สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 10
อย่างงี้นะครับคุณจขกท.และทุกท่าน
เคยสงสัยมั๊ยครับว่าทำไมธนบัตรออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย แต่เหรียญกลับผลิตและออกโดยกระทรวงการคลัง
ที่เป็นเช่นนี้เพราะเหรียญมีความเกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นอยู่ของประชากรในประเทศมากกว่า...(แต่เราอาจมองว่าแบงค์ธนบัตรสำคัญกว่า)
เพราะเหรียญเป็นสื่อกลางที่เอาไว้ใช้แลกเปลี่ยนอย่างแท้จริง (Medium of Exchange) แท้ซะยิ่งกว่าธนบัตรอีกครับ เนื่องจากมันทำให้เกิดเงินเฟ้อ
น้อยกว่าธนบัตรมากๆครับ เป็นยังไง...มาดู
เวลาแบงค์ชาติจะพิมพ์ธนบัตรซักที ค่าของธนบัตรที่พิมพ์ต้องมีมูลค่าเท่ากับปริมาณทองคำที่สำรองไว้ภายในประเทศ แต่จริงๆแล้วกระดาษ
ที่เราใช้ซื้อของกันทุกวันนี้มีค่าแค่สิบกว่าบาทเท่านั้นเองครับ (ไม่ว่าจะแบงค์เขียว แดง ม่วง เทา ราคาเท่ากันเลยครับ อาจต่างกันนิดหน่อย)
สื่งที่ประกันความน่าเชื่อถือของธนบัตรคือปริมาณทองคำสำรอง และความมีเสถียรภาพของรัฐบาลประเทศนั้นๆครับ นี่เป็นสาเหตุที่คุณสามารถถือ
เงิน US Dollar ไปซื้อของที่ไหนก็ได้บนโลกนี้ เพราะทุกคนต่างเชื่อมั่นในรัฐบาลสหรัฐฯ แต่ในทางกลับกันเราถือ Thai Baht ไปซื้อของต่างประเทศ
อาจจะไม่มีใครรับเลยก็ได้ เพราะเค้าไม่มีความเชื่อมั่นในรัฐบาลไทย (ว่าจะมีทองคำสำรองเท่าค่าเงินบนธนบัตร) อย่างงี้เป็นต้นครับ
ทีนี้มาพูดถึงเหรียญกษาปณ์กันบ้าง เหรียญผลิตโดยสำนักกษาปณ์ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ขึ้นกับกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง เหรียญเงินตราที่เรา
ใช้ซื้อขายแลกเปลี่ยนกันทุกวันนี้ทำมาจากโลหะ (นิกเกิล ทอง เงิน ทองแดง แพลทินัม ฯลฯ) ซึ่งโลหะนั้นมีค่าเท่ากับมูลค่าของเหรียญนั้นๆ
เช่น เหรียญ 1 บาท ทำจากเหล็กผสมนิกเกิลที่มีมูลค่ารวม 1 บาทจริงๆครับ บางครั้งรัฐบาลอาจปรับเปลี่ยนแร่ที่ใช้ผลิตเหรียญ แต่อย่างไรก็ตามแร่นั้น
ไม่ควรมีค่าสูงกว่าราคาหน้าเหรียญ เนื่องจากราคาแร่ต่างๆ ผันผวนได้ตลอดเวลาตามราคาน้ำมัน และจะทำให้มีคนหัวใสในทางที่ผิด นำเหรียญ
ไปหลอมแล้วแยกโลหะขายเพื่อแสวงหากำไรจากการขายโลหะครับ เพราะฉะนั้น ราคาแร่ที่ใช้ก็ควรจะใกล้เคียงหรือเทียบเท่ากับราคาหน้าเหรียญ
อาจต่ำกว่าเล็กน้อย แต่ไม่ควรต่ำกว่ามากๆ เหตุเพราะเราไม่มีการกักเก็บทองคำสำรองเพื่อการผลิตเหรียญนั่นเองครับ เหรียญจึงมีมูลค่าในตัวของ
มันเองต่างจากธนบัตรครับ มาดูกันต่อครับ ว่าทำไมผมถีงบอกว่าเหรียญเกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในชาติมากกว่า ถึงขนาดรัฐบาล
โดยการนำของกระทรวงการคลังต้องมาควบคุมการผลิตและใช้งานเหรียญกษาปณ์หมุนเวียน (Circulated Coins) ครับ
ก็เพราะเหรียญใช้ในการ "ทอน" ไงครับ เป็นคำตอบง่ายๆแต่ทรงพลังครับ เหรียญเป็นเครื่องมือที่ช่วยชะลออัตราเงินเฟ้อในแต่ละปีได้ดีมากๆเลยครับ
ผมอยากให้ลองจินตนาการดูกันนะครับ ถ้าหากเราไม่มีเหรียญใช้ เวลาร้านข้าวแกงหน้าปากซอยขึ้นราคาตามราคาน้ำมันหรือวัตถุดิบที่สูงขึ้น
เค้าอาจจะเพิ่มทีละ 10-20 บาทในคราวเดียวได้เลยครับ เหตุเพราะเค้าไม่มีเหรียญไว้สำหรับใช้ในการทอนเงินไงครับ ยกตัวอย่างเช่น
ร้านข้าวมันไก่คิดราคาข้าวปกติจานละ 30 บาท เมื่อราคาเนื้อไก่ปรับตัวสูงขึ้น 4 บาท แทนที่ร้านข้าวมันไก่จะเพิ่มราคาเป็นจานละ 34 บาทเพื่อ
Cover ราคาวัตถุดิบที่แพงขึ้น เค้าอาจจะปรับราคาเป็นจานละ 40 บาทได้เลยครับ เพราะไม่มีเหรียญไว้ทอนเงินลูกค้าอ่ะครับ
นี่เป็นเหตุผลทำไมเราต้องผลิตเหรียญมาใช้ครับ และบางช่วงของเศรษฐกิจ รัฐบาลผลิตเหรียญใหม่ๆออกมาเพื่อเป็นทางเลือกในการทอนเงินครับ
(ล่าสุดก็เหรียญ 2 บาท) ทั้งหมดก็เพื่อไม่ให้ร้านค้าและกิจการต่างๆปรับราคาสินค้าและบริการของตนเพิ่มสูงเกินไปจนนำไปสู่วิกฤตการณ์เงินเฟ้อครับ
ฉะนั้นผมขอตอบคำถามคุณจขกท. ว่า
1. เราเลิกใช้เหรียญไม่ได้ครับ
2. เราสามารถเลิกใช้เหรียญที่ทำจากเงินหรือโลหะอื่นใดได้ครับ แต่ถ้าจะทำเหรียญจากพลาสติก พลาสติกนั้นต้องมีราคาเท่ากับมูลค่าหน้าเหรียญ
ซึ่งนั่นอาจหมายถึง เหรียญจะมีขนาดใหญ่มากกว่าองค์จตุคามได้ครับ เพราะราคาพลาสติกถูกมากๆครับ
3. อย่าลืมคำนึงถึงปัญหามลพิษและสิ่งแวดล้อมนะครับ เหรียญที่เป็นโลหะ ต่อให้ยกเลิกการใช้ไปแล้ว แต่โลหะก็ยังมีค่าในตัวของมันเอง
และเป็นที่ต้องการของนักสะสมในภายหลังครับ ลองนึกถ้าเหรียญพลาสติกเลิกใช้สิครับ ก็ไม่ต่างอะไรจากเศษพลาสติกหรือขยะมูลฝอยดีๆนี่เอง
เคยสงสัยมั๊ยครับว่าทำไมธนบัตรออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย แต่เหรียญกลับผลิตและออกโดยกระทรวงการคลัง
ที่เป็นเช่นนี้เพราะเหรียญมีความเกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นอยู่ของประชากรในประเทศมากกว่า...(แต่เราอาจมองว่าแบงค์ธนบัตรสำคัญกว่า)
เพราะเหรียญเป็นสื่อกลางที่เอาไว้ใช้แลกเปลี่ยนอย่างแท้จริง (Medium of Exchange) แท้ซะยิ่งกว่าธนบัตรอีกครับ เนื่องจากมันทำให้เกิดเงินเฟ้อ
น้อยกว่าธนบัตรมากๆครับ เป็นยังไง...มาดู
เวลาแบงค์ชาติจะพิมพ์ธนบัตรซักที ค่าของธนบัตรที่พิมพ์ต้องมีมูลค่าเท่ากับปริมาณทองคำที่สำรองไว้ภายในประเทศ แต่จริงๆแล้วกระดาษ
ที่เราใช้ซื้อของกันทุกวันนี้มีค่าแค่สิบกว่าบาทเท่านั้นเองครับ (ไม่ว่าจะแบงค์เขียว แดง ม่วง เทา ราคาเท่ากันเลยครับ อาจต่างกันนิดหน่อย)
สื่งที่ประกันความน่าเชื่อถือของธนบัตรคือปริมาณทองคำสำรอง และความมีเสถียรภาพของรัฐบาลประเทศนั้นๆครับ นี่เป็นสาเหตุที่คุณสามารถถือ
เงิน US Dollar ไปซื้อของที่ไหนก็ได้บนโลกนี้ เพราะทุกคนต่างเชื่อมั่นในรัฐบาลสหรัฐฯ แต่ในทางกลับกันเราถือ Thai Baht ไปซื้อของต่างประเทศ
อาจจะไม่มีใครรับเลยก็ได้ เพราะเค้าไม่มีความเชื่อมั่นในรัฐบาลไทย (ว่าจะมีทองคำสำรองเท่าค่าเงินบนธนบัตร) อย่างงี้เป็นต้นครับ
ทีนี้มาพูดถึงเหรียญกษาปณ์กันบ้าง เหรียญผลิตโดยสำนักกษาปณ์ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ขึ้นกับกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง เหรียญเงินตราที่เรา
ใช้ซื้อขายแลกเปลี่ยนกันทุกวันนี้ทำมาจากโลหะ (นิกเกิล ทอง เงิน ทองแดง แพลทินัม ฯลฯ) ซึ่งโลหะนั้นมีค่าเท่ากับมูลค่าของเหรียญนั้นๆ
เช่น เหรียญ 1 บาท ทำจากเหล็กผสมนิกเกิลที่มีมูลค่ารวม 1 บาทจริงๆครับ บางครั้งรัฐบาลอาจปรับเปลี่ยนแร่ที่ใช้ผลิตเหรียญ แต่อย่างไรก็ตามแร่นั้น
ไม่ควรมีค่าสูงกว่าราคาหน้าเหรียญ เนื่องจากราคาแร่ต่างๆ ผันผวนได้ตลอดเวลาตามราคาน้ำมัน และจะทำให้มีคนหัวใสในทางที่ผิด นำเหรียญ
ไปหลอมแล้วแยกโลหะขายเพื่อแสวงหากำไรจากการขายโลหะครับ เพราะฉะนั้น ราคาแร่ที่ใช้ก็ควรจะใกล้เคียงหรือเทียบเท่ากับราคาหน้าเหรียญ
อาจต่ำกว่าเล็กน้อย แต่ไม่ควรต่ำกว่ามากๆ เหตุเพราะเราไม่มีการกักเก็บทองคำสำรองเพื่อการผลิตเหรียญนั่นเองครับ เหรียญจึงมีมูลค่าในตัวของ
มันเองต่างจากธนบัตรครับ มาดูกันต่อครับ ว่าทำไมผมถีงบอกว่าเหรียญเกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในชาติมากกว่า ถึงขนาดรัฐบาล
โดยการนำของกระทรวงการคลังต้องมาควบคุมการผลิตและใช้งานเหรียญกษาปณ์หมุนเวียน (Circulated Coins) ครับ
ก็เพราะเหรียญใช้ในการ "ทอน" ไงครับ เป็นคำตอบง่ายๆแต่ทรงพลังครับ เหรียญเป็นเครื่องมือที่ช่วยชะลออัตราเงินเฟ้อในแต่ละปีได้ดีมากๆเลยครับ
ผมอยากให้ลองจินตนาการดูกันนะครับ ถ้าหากเราไม่มีเหรียญใช้ เวลาร้านข้าวแกงหน้าปากซอยขึ้นราคาตามราคาน้ำมันหรือวัตถุดิบที่สูงขึ้น
เค้าอาจจะเพิ่มทีละ 10-20 บาทในคราวเดียวได้เลยครับ เหตุเพราะเค้าไม่มีเหรียญไว้สำหรับใช้ในการทอนเงินไงครับ ยกตัวอย่างเช่น
ร้านข้าวมันไก่คิดราคาข้าวปกติจานละ 30 บาท เมื่อราคาเนื้อไก่ปรับตัวสูงขึ้น 4 บาท แทนที่ร้านข้าวมันไก่จะเพิ่มราคาเป็นจานละ 34 บาทเพื่อ
Cover ราคาวัตถุดิบที่แพงขึ้น เค้าอาจจะปรับราคาเป็นจานละ 40 บาทได้เลยครับ เพราะไม่มีเหรียญไว้ทอนเงินลูกค้าอ่ะครับ
นี่เป็นเหตุผลทำไมเราต้องผลิตเหรียญมาใช้ครับ และบางช่วงของเศรษฐกิจ รัฐบาลผลิตเหรียญใหม่ๆออกมาเพื่อเป็นทางเลือกในการทอนเงินครับ
(ล่าสุดก็เหรียญ 2 บาท) ทั้งหมดก็เพื่อไม่ให้ร้านค้าและกิจการต่างๆปรับราคาสินค้าและบริการของตนเพิ่มสูงเกินไปจนนำไปสู่วิกฤตการณ์เงินเฟ้อครับ
ฉะนั้นผมขอตอบคำถามคุณจขกท. ว่า
1. เราเลิกใช้เหรียญไม่ได้ครับ
2. เราสามารถเลิกใช้เหรียญที่ทำจากเงินหรือโลหะอื่นใดได้ครับ แต่ถ้าจะทำเหรียญจากพลาสติก พลาสติกนั้นต้องมีราคาเท่ากับมูลค่าหน้าเหรียญ
ซึ่งนั่นอาจหมายถึง เหรียญจะมีขนาดใหญ่มากกว่าองค์จตุคามได้ครับ เพราะราคาพลาสติกถูกมากๆครับ
3. อย่าลืมคำนึงถึงปัญหามลพิษและสิ่งแวดล้อมนะครับ เหรียญที่เป็นโลหะ ต่อให้ยกเลิกการใช้ไปแล้ว แต่โลหะก็ยังมีค่าในตัวของมันเอง
และเป็นที่ต้องการของนักสะสมในภายหลังครับ ลองนึกถ้าเหรียญพลาสติกเลิกใช้สิครับ ก็ไม่ต่างอะไรจากเศษพลาสติกหรือขยะมูลฝอยดีๆนี่เอง
แสดงความคิดเห็น
ทำไมเราไม่เลิกใช้เงินเหรียญ ?
มาใช้แทนครับ หรือว่ามีเหตุผลทางเศรษฐศาสตร์ รัฐศาสตร์
ศาสนา ( เอาไว้อม ) ตอน.......จะได้เหลือเหรียญไว้เป็นที่ระลึก
หรือว่าเพราะพลาสติกแพงกว่าโลหะที่นำมาทำเป็นเหรียญ
แล้วขั้นตอนการผลิตเหรียญยุ่งยากไหมครับ ในเมืองไทยเราสามารถ
ทำได้เองแล้วหรือยังครับ ( ในทุกขั้นตอน )