ขอเอาคลิปรายการไอทีวี ที่ทำสรุปเบื้องหลังของพฤษภาทมิฬปี 35 มาให้ชมกัน อยากให้อดทนนั่งดูจนจบ แล้วจะเห็นความสอดคล้องกับสังคมไทยในปัจจุบัน
เราจะเห็นได้ว่าการชุมนุมทางการเมืองจะเริ่มอย่างสงบในพื้นที่เฉพาะ มีการยกระดับของความเข้มข้นขึ้นด้วยกิจกรรมต่างๆ การไฮปาร์ก การแสดง การมีส่วนร่วม ความเป็นพี่น้องในกลุ่มผู้ชุมนุม ทุกอย่างดูสวยงามตามอุดมการณ์ของการชุมนุมนั้นๆ
เมื่อถูกจุดของการยกระดับขั้นแรก ผู้ชุมนุมจะถูกเชิญชวนให้เคลื่อนขบวนออกไปที่ต่างๆ (แม้ว่าจะถูกแกนนำบางส่วนทัดทานก็ตาม) การเคลื่อนขบวนซึ่งดูแลยากนั้น จะไปจบลงที่การยึดพื้นที่ถนนเป็นพื้นที่การชุมนุม สร้างกระแสให้เป็นที่สนใจของทั้งประเทศ
ความเข้มข้นจะทวีขึ้นเนื่องจากเจ้าหน้าที่ก็ต้องเข้ามารักษาความสงบดูแลพื้นที่ ซึ่งจะเริ่มมีการปะทะกันไปมาระหว่างผู้ชุมนุมกับเจ้าหน้าที่ ความเกลียดชังในหมู่ผู้ชุมนุมจะสูงขึ้นเรื่อยๆ กลายเป็นประเด็นให้นำไปปราศรัยสร้างความโกรธแค้น
ความโกรธแค้นที่ทวีตัวจะทำให้ผู้ชุมนุมเริ่มแสดงอารมณ์ในรูปแบบต่างๆ ต่อสถานที่ราชการ รถของราชการ เสาไฟ อุปกรณ์ต่างๆ มีการทำลาย การเผา การระเบิด
มือที่สาม ซึ่งจริงๆ แล้วก็มีสิทธิจะเป็นมือที่ 1.5 (หน่วยพิเศษหลังฉากของผู้ชุมนุม) หรือมือที่ 2.5 (หน่วยพิเศษหลังฉากของเจ้าหน้าที่) ได้เข้าสร้างความรุนแรงมากขึ้น มากขึ้น การบาดเจ็บจะมากขึ้น จนนำสู่การนองเลือด และการล้มตายได้
ฝ่ายผู้ชุมนุมก็โกรธแค้นพอที่จะฆ่าเจ้าหน้าที่ได้ ถ้ามีอาวุธ
ฝ่ายเจ้าหน้าที่ก็โกรธแค้นพอที่จะผู้ชุมนุมได้ ถ้ามีอาวุธ
เมื่อสถานการณ์วิกฤติเกิดขึ้น เลือดจะนำไปสู่ความชอบธรรมของผู้ชุมนุมในการยกรระดับความรุนแรง ความรุนแรงจะนำไปสู่ความชอบธรรมของเจ้าหน้าที่ในการล้อมปราบ สุดท้ายการปะทะกวาดล้างกันอย่างแท้จริง ก็จะเกิดขึ้นตามมา ความตายก็จะมาเยือน ศพแล้วศพเล่า ซึ่งบัดนี้ยังหาไม่พบว่าอยู่ที่ไหน
แต่... ไม่ว่าการชุมนุมไหนก็ตาม ... ไม่มีแกนนำม็อบที่ต้องบาดเจ็บล้มตายตามไปด้วย .... ทำไม ??? ก็เพราะเค้ารู้ว่ามาก่อนเสมอเมื่อภัยจะมาถึงตัว ไม่เป็นอะไรเลย ... แล้วทำไมเราต้องเสียสละชีพเพื่อพวกเค้าด้วย
ลองดูคลิปให้จบนะครับ แน่นอนว่าหลายท่านคงไม่เชื่อคนที่พูดในคลิปด้วยเหตุผลที่ไม่ศรัทธา แต่ว่าลองพิจารณากันเองจากประสบการณ์ที่ผ่านมาก็ได้
"ถอดบทเรียนจากพฤษภาทมิฬ - การยกระดับการชุมนุมไปสู่เงื่อนไขความรุนแรง"
เราจะเห็นได้ว่าการชุมนุมทางการเมืองจะเริ่มอย่างสงบในพื้นที่เฉพาะ มีการยกระดับของความเข้มข้นขึ้นด้วยกิจกรรมต่างๆ การไฮปาร์ก การแสดง การมีส่วนร่วม ความเป็นพี่น้องในกลุ่มผู้ชุมนุม ทุกอย่างดูสวยงามตามอุดมการณ์ของการชุมนุมนั้นๆ
เมื่อถูกจุดของการยกระดับขั้นแรก ผู้ชุมนุมจะถูกเชิญชวนให้เคลื่อนขบวนออกไปที่ต่างๆ (แม้ว่าจะถูกแกนนำบางส่วนทัดทานก็ตาม) การเคลื่อนขบวนซึ่งดูแลยากนั้น จะไปจบลงที่การยึดพื้นที่ถนนเป็นพื้นที่การชุมนุม สร้างกระแสให้เป็นที่สนใจของทั้งประเทศ
ความเข้มข้นจะทวีขึ้นเนื่องจากเจ้าหน้าที่ก็ต้องเข้ามารักษาความสงบดูแลพื้นที่ ซึ่งจะเริ่มมีการปะทะกันไปมาระหว่างผู้ชุมนุมกับเจ้าหน้าที่ ความเกลียดชังในหมู่ผู้ชุมนุมจะสูงขึ้นเรื่อยๆ กลายเป็นประเด็นให้นำไปปราศรัยสร้างความโกรธแค้น
ความโกรธแค้นที่ทวีตัวจะทำให้ผู้ชุมนุมเริ่มแสดงอารมณ์ในรูปแบบต่างๆ ต่อสถานที่ราชการ รถของราชการ เสาไฟ อุปกรณ์ต่างๆ มีการทำลาย การเผา การระเบิด
มือที่สาม ซึ่งจริงๆ แล้วก็มีสิทธิจะเป็นมือที่ 1.5 (หน่วยพิเศษหลังฉากของผู้ชุมนุม) หรือมือที่ 2.5 (หน่วยพิเศษหลังฉากของเจ้าหน้าที่) ได้เข้าสร้างความรุนแรงมากขึ้น มากขึ้น การบาดเจ็บจะมากขึ้น จนนำสู่การนองเลือด และการล้มตายได้
ฝ่ายผู้ชุมนุมก็โกรธแค้นพอที่จะฆ่าเจ้าหน้าที่ได้ ถ้ามีอาวุธ
ฝ่ายเจ้าหน้าที่ก็โกรธแค้นพอที่จะผู้ชุมนุมได้ ถ้ามีอาวุธ
เมื่อสถานการณ์วิกฤติเกิดขึ้น เลือดจะนำไปสู่ความชอบธรรมของผู้ชุมนุมในการยกรระดับความรุนแรง ความรุนแรงจะนำไปสู่ความชอบธรรมของเจ้าหน้าที่ในการล้อมปราบ สุดท้ายการปะทะกวาดล้างกันอย่างแท้จริง ก็จะเกิดขึ้นตามมา ความตายก็จะมาเยือน ศพแล้วศพเล่า ซึ่งบัดนี้ยังหาไม่พบว่าอยู่ที่ไหน
แต่... ไม่ว่าการชุมนุมไหนก็ตาม ... ไม่มีแกนนำม็อบที่ต้องบาดเจ็บล้มตายตามไปด้วย .... ทำไม ??? ก็เพราะเค้ารู้ว่ามาก่อนเสมอเมื่อภัยจะมาถึงตัว ไม่เป็นอะไรเลย ... แล้วทำไมเราต้องเสียสละชีพเพื่อพวกเค้าด้วย
ลองดูคลิปให้จบนะครับ แน่นอนว่าหลายท่านคงไม่เชื่อคนที่พูดในคลิปด้วยเหตุผลที่ไม่ศรัทธา แต่ว่าลองพิจารณากันเองจากประสบการณ์ที่ผ่านมาก็ได้