พ่อแม่รังแกฉัน
พ่อแม่รังแกฉัน นั้นมีจริงๆ ไม่ใช่แค่เรื่องที่เขียนไว้ให้อ่านในวิชาภาษาไทยอย่างเดียว
เค้าโครง เรื่องจากชีวิตจริง ที่พูดไปก็ไม่มีใครเชื่อ เป็นอีกมุมชีวิตที่ไม่น่าเชื่อว่ามีจริงในโลกใบนี้
ฉันเป็นลูกสาวคนโต เกิดในครอบครัวฐานะปานกลาง ที่มีพ่อติดการพนัน แม่เป็นแม่ค้า ครอบครัวฉันมีความเชื่อว่า “ หากลูกคนแรกเป็นผู้หญิงครอบครัวจะซวยไปตลอดชาติ” และยังเชื่อว่า “มีลูกผู้หญิง เหมือนมีส้วมอยู่หน้าบ้าน” โอ้พระเจ้า!!!!! ฉันดันเป็นลูกสาว คนแรกของครอบครัวซะอีก ความซวยมาเยือน ฉัน หรือ ครอบครัวฉันล่ะเนี่ย??????
พอฉันเกิดมา ...บ้านก็โดนไฟไหม้!!! เนื่องจากอยู่ใกล้โรงงานที่กำลังจะเจ๊ง เจ้าของเลย เผาโรงงานเพื่อเอาประกัน แต่ไฟดันลามมาโดน บ้านฉันไหม้หมดเลย ...จะเรียกว่า ซวย หรือง อังเอิญดีล่ะ .... ตั้งแต่เด็กๆฉันถูกเลี้ยงดูแบบเป็นคนรับใช้ในบ้าน ที่ต้องล้างชาม ซักผ้า ถูบ้าน รีดผ้า และหน้าที่หลักคือเท กระโถนฉี่ ที่ไว้ให้คนทั้งบ้านฉี่ตอนกลางคืน เพราะห้องน้ำอยู่นอกตัวบ้าน ต้องทำทุกเช้าก่อนไปโรงเรียนตั้งแต่ป.1 ลืมบอกไปว่า.... ฉันมีน้องสาวอีกคนซึ่งตอนน้องเกิดใหม่ๆ แม่พาไปให้หมอดู ดูดวงชะตา เพราะแม่เชื่อเรื่องหมอดูและไสยศาสตร์อย่างมากมายก่ายกอง หมอดูทักว่าน้องเป็นคนมีบุญ โตมาจะสบาย ส่วนฉันเหรอ ... ซวยซ้ำซวยซ้อน เพราะหมอดู ดันทักว่าฉันเป็นคนมีกรรม ต้องเป็นเสาหลักของครอบครัวไปตลอดชีวิต ลำบากทั้งชาติ โอ้พระเจ้า ... หลังจากนั้นมา ไม่ว่าน้องจะทำอะไรผิด ฉันจะเป็นฝ่าย ถูกทำโทษเสมอ แม่เจ้า ... ทำไม????? ฉันจำได้ว่า...มีครั้งนึงที่ น้องป่วยแล้วไม่ยอมกินยา แม่ก็เอาไม้เรียวมา นึกว่าจะตีน้องให้ยอมกินยา แต่เปล่า กลับมาตีฉันเพื่อโชว์เป็นตัวอย่างให้น้องดู แม่ตีฉันจนกว่าน้องจะยอมกินยา ....พระเจ้า ....ฉันโดนจนน่วมจนต้องคลานไปขู่น้องว่า...ถ้ายังไม่กินยา ตรูจะฆ่า

เอง 555 น้องเลยยอมกินยา แม่เลยหยุดตีฉัน
ตอนเด็ก ฉันต้องหางานทำไปพร้อมกับเรียนหนังสือไป รับจ้างทำความสะอาดบ้านคุณครูบ้าง วาดภาพหาเงินบ้าง และแข่งประกวดต่างๆนานา เพื่อหาทุนเรียนต่อ จนกระทั่งฉันได้ทุนของเกจิอาจารย์ชื่อดังท่านหนึ่งจนเรียนจบม.6 และสอบชิงทุนเรียนอนุปริญญาได้ โดยไม่รบกวนเงินทางบ้าน แถมยังมีเงินช่วยจุนเจือครอบครัวอีกนิดหน่อย .... ที่จำได้และภาคภูมิใจสุดคือสามารถหาเงินมาต่อไฟฟ้าเข้าบ้านได้ด้วยน้ำพักน้ำแรงของตนเอง เพราะตอนแรกต้องอาศัยใช้ไฟจากวัด โดยต้องจ่ายค่าไฟให้วัดทั้งหมดเพื่อแลกกับได้ใช้ไฟฟ้าจากวัด เพราะไม่มีไฟฟ้าในระแวกที่ฉันอยู่ จนกระทั้งฉันไปขอต่อไฟเข้าบ้านจากการไฟฟ้าได้สำเร็จ แต่ต้องจ่ายค่าเสาไฟต้นละ 1 หมื่นบาท ซึ่งตอนนั้นฉันยังเรียนอยู่ม.3 ตกลงฉันหมดเงินค่าต่อไฟฟ้าเข้าบ้านไปประมาณ 1หมื่นห้าพันบาท ได้เสาไฟฟ้ามาไว้หน้าบ้าน1ต้น และเสาไฟที่ฉันซื้อก็ตกเป็นสมบัติของการไฟฟ้าภูมิภาค ซึ่งตอนนี้มีหม้อแปลงของบ้านข้างๆต่อยาวเหยียดเป็น10หม้อ โดยไม่ต้องจ่ายค่าเสาไฟเลย....
ฉันเคยสาบานไว้กับตัวเอง ว่าหากฉันต้องตายขอให้ฉันได้ สร้างบ้านให้พ่อแม่อยู่ และได้มีโอกาสเลี้ยงดูพ่อแม่ให้ สุขสบายก่อน หากยังทำไม่สำเร็จจะไม่ยอมตายเด็ดขาด พอฉันเรียนจบได้ทำงาน ฉันก็พยายามหากู้เงินเพื่อสร้างบ้านให้พ่อแม่ เพราะบ้าน ที่อยู่เก่านั้นเป็นบ้านไม้เก่าๆ ผุๆไปเกือบครึ่งหลัง มีครั้งนึง .... ฉันเปิดประตูหลังบ้านเพื่อจะเอากระโถนฉี่ไปเทและล้าง .... ปรากฏว่า...ประตูหลุดออกไปทั้งบานล่วงลงบนพื้นต่อหน้าต่อตาฉันเลย เสียงดังสนั่นหวั่นไหว จนต้องเอาลวดมามัดประตูให้ติดกับตัวบ้าน ต้องหมดลวดไปหลายกิโลเลย โชคดีที่บ้านฉันไม่มีเครื่องใช้ไฟฟ้าเลย จึงสบายใจเรื่องโจรขึ้นบ้าน .... ตอนสร้างบ้านเพื่อความประหยัดด้วยงบน้อย จึงตัดสินใจซื้อวัสดุเอง แต่จ้างเหมาค่าแรง โดยตกลงให้ช่างตีราคาค่าเหมาค่าแรงค่าสร้างบ้านตั้งแต่ต้นจนเสร็จ จึงตกลงกันที่ 1 แสนห้าหมื่นบาทมั้ง ส่วนวัสดุฉันจัดการหามาให้ช่างเอง โดยให้พ่อแม่ช่วยดูแลเรื่องเงินทั้งหมด เพราะฉันไม่มีเวลาไปดูเพราะต้องทำงานหาเงินใช้หนี้ที่ค่อนข้างจะเกินตัวไปหน่อย ..... พระเจ้าช่วยกล้วยทอด !!!!!! แต่ดันผิดแผน ....เมื่อพ่อนำเงินเกือบทั้งหมดไปเล่นการพนัน ทำให้บ้านสร้างไม่เสร็จ เพราะไม่มีเงินจ่ายค่างวดช่าง เงินซื้อวัสดุก็หมด แต่ฉันก็ยังเป็นหนี้ก้อนโตอยู่ ต่อมาฉันทำงานจนมีเงินเดือนสูงขึ้นมาหน่อย ฉันจึงเริ่มส่งเงินให้พ่อแม่ใช้จ่ายเดือนละ 1 หมื่นบาท โดยค่าน้ำค่าไฟหักผ่านบัญชีฉัน เป็นเวลาร่วม 20 ปี จนฉันไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย
ต่อมาพ่อเริ่มเล่นการพนันหนักขึ้นเรื่อยๆจนเป็นหนี้สิน และพ่อมาบอกฉันว่าต้องการเงิน 5 แสนเพื่อไปใช้หนี้ ฉันไม่มีให้ พ่อจึงร้องขอจะเอาที่ดินไปขายทอดตลาดแต่ที่ดินเป็นชื่อฉัน และฉันไม่ยอม เพราะเป็นสมบัติชิ้นเดียวของครอบครัวที่มีอยู่ พ่อจึงฟ้องแพ่งฉันฐานเนรคุณ และเรียกเงินจากฉัน 1 ล้านบาท ซึ่งฉันไม่มี จึงตัดสินใจขอจบคดีก่อนขึ้นศาลด้วยการยกที่ดินผืนเดียวของครอบครัวให้พ่อไป โดยมีน้องคอยให้การช่วยเหลือพ่ออยู่ ส่วนฉันก็พาแม่มาอยู่ด้วยกันกับฉัน ซึ่งตอนที่เกิดเรื่องฟ้องร้องฉันตัดสินใจกู้เงินอีกครั้งเพื่อสร้างบ้านที่เป็นของตัวเองจริงๆและเพื่อให้แม่ได้อยู่อย่างสบาย แต่ทำให้ฉันเป็นหนี้ท่วมหัวเลย แต่ เรื่องร้ายๆยังไม่จบแค่นี้ ......
พอหลังจากเคลียร์คดีกับพ่อจบแล้ว ฉันพาแม่มาอยู่กับฉัน ...... แม่ก็เริ่มมีอาการหูแว่วประสาทหลอน และมองฉันเป็นศัตรูโดยฉันไม่รู้เรื่องเลย ....และแล้ววันหนึ่ง แม่ก็หนีออกจากบ้านไปอยู่กับพ่อกับน้อง และร่วมมือกันเรียกร้องค่าเลี้ยงดูแม่จากฉัน อีก ฉันตัดสินใจจ่ายตามที่แม่ขอมา เพราะไม่อยากให้แม่ลำบาก โดยที่ทุกคนไม่รู้เลยว่าที่จริงฉันนั้นลำบากมากเงินทองแทบไม่มีเหลือใช้ เพราะเป็นหนี้สินท่วมหัวเลย แต่อะไรไม่เจ็บเท่าฉันมารู้ความจริงภายหลังว่าทั้งหมดเป็นแผนการทำลายฉันตั้งแต่ต้นโดยทุกคนในครอบครัว รู้เห็นเป็นใจกันหมด ด้วยไม่อยากให้ฉันได้ดีกว่าคนอื่น .... แบบว่าเห็นแล้ว แกนตับ .... เพราะพ่อเคยประกาศไว้ว่าจะทำให้ฉันพินาศล่มจม
ให้จงได้ ซึ่งฉันคิดว่าพ่อทำเกือบสำเร็จแล้ว เพราะตอนนี้ฉันกำลังจะล่มจมจริงๆ แผนการนี้ฉันก็ไม่รู้ว่าเริ่มมาตั้งแต่เมื่อไหร่เหมือนกัน
แต่รู้ว่า ที่จริงพ่อเป็นหนี้การพนันแค่ไม่กี่หมื่นแต่ต้องการรีดเงินจากฉันให้มากที่สุด จึงวางแผนนี้ขึ้นมา และไปหาทนายความมาช่วยเขียนคำฟ้องให้ดูดีจนศาลประทับรับฟ้องได้ ทุกวันนี้ในใจลึกๆฉันเศร้ามาก... เฝ้าถามตัวเองทุกวันว่าทำไม...ฉันทำอะไรผิดเหรอ..... งง...... คนอื่นเป็นร้อยเป็นพัน จะเกลียดเราแค่ไหน ฉันก็ไม่หวาดหวั่น แต่กลับบุพพการี ทำไม...มันเจ็บสุดๆ.....ใครไม่เป็นฉันคงไม่รู้หรอกว่ามัน....เจ็บปวด...เศร้า...ขนาดไหน....ก็แค่อยากระบาย...อยากให้สังคมรับรู้ว่า พ่อแม่รังแกฉัน นั้นมีจริงๆ ไม่ใช่แค่เรื่องที่เขียนไว้ให้อ่านในวิชาภาษาไทยอย่างเดียว
จาก นังส้วมหน้าบ้าน
พ่อแม่รังแกฉัน อยากให้สังคมรับรู้ว่า พ่อแม่รังแกฉัน นั้นมีจริงๆ ไม่ใช่แค่เรื่องที่เขียนไว้ให้อ่านในวิชาภาษาไทยเท่านั้น
พ่อแม่รังแกฉัน นั้นมีจริงๆ ไม่ใช่แค่เรื่องที่เขียนไว้ให้อ่านในวิชาภาษาไทยอย่างเดียว
เค้าโครง เรื่องจากชีวิตจริง ที่พูดไปก็ไม่มีใครเชื่อ เป็นอีกมุมชีวิตที่ไม่น่าเชื่อว่ามีจริงในโลกใบนี้
ฉันเป็นลูกสาวคนโต เกิดในครอบครัวฐานะปานกลาง ที่มีพ่อติดการพนัน แม่เป็นแม่ค้า ครอบครัวฉันมีความเชื่อว่า “ หากลูกคนแรกเป็นผู้หญิงครอบครัวจะซวยไปตลอดชาติ” และยังเชื่อว่า “มีลูกผู้หญิง เหมือนมีส้วมอยู่หน้าบ้าน” โอ้พระเจ้า!!!!! ฉันดันเป็นลูกสาว คนแรกของครอบครัวซะอีก ความซวยมาเยือน ฉัน หรือ ครอบครัวฉันล่ะเนี่ย??????
พอฉันเกิดมา ...บ้านก็โดนไฟไหม้!!! เนื่องจากอยู่ใกล้โรงงานที่กำลังจะเจ๊ง เจ้าของเลย เผาโรงงานเพื่อเอาประกัน แต่ไฟดันลามมาโดน บ้านฉันไหม้หมดเลย ...จะเรียกว่า ซวย หรือง อังเอิญดีล่ะ .... ตั้งแต่เด็กๆฉันถูกเลี้ยงดูแบบเป็นคนรับใช้ในบ้าน ที่ต้องล้างชาม ซักผ้า ถูบ้าน รีดผ้า และหน้าที่หลักคือเท กระโถนฉี่ ที่ไว้ให้คนทั้งบ้านฉี่ตอนกลางคืน เพราะห้องน้ำอยู่นอกตัวบ้าน ต้องทำทุกเช้าก่อนไปโรงเรียนตั้งแต่ป.1 ลืมบอกไปว่า.... ฉันมีน้องสาวอีกคนซึ่งตอนน้องเกิดใหม่ๆ แม่พาไปให้หมอดู ดูดวงชะตา เพราะแม่เชื่อเรื่องหมอดูและไสยศาสตร์อย่างมากมายก่ายกอง หมอดูทักว่าน้องเป็นคนมีบุญ โตมาจะสบาย ส่วนฉันเหรอ ... ซวยซ้ำซวยซ้อน เพราะหมอดู ดันทักว่าฉันเป็นคนมีกรรม ต้องเป็นเสาหลักของครอบครัวไปตลอดชีวิต ลำบากทั้งชาติ โอ้พระเจ้า ... หลังจากนั้นมา ไม่ว่าน้องจะทำอะไรผิด ฉันจะเป็นฝ่าย ถูกทำโทษเสมอ แม่เจ้า ... ทำไม????? ฉันจำได้ว่า...มีครั้งนึงที่ น้องป่วยแล้วไม่ยอมกินยา แม่ก็เอาไม้เรียวมา นึกว่าจะตีน้องให้ยอมกินยา แต่เปล่า กลับมาตีฉันเพื่อโชว์เป็นตัวอย่างให้น้องดู แม่ตีฉันจนกว่าน้องจะยอมกินยา ....พระเจ้า ....ฉันโดนจนน่วมจนต้องคลานไปขู่น้องว่า...ถ้ายังไม่กินยา ตรูจะฆ่า
ตอนเด็ก ฉันต้องหางานทำไปพร้อมกับเรียนหนังสือไป รับจ้างทำความสะอาดบ้านคุณครูบ้าง วาดภาพหาเงินบ้าง และแข่งประกวดต่างๆนานา เพื่อหาทุนเรียนต่อ จนกระทั่งฉันได้ทุนของเกจิอาจารย์ชื่อดังท่านหนึ่งจนเรียนจบม.6 และสอบชิงทุนเรียนอนุปริญญาได้ โดยไม่รบกวนเงินทางบ้าน แถมยังมีเงินช่วยจุนเจือครอบครัวอีกนิดหน่อย .... ที่จำได้และภาคภูมิใจสุดคือสามารถหาเงินมาต่อไฟฟ้าเข้าบ้านได้ด้วยน้ำพักน้ำแรงของตนเอง เพราะตอนแรกต้องอาศัยใช้ไฟจากวัด โดยต้องจ่ายค่าไฟให้วัดทั้งหมดเพื่อแลกกับได้ใช้ไฟฟ้าจากวัด เพราะไม่มีไฟฟ้าในระแวกที่ฉันอยู่ จนกระทั้งฉันไปขอต่อไฟเข้าบ้านจากการไฟฟ้าได้สำเร็จ แต่ต้องจ่ายค่าเสาไฟต้นละ 1 หมื่นบาท ซึ่งตอนนั้นฉันยังเรียนอยู่ม.3 ตกลงฉันหมดเงินค่าต่อไฟฟ้าเข้าบ้านไปประมาณ 1หมื่นห้าพันบาท ได้เสาไฟฟ้ามาไว้หน้าบ้าน1ต้น และเสาไฟที่ฉันซื้อก็ตกเป็นสมบัติของการไฟฟ้าภูมิภาค ซึ่งตอนนี้มีหม้อแปลงของบ้านข้างๆต่อยาวเหยียดเป็น10หม้อ โดยไม่ต้องจ่ายค่าเสาไฟเลย....
ฉันเคยสาบานไว้กับตัวเอง ว่าหากฉันต้องตายขอให้ฉันได้ สร้างบ้านให้พ่อแม่อยู่ และได้มีโอกาสเลี้ยงดูพ่อแม่ให้ สุขสบายก่อน หากยังทำไม่สำเร็จจะไม่ยอมตายเด็ดขาด พอฉันเรียนจบได้ทำงาน ฉันก็พยายามหากู้เงินเพื่อสร้างบ้านให้พ่อแม่ เพราะบ้าน ที่อยู่เก่านั้นเป็นบ้านไม้เก่าๆ ผุๆไปเกือบครึ่งหลัง มีครั้งนึง .... ฉันเปิดประตูหลังบ้านเพื่อจะเอากระโถนฉี่ไปเทและล้าง .... ปรากฏว่า...ประตูหลุดออกไปทั้งบานล่วงลงบนพื้นต่อหน้าต่อตาฉันเลย เสียงดังสนั่นหวั่นไหว จนต้องเอาลวดมามัดประตูให้ติดกับตัวบ้าน ต้องหมดลวดไปหลายกิโลเลย โชคดีที่บ้านฉันไม่มีเครื่องใช้ไฟฟ้าเลย จึงสบายใจเรื่องโจรขึ้นบ้าน .... ตอนสร้างบ้านเพื่อความประหยัดด้วยงบน้อย จึงตัดสินใจซื้อวัสดุเอง แต่จ้างเหมาค่าแรง โดยตกลงให้ช่างตีราคาค่าเหมาค่าแรงค่าสร้างบ้านตั้งแต่ต้นจนเสร็จ จึงตกลงกันที่ 1 แสนห้าหมื่นบาทมั้ง ส่วนวัสดุฉันจัดการหามาให้ช่างเอง โดยให้พ่อแม่ช่วยดูแลเรื่องเงินทั้งหมด เพราะฉันไม่มีเวลาไปดูเพราะต้องทำงานหาเงินใช้หนี้ที่ค่อนข้างจะเกินตัวไปหน่อย ..... พระเจ้าช่วยกล้วยทอด !!!!!! แต่ดันผิดแผน ....เมื่อพ่อนำเงินเกือบทั้งหมดไปเล่นการพนัน ทำให้บ้านสร้างไม่เสร็จ เพราะไม่มีเงินจ่ายค่างวดช่าง เงินซื้อวัสดุก็หมด แต่ฉันก็ยังเป็นหนี้ก้อนโตอยู่ ต่อมาฉันทำงานจนมีเงินเดือนสูงขึ้นมาหน่อย ฉันจึงเริ่มส่งเงินให้พ่อแม่ใช้จ่ายเดือนละ 1 หมื่นบาท โดยค่าน้ำค่าไฟหักผ่านบัญชีฉัน เป็นเวลาร่วม 20 ปี จนฉันไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย
ต่อมาพ่อเริ่มเล่นการพนันหนักขึ้นเรื่อยๆจนเป็นหนี้สิน และพ่อมาบอกฉันว่าต้องการเงิน 5 แสนเพื่อไปใช้หนี้ ฉันไม่มีให้ พ่อจึงร้องขอจะเอาที่ดินไปขายทอดตลาดแต่ที่ดินเป็นชื่อฉัน และฉันไม่ยอม เพราะเป็นสมบัติชิ้นเดียวของครอบครัวที่มีอยู่ พ่อจึงฟ้องแพ่งฉันฐานเนรคุณ และเรียกเงินจากฉัน 1 ล้านบาท ซึ่งฉันไม่มี จึงตัดสินใจขอจบคดีก่อนขึ้นศาลด้วยการยกที่ดินผืนเดียวของครอบครัวให้พ่อไป โดยมีน้องคอยให้การช่วยเหลือพ่ออยู่ ส่วนฉันก็พาแม่มาอยู่ด้วยกันกับฉัน ซึ่งตอนที่เกิดเรื่องฟ้องร้องฉันตัดสินใจกู้เงินอีกครั้งเพื่อสร้างบ้านที่เป็นของตัวเองจริงๆและเพื่อให้แม่ได้อยู่อย่างสบาย แต่ทำให้ฉันเป็นหนี้ท่วมหัวเลย แต่ เรื่องร้ายๆยังไม่จบแค่นี้ ......
พอหลังจากเคลียร์คดีกับพ่อจบแล้ว ฉันพาแม่มาอยู่กับฉัน ...... แม่ก็เริ่มมีอาการหูแว่วประสาทหลอน และมองฉันเป็นศัตรูโดยฉันไม่รู้เรื่องเลย ....และแล้ววันหนึ่ง แม่ก็หนีออกจากบ้านไปอยู่กับพ่อกับน้อง และร่วมมือกันเรียกร้องค่าเลี้ยงดูแม่จากฉัน อีก ฉันตัดสินใจจ่ายตามที่แม่ขอมา เพราะไม่อยากให้แม่ลำบาก โดยที่ทุกคนไม่รู้เลยว่าที่จริงฉันนั้นลำบากมากเงินทองแทบไม่มีเหลือใช้ เพราะเป็นหนี้สินท่วมหัวเลย แต่อะไรไม่เจ็บเท่าฉันมารู้ความจริงภายหลังว่าทั้งหมดเป็นแผนการทำลายฉันตั้งแต่ต้นโดยทุกคนในครอบครัว รู้เห็นเป็นใจกันหมด ด้วยไม่อยากให้ฉันได้ดีกว่าคนอื่น .... แบบว่าเห็นแล้ว แกนตับ .... เพราะพ่อเคยประกาศไว้ว่าจะทำให้ฉันพินาศล่มจม
ให้จงได้ ซึ่งฉันคิดว่าพ่อทำเกือบสำเร็จแล้ว เพราะตอนนี้ฉันกำลังจะล่มจมจริงๆ แผนการนี้ฉันก็ไม่รู้ว่าเริ่มมาตั้งแต่เมื่อไหร่เหมือนกัน
แต่รู้ว่า ที่จริงพ่อเป็นหนี้การพนันแค่ไม่กี่หมื่นแต่ต้องการรีดเงินจากฉันให้มากที่สุด จึงวางแผนนี้ขึ้นมา และไปหาทนายความมาช่วยเขียนคำฟ้องให้ดูดีจนศาลประทับรับฟ้องได้ ทุกวันนี้ในใจลึกๆฉันเศร้ามาก... เฝ้าถามตัวเองทุกวันว่าทำไม...ฉันทำอะไรผิดเหรอ..... งง...... คนอื่นเป็นร้อยเป็นพัน จะเกลียดเราแค่ไหน ฉันก็ไม่หวาดหวั่น แต่กลับบุพพการี ทำไม...มันเจ็บสุดๆ.....ใครไม่เป็นฉันคงไม่รู้หรอกว่ามัน....เจ็บปวด...เศร้า...ขนาดไหน....ก็แค่อยากระบาย...อยากให้สังคมรับรู้ว่า พ่อแม่รังแกฉัน นั้นมีจริงๆ ไม่ใช่แค่เรื่องที่เขียนไว้ให้อ่านในวิชาภาษาไทยอย่างเดียว
จาก นังส้วมหน้าบ้าน