เพิ่งได้อ่านนิตยสาร national geographic ฉบับที่ 148 ของเดือนพฤศจิกายน 2556 ไปเมื่อเช้า หน้าปกใช้ชื่อที่ดึงดูดความสนใจของผู้อ่านว่า "อวสานแม่น้ำโขง"
ต้องบอกก่อนว่า ความที่เป็นคนรักธรรมชาติอยู่แล้ว บวกกับเป็นลูกหลานอีสานตั้งแต่กำเนิด แม้จะไม่ได้ไปเยือนแม่น้ำโขงบ่อยนัก แต่ก็รู้สึกผูกพันอย่างบอกไม่ถูก
เมื่อได้อ่านบทความ "เขื่อนไซยบุรี พันธนาการมหานที" ใน NG แล้วรู้สึกใจหาย และรู้สึกสงสารชาวบ้านที่โดนอพยพจับใจ บทความนี้กล่าวถึงสภาพวิถีชาวบ้านริมน้ำโขงได้อย่างเห็นภาพ พร้อมกับบทสัมภาษณ์ชาวบ้านที่ทำให้ฉันรู้สึกน้ำตาแทบร่วง เพราะความที่เข้าใจในวิถีชีวิตความเป็นอยู่แบบนั้น ทำให้ฉันอยากช่วยเหลืออะไรได้บ้าง แม้อาจน้อยนิดก็ได้
ในบทความได้ย้ำให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงทุกอย่างจากการสร้างเขื่อนสัญชาติไทยนี้ จากคนไปจนถึงสัตว์และระบบนิเวศโดยรอบ ทุกสิ่งมีชีวิตได้รับความกระทบกระเทือน ชาวบ้านไม่อาจใช้ชีวิตอย่างที่เคยเป็นมาตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษอีกต่อไป ปลาหลายชนิดอาจไม่สามารถหากินได้ตามปกติอีกแล้ว สิ่งแวดล้อมที่สวยงามก็จะหายไป ฉันยังจำได้ดีเมื่อครั้งที่ไปเที่ยวกับครอบครัวเมื่อหลายปีก่อน ถึงความสวยงามความเป็นธรรมชาติอย่างแท้จริงของแม่น้ำแห่งชีวิตสายนี้ และรอยยิ้มของชาวบ้าน แต่อีกไม่นานภาพเหล่านั้นคงไม่มีให้เห็นอีกต่อไป
ที่ร่ายมาซะยาวนี้ ก็ไม่ใช่อะไรหรอกค่ะ แค่หดหู่ ใจหาย หลังอ่านบทความ รู้สึกสงสารชาวบ้าน(ประเทศลาว) ที่ได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่ เขื่อนที่สร้างนั้นเป็นเขื่อนสัญชาติไทย ที่ตั้งอยู่ประเทศลาว จุดประสงค์การสร้างเขื่อนเพราะผลิตกระแสไฟฟ้า ซึ่งร้อยละ 95 ขายให้แก่ประเทศไทย (รู้สึกละอายชอบกลแหะ)
ป.ล อาจตามข่าวสารไม่ทันนะคะ เพราะกำลังเรียนอยู่
ป.ล 2 ได้เคยไปถ่ายทุกข์ที่แปลงผักชาวบ้านริมน้ำโขง คือตอนนั้นเด็กมากอ่ะค่ะ หาห้องน้ำไม่ทัน
เขื่อนไซยบุรี: วิถีชีวิตที่หายไป
ต้องบอกก่อนว่า ความที่เป็นคนรักธรรมชาติอยู่แล้ว บวกกับเป็นลูกหลานอีสานตั้งแต่กำเนิด แม้จะไม่ได้ไปเยือนแม่น้ำโขงบ่อยนัก แต่ก็รู้สึกผูกพันอย่างบอกไม่ถูก
เมื่อได้อ่านบทความ "เขื่อนไซยบุรี พันธนาการมหานที" ใน NG แล้วรู้สึกใจหาย และรู้สึกสงสารชาวบ้านที่โดนอพยพจับใจ บทความนี้กล่าวถึงสภาพวิถีชาวบ้านริมน้ำโขงได้อย่างเห็นภาพ พร้อมกับบทสัมภาษณ์ชาวบ้านที่ทำให้ฉันรู้สึกน้ำตาแทบร่วง เพราะความที่เข้าใจในวิถีชีวิตความเป็นอยู่แบบนั้น ทำให้ฉันอยากช่วยเหลืออะไรได้บ้าง แม้อาจน้อยนิดก็ได้
ในบทความได้ย้ำให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงทุกอย่างจากการสร้างเขื่อนสัญชาติไทยนี้ จากคนไปจนถึงสัตว์และระบบนิเวศโดยรอบ ทุกสิ่งมีชีวิตได้รับความกระทบกระเทือน ชาวบ้านไม่อาจใช้ชีวิตอย่างที่เคยเป็นมาตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษอีกต่อไป ปลาหลายชนิดอาจไม่สามารถหากินได้ตามปกติอีกแล้ว สิ่งแวดล้อมที่สวยงามก็จะหายไป ฉันยังจำได้ดีเมื่อครั้งที่ไปเที่ยวกับครอบครัวเมื่อหลายปีก่อน ถึงความสวยงามความเป็นธรรมชาติอย่างแท้จริงของแม่น้ำแห่งชีวิตสายนี้ และรอยยิ้มของชาวบ้าน แต่อีกไม่นานภาพเหล่านั้นคงไม่มีให้เห็นอีกต่อไป
ที่ร่ายมาซะยาวนี้ ก็ไม่ใช่อะไรหรอกค่ะ แค่หดหู่ ใจหาย หลังอ่านบทความ รู้สึกสงสารชาวบ้าน(ประเทศลาว) ที่ได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่ เขื่อนที่สร้างนั้นเป็นเขื่อนสัญชาติไทย ที่ตั้งอยู่ประเทศลาว จุดประสงค์การสร้างเขื่อนเพราะผลิตกระแสไฟฟ้า ซึ่งร้อยละ 95 ขายให้แก่ประเทศไทย (รู้สึกละอายชอบกลแหะ)
ป.ล อาจตามข่าวสารไม่ทันนะคะ เพราะกำลังเรียนอยู่
ป.ล 2 ได้เคยไปถ่ายทุกข์ที่แปลงผักชาวบ้านริมน้ำโขง คือตอนนั้นเด็กมากอ่ะค่ะ หาห้องน้ำไม่ทัน