบ และเมื่อความจริงปรากฏ ก็ไม่มีการแสดงความรับผิดชอบใดๆ องค์กรสื่อสารมวลชนที่ไม่มีความรับผิดชอบแบบนี้ ไม่ควรมีอยู่ในสังคมไทยเลย เพราะมันทำให้เสื่อม!!!!
โดยเฉพาะ การนำเสนอข่าวว่า ประชาชนมาร่วมชุมนุมกับ กปปส เป็นล้านๆ คน!!!
มันเป็นข้อมูลแหกตา แต่ ทางทีวีแต่ละช่อง ก็เกรงใจลงกำนัน เสนอข่าวไปในแนวทางเดียวกันกับ กปปส ทั้งๆ ที่ข้อเท็จจริงมันไม่ใช่ ทั้งๆ ที่ตรวจสอบจากสื่อต่างประเทศที่ไปร่วมชุมนุมทำข่าวด้วย ก็ยังประเมินเพียงหลักพัน หลักหมื่น สูงสุดให้ 7 เวทีรวมกันแค่ 5-6 หมื่นคน
แสดงให้เห็นว่า สื่อสารมวลชน โดยเฉพาะทางทีวีนี้ มีมาตรฐานต่ำเพียงใด??? มันมีเรื่องผลประโยชน์ คอรัปชั่นอยู่ด้วยหรือไม่??? มันแสดงให้เห็นถึงระบบอุปถัมภ์ของสื่อ กับ ลุงกำนันหรือ????
อ้างอิง
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNNE9UazJNRFk1TkE9PQ==§ionid=
ในวันที่ 16 มกราคม 2557 วอชิงตันโพสต์ ถึงกับ “พาดหัว” สะท้อนปฏิกิริยาที่จริงจังแข็งกร้าว ว่า "การประท้วงในประเทศไทย เป็นการต่อต้าน การปกครองระบอบประชาธิปไตย" พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐแสดงท่าทีคัดค้านที่จริงจังต่อการปฏิวัติ ไม่ว่าจะเป็นการ “ปฏิวัติโดยทหาร” หรือ “ปฏิวัติโดยประชาชน” ก็ตาม (http://www.washingtonpost.com/opinions/thailands-anti-democracy-protests-merit-a-rebuke-from-the-us/2014/01/15/ca2205a8-7e1b-11e3-95c6-0a7aa80874bc_story.html)
ตามด้วย บทความลงวันที่ 17 มกราคม 2557 ในหนังสือพิมพ์ ดิ ออสเตรเลียน (http://www.theaustralian.com.au/opinion/editorials/thailand-needs-an-election/story-e6frg71x-1226803564488) ที่ว่า "การเลือกตั้งเป็นวิธีการที่ดีที่สุดในการออกจากวิกฤต ทว่าหลักฐานล้วนชี้ชัดว่า ผู้ประท้วงซึ่งนำโดยพรรคประชาธิปัตย์ จะแพ้การเลือกตั้ง พรรคการเมืองนี้จึงประกาศไม่ลงเลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์"
ดิ ออสเตรเลียน ยังกล่าวอีกว่า กปปส. เรียกร้องให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งในระบอบเป็นประชาธิปไตย หลีกทางให้แก่ "สภาประชาชน" ซึ่งไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง อันเป็นการทรยศต่อวิถีปฏิบัติของประเทศไทยในฐานะประเทศประชาธิปไตยแห่งแรกๆของทวีปเอเชีย
ด้วย “เสียงประสาน” ของสื่อต่างชาติหลายสำนักนี้เอง จึงอาจเป็นที่มา ของ จดหมายเปิดผนึกถึงประธานธิบดี บารัค โอบามา จาก นาย ไมเคิล อาร์ เทอร์เนอร์ สมาชิกสภาคองเกรส พรรครีพับลิกัน ที่เรียกร้องให้แสดงท่าที สนับสนุนการเลือกตั้งของไทยในวันที่ 2 กุมภาพันธ์
หลายคนอาจสงสัย ว่า ทำไมชาวต่างชาติจึงคิดเช่นนี้
นักข่าวต่างประเทศคนหนึ่งอธิบายให้ฟังว่า ในประวัติศาสตร์โลก หลายประเทศ อาทิ สหรัฐอเมริกา แอฟฟริกา เมียนมาร์ ต่อสู้ผ่านสงครามกลางเมืองที่เจ็บปวดกันมายาวนาน มีผู้คนล้มตายกันเป็นจำนวนมาก เพียงเพื่อสิ่งเดียว คือ “1 สิทธิ 1 เสียง” หรือ สิทธิในการโหวตลงคะแนนเสียงเลือกตั้งอย่างเท่าเทียมเสมอภาค ซึ่งเป็นสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานท่ามกลางความแตกต่างทางกายภาพ ชาติพันธุ์ และ สถานะทางสังคม ที่มากด้วยความเหลื่อมล้ำ ที่เพื่อนมนุษย์คนหนึ่งพึงจะให้เพื่อนมนุษย์อีกคนหนึ่งได้ แต่ กปปส. กลับเรียกร้องให้ประเทศ เดินไปในทิศทางที่ตรงกันข้าม
จริงอยู่ “ระบอบประชาธิปไตย” อาจไม่ใช่ระบอบที่ดีที่สุด แต่เป็น ระบอบที่เลวน้อยที่สุด
“ประชาธิปไตย” ต้องใช้ “ความอดทน” ที่จะอยู่ร่วมกับความเห็นต่างได้ “Democracy equals to tolerance” ไม่มีทางลัดใดสู่หนทางแห่งประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ นอกจากการเปิดโอกาสให้ประชาชนได้เรียนรู้อย่างอิสระ และคิดด้วยตัวเอง
ถ้านโยบายรัฐบาลไม่ดี นักการเมืองทุจริตคอร์รัปชั่นมาก ที่สุด ประชาชนจะตัดสินใจไม่เลือกเอง
ผู้สื่อข่าวต่างประเทศ กล่าวอีกว่า แม้หลายคนอาจมองว่าประเทศไทยยัง “ไม่พร้อม” กับระบอบประชาธิปไตย ไม่เหมือนในประเทศที่พัฒนาแล้ว ระดับความเจริญของประเทศ หรือ การศึกษาของประชาชน ไม่ใช่ปัจจัยในการปฏิเสธ สิทธิขั้นพื้นฐานของความเป็นคน!!
ท้ายที่สุด ก็คงอดที่จะตั้งคำถามไม่ได้ว่า แล้วเหตุใด เมื่อผู้ร่วมชุมนุมกับ กปปส. ได้ยินเช่นนี้แล้ว จึงไม่ยุติการชุมนุม
“คำตอบ” จะเป็นไปได้หรือไม่ว่า สาเหตุอาจมาจาก “อารมณ์” แห่งความเกลียดชัง ที่ถูกโน้มน้าว ด้วย “โฆษณาชวนเชื่อ” โดยนักการตลาด นักพูด ทั้งหลาย จนอยู่เหนือ “เหตุและผล” ไปเสียแล้ว