เล่าเรื่องภาวนา...ประสบการณ์ของฆราวาสท่านหนึ่ง

กระทู้สนทนา
ท่านคือ คุณแม่พิกุล มโนเจริญ
ศิษย์ของหลวงพ่อเทียน
ผมคัดบางตอนมา เห็นว่าน่าจะมีประโยชน์ต่อผู้ปฏิบัติ ท่านกล่าวได้ชัดเจนดีครับ

.........
หลังจากเสร็จงานอบรม ดิฉันก็ไปต่อที่วัดโมกข์ จ.ขอนแก่น คนที่รู้จักกันที่วัดโมกข์เขาบอกให้ดิฉันเก็บอารมณ์ ดิฉันไม่รู้จักคำว่าเก็บอารมณ์ แปลว่าอะไร ดิฉันก็อยากลอง เขาให้ไปอยู่ในห้อง 2x3 เมตร แคบๆ แล้วมีคนส่งอาหารให้ ไม่ได้ออกจากห้อง ดิฉันก็ทำความรู้สึกตัวกับการสร้างจังหวะ การเดินจงกรมสั้น ๆ การนั่ง การนอน การเหยียด การคู้ อิริยาบถทุกอย่างให้รู้ ทั้งวันๆ อย่างนั้นแหละ มันก็รู้บ้าง ไม่รู้บ้าง เราตั้งใจทำมาก ช่วงที่ทำอยู่ในห้อง เวลาจะจับแก้วน้ำดื่มก็ให้รู้สึก ทานข้าวเคี้ยวอย่างไรก็ให้รู้สึก กลืนก็ให้รู้สึก อย่างนั้นทุกวันๆ

พอปฏิบัติได้ 4 วัน วันนั้นสติชัดมาก เกิดความรู้สึกตัวทั่วพร้อม ใจมันรู้ว่าจะมีคนมาส่งอาหารเลยเที่ยง เพราะเราฝึกไม่กินอาหารเวลาเลยเที่ยงมา 2 ปีแล้ว เขาก็เอาอาหารมาให้หลังเที่ยงจริง ๆ ดิฉันก็บอกเขาว่าไม่กิน ให้เขาเอาอาหารคืนไปเราก็ทำความรู้สึกตัวไปเรื่อย ๆ เมื่อท้องมีอาการดิ้น เราก็เทน้ำดื่มไปเรื่อย ๆ แต่มันไม่มีความคิดหิว ไม่วิตกกังวล อาการทางกายนี้ มีอาการดิ้นที่ท้องแต่ใจมันไม่ดิ้น ใจมันเฉย พอตอนเย็นเราคิดถามตัวเองขึ้นมาว่าไม่หิวหรือ ใจมันก็เฉย ไม่อยากออกจากห้องหรือใจมันก็เฉย เราก็คิดต่อไปว่า ไม่อยากกินข้าวกินปลาหรือ วันนี้ทั้งวันไม่ได้กินอะไรเลย ดื่มแต่น้ำ มันก็คิดตรงไปที่ตลาด เห็นภาพของขายของกินเต็มตลาดแต่ใจกับความรู้สึกตัวเหมือนเดิม ไม่ข้องแวะกับความคิด เป็นของใครของมัน ทำให้เข้าใจคำว่า "ไม่เข้าไปกับความคิด"

หลังจากนั้นมา ความคิดมันไม่เป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติเลย จะคิดมากอย่างไรก็ไม่เป็นปัญหา มันเป็นเรื่องของความคิด คำว่าสักแต่ว่าคิด สักแต่ว่าเห็น สักแต่ว่าได้ยิน สักแต่ว่ากิน มันรู้เฉย ๆ จบไป จบไป มันไม่ข้องเพราะสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ ใจมันมั่นคง ใจมันนิ่ง

จากหนังสือ ได้พบหลวงพ่อเทียน
พิกุล มโนเจริญ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่