เมื่อวาน ได้ยินว่า 15 นี้ จะปิด ตลาดหุ้น กับ วิทยุการบิน
เช้านี้ ตื่นมา ม็อบกำลังไปปิด กรมศุลกากร
ผมเพิ่งโพสไป เรื่อง คน กรุงเทพ ท่านเลือกอะไร บัดนี้ ท่านได้รับในสิ่งที่ท่านเลือกแล้ว. การที่ม็อบปิด ทั้ง 3 ที่ที่กล่าวมา. หมายความว่า?
ผมมองว่า แกนนำไม่สนใจแล้วว่า จะมีความวิบัติอะไร เกิดขึ้น กับคน กรุงเทพ นรืด นักธุรกิจ แม้แต่ ความน่าเชื่อถือของประเทศไทย ย้ำครับว่า ของประเทศไทย.
- วิทยุการบิน อันนี้เป็นสิ่งซึ่งทั่วโลดรับรู้ว่า เป็นหัวใจของการเดินทางบนอากาศของน่านฟ้าประเทศนั้นๆ
- ตลากหลักทรัพย์ เป็น แหล่งระดมทุน และ ตัวชีวัดเศรษฐกิจ ตัวหนึ่งของประเทศนั้น
- กรมศุลกาการ เป็นหน่วยงานหลัก ด่าแรกในการนำเข้า และ ด่านสุดท้ายในการส่งออก
เพียงเพื่อให้ได้มาซึ่งจุดมุ่งหมาย แกนนำม็อบไม่ได้คำนึงถึง ผลเสียในระยะสั้นและระยะยาวที่จะเกิดกับสังคม ธุรกิจ และ ความน่าเชื่อถือของประเทศไทย ที่คนพวกนั้น กล่าวเสมอว่า สิ่งที่ทำคือการปฏิรูป ประเทศไปสู่สิ่งที่ดีกว่า.
ย้ำอีกครั้งครับว่า สิ่งที่ท่านเลือก กำลังออกดอกออกผลในขณะนี้. ไม่ว่า สส. หรือ ผู้ว่า กทม. ซึ่งแทนที่จะคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศ ดังเช่น นักการเมือง อารยะ หลายๆประเทศมีจิตสำนึก. ตรงกันข้าม เพียงเพื่อล้มล้างฝ่ายตรงข้าม. ผู้นำพรรคการเมืองของคน กทม ซึ่งจบปริญญาทางเศรษฐศาสตร์ จาก ต่างประเทศ มีบุคคลากร ที่จบด้าน เศรษฐศาสตร์ การเงิน มี ประวัติการทำงาน ทำ ธุรกิจ ที่ดีมากมายหลายคน.
แต่ทำไม พวกท่านถึงไม่หยุดยั้งคนในพรรคท่าน. ท่านกำลังปล่อยความรู้ของท่านไป โดยมองดูความวิบัติของ ประเทศชาติ ที่เสียหาย เพิ่มขึ้นในแต่ละวัน แต่ละวันที่ มีการปิด โน่น ปิดนี่ โดยไม่คำนึงถึงหายนะ นอกจาก ชัยชนะ บนซากความวิบัติ.
ทุกครั้งที่เห็นท่าน แสดงตัวในที่ชุมนุม โบกมือ ยิ้มแย้ม ทักทาย กับมวลชนหลายๆท่าน ที่ พวกเขาเหล่านั้นไม่รู้หรอกว่า ผลต่อเนื่องจากความรักชาติของเขาเหล่านั้น จะหายนะอะไรเกิดขึ้นบ้าง. มันน่าสะอิดสะเอียนที่ นักการเมืองที่อ้างเสมอว่า ทำเพื่อชาติ เพื่อพระเจ้าอยู่หัว กำลังภาคภูมิใจที่ สามารถทำให้คน กทม เชื่อว่า สิ่งที่เขาทำถูกต้อง ซึ่ง ไม่รวมถึง ทุนการเมื่องสามานย์ที่ พูดถึงฝ่ายตรงข้ามมาตลอด แต่พวกท่านก็ใช้ทุนเหล่านั้น ผ่านนักการเมืองของพวกท่านในการระดมคนมา เพื่อให้บรรลุถึงเป้าหมายของพวกท่าน.
กลับมาที่ กองทัพ ซึงเป็น ตัวแปร หลักของประเทศ ซึ่งในอดีต กองทัพเป็น หนึ่งในอำนาจการบริหาร. แต่ปัจจุบัน กองทัพเป็น อำนาจที่ 4 นอกเหนือจาก บริหาร ตุลาการ และ นิติบัญญัติ. การที่พวกท่าน เพิกเฉย หรือ สนับสนุนแบบลับๆแก่ ม็อบตามที่มีการกล่าวหาจากหลายๆฝ่ายนั้น. ถ้าเป้นประเทศที่มีระบบไม่พิการอย่างเช่นประเทศไทย ท่านคงโดนทำโทษ หรือ ให้ออกจากราชการไปแล้ว. แต่นี่คือประเทศไทย และ ท่านก็เป็นอำนาจที่ 4 อย่างที่ว่า. เฉกเช่นเดียวกัน กับ พรรคการเมืองที่กล่าวข้างต้น. พวกท่านกล่าวเสมอว่ารักชาติ และ ในหลวง. แต่ทำไมกองทัพที่มีคนเก่งมากมาย ถึงไม่สามารถใช้สิ่งที่ท่านมีอยู่ ซึ่งไม่ใช่ปืน หรือ รถถัง แต่เป็นความยำเกรงต่อสิ่งที่ท่านครอบครองในมือมาแก้ไขวิกฤติของประเทศ. ผมคงไม่ต้องบอกว่าท่านสามารถทำอะไรได้บ้าง เพราะเชื่อว่าท่านเองก็มีความรู้ความสามารถพอที่จะ กำหนดกลยุทธ หรือ หาวิธีในการคลี่คลาย.
แต่ทว่า พวกเราไม่เคยเห็นสิ่งที่น่าจะเห็นจากกองทัพ การเพิกเฉยคือ การสนับสนุนโดยทางอ้อม. ยิ่งท่านตั้งหน่วยประกบตำรวจเหมือนเช่นที่ได้อ่านมา มันยิ่งทำให้ ผมมองไม่เห็นว่า วิกฤติของประเทศไทยครั้งนี้ จะหาทางออกแบบไม่เกิดความสูญเสียทั้ง ชีวิติ หรือ ความเป็นที่ยอมรับจากนานาประเทศได้อย่างไรเลย.
ฤ กรุงศรีอยุทธยาจะสิ้นคนดี จริงๆ
ฤ กรุงศรีอยุทธยาจะสิ้นคนดี จริงๆ
เช้านี้ ตื่นมา ม็อบกำลังไปปิด กรมศุลกากร
ผมเพิ่งโพสไป เรื่อง คน กรุงเทพ ท่านเลือกอะไร บัดนี้ ท่านได้รับในสิ่งที่ท่านเลือกแล้ว. การที่ม็อบปิด ทั้ง 3 ที่ที่กล่าวมา. หมายความว่า?
ผมมองว่า แกนนำไม่สนใจแล้วว่า จะมีความวิบัติอะไร เกิดขึ้น กับคน กรุงเทพ นรืด นักธุรกิจ แม้แต่ ความน่าเชื่อถือของประเทศไทย ย้ำครับว่า ของประเทศไทย.
- วิทยุการบิน อันนี้เป็นสิ่งซึ่งทั่วโลดรับรู้ว่า เป็นหัวใจของการเดินทางบนอากาศของน่านฟ้าประเทศนั้นๆ
- ตลากหลักทรัพย์ เป็น แหล่งระดมทุน และ ตัวชีวัดเศรษฐกิจ ตัวหนึ่งของประเทศนั้น
- กรมศุลกาการ เป็นหน่วยงานหลัก ด่าแรกในการนำเข้า และ ด่านสุดท้ายในการส่งออก
เพียงเพื่อให้ได้มาซึ่งจุดมุ่งหมาย แกนนำม็อบไม่ได้คำนึงถึง ผลเสียในระยะสั้นและระยะยาวที่จะเกิดกับสังคม ธุรกิจ และ ความน่าเชื่อถือของประเทศไทย ที่คนพวกนั้น กล่าวเสมอว่า สิ่งที่ทำคือการปฏิรูป ประเทศไปสู่สิ่งที่ดีกว่า.
ย้ำอีกครั้งครับว่า สิ่งที่ท่านเลือก กำลังออกดอกออกผลในขณะนี้. ไม่ว่า สส. หรือ ผู้ว่า กทม. ซึ่งแทนที่จะคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศ ดังเช่น นักการเมือง อารยะ หลายๆประเทศมีจิตสำนึก. ตรงกันข้าม เพียงเพื่อล้มล้างฝ่ายตรงข้าม. ผู้นำพรรคการเมืองของคน กทม ซึ่งจบปริญญาทางเศรษฐศาสตร์ จาก ต่างประเทศ มีบุคคลากร ที่จบด้าน เศรษฐศาสตร์ การเงิน มี ประวัติการทำงาน ทำ ธุรกิจ ที่ดีมากมายหลายคน.
แต่ทำไม พวกท่านถึงไม่หยุดยั้งคนในพรรคท่าน. ท่านกำลังปล่อยความรู้ของท่านไป โดยมองดูความวิบัติของ ประเทศชาติ ที่เสียหาย เพิ่มขึ้นในแต่ละวัน แต่ละวันที่ มีการปิด โน่น ปิดนี่ โดยไม่คำนึงถึงหายนะ นอกจาก ชัยชนะ บนซากความวิบัติ.
ทุกครั้งที่เห็นท่าน แสดงตัวในที่ชุมนุม โบกมือ ยิ้มแย้ม ทักทาย กับมวลชนหลายๆท่าน ที่ พวกเขาเหล่านั้นไม่รู้หรอกว่า ผลต่อเนื่องจากความรักชาติของเขาเหล่านั้น จะหายนะอะไรเกิดขึ้นบ้าง. มันน่าสะอิดสะเอียนที่ นักการเมืองที่อ้างเสมอว่า ทำเพื่อชาติ เพื่อพระเจ้าอยู่หัว กำลังภาคภูมิใจที่ สามารถทำให้คน กทม เชื่อว่า สิ่งที่เขาทำถูกต้อง ซึ่ง ไม่รวมถึง ทุนการเมื่องสามานย์ที่ พูดถึงฝ่ายตรงข้ามมาตลอด แต่พวกท่านก็ใช้ทุนเหล่านั้น ผ่านนักการเมืองของพวกท่านในการระดมคนมา เพื่อให้บรรลุถึงเป้าหมายของพวกท่าน.
กลับมาที่ กองทัพ ซึงเป็น ตัวแปร หลักของประเทศ ซึ่งในอดีต กองทัพเป็น หนึ่งในอำนาจการบริหาร. แต่ปัจจุบัน กองทัพเป็น อำนาจที่ 4 นอกเหนือจาก บริหาร ตุลาการ และ นิติบัญญัติ. การที่พวกท่าน เพิกเฉย หรือ สนับสนุนแบบลับๆแก่ ม็อบตามที่มีการกล่าวหาจากหลายๆฝ่ายนั้น. ถ้าเป้นประเทศที่มีระบบไม่พิการอย่างเช่นประเทศไทย ท่านคงโดนทำโทษ หรือ ให้ออกจากราชการไปแล้ว. แต่นี่คือประเทศไทย และ ท่านก็เป็นอำนาจที่ 4 อย่างที่ว่า. เฉกเช่นเดียวกัน กับ พรรคการเมืองที่กล่าวข้างต้น. พวกท่านกล่าวเสมอว่ารักชาติ และ ในหลวง. แต่ทำไมกองทัพที่มีคนเก่งมากมาย ถึงไม่สามารถใช้สิ่งที่ท่านมีอยู่ ซึ่งไม่ใช่ปืน หรือ รถถัง แต่เป็นความยำเกรงต่อสิ่งที่ท่านครอบครองในมือมาแก้ไขวิกฤติของประเทศ. ผมคงไม่ต้องบอกว่าท่านสามารถทำอะไรได้บ้าง เพราะเชื่อว่าท่านเองก็มีความรู้ความสามารถพอที่จะ กำหนดกลยุทธ หรือ หาวิธีในการคลี่คลาย.
แต่ทว่า พวกเราไม่เคยเห็นสิ่งที่น่าจะเห็นจากกองทัพ การเพิกเฉยคือ การสนับสนุนโดยทางอ้อม. ยิ่งท่านตั้งหน่วยประกบตำรวจเหมือนเช่นที่ได้อ่านมา มันยิ่งทำให้ ผมมองไม่เห็นว่า วิกฤติของประเทศไทยครั้งนี้ จะหาทางออกแบบไม่เกิดความสูญเสียทั้ง ชีวิติ หรือ ความเป็นที่ยอมรับจากนานาประเทศได้อย่างไรเลย.
ฤ กรุงศรีอยุทธยาจะสิ้นคนดี จริงๆ