วันนี้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เตรียมนัดประชุมลงมติ ว่าด้วยการที่ สสและสว 381 คน ลงมติแก้ไขรับธรรมนูญ เรื่องที่มาของ สว เป็นการกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่หรือไม่
ใน381คนนี้1ในนั้นคือนายกรัฐมนตรี ซึ่งหาก ป.ป.ช. มีมติให้แจ้งข้อกล่าวหาตามขั้นตอน ของกฎหมายแล้ว ก็ต้องให้เจ้าตัวมาชี้แจง แก้ข้อกล่าวหาก่อน แล้วจึงจะมาพิจารณาลงมติ ถ้าชี้มูลความผิด สส สว 381 คนรวมถึงนายกรัฐมนตรี ก็ต้องยุติการปฏิบัติหน้าที่ทันที
ขณะเดียวกันศาลรัฐธรรมนูญก็ได้นัดไต่สวนคำร้อง ว่าพระราชบัญญัติกู้เงิน2.2ล้านๆบาท ขัดต่อพระราชบัญญัติงบประมาณเป็นการหลีกเลี่ยงตรวจสอบหรือไม่ เรื่องนี้ได้มีการเชิญนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เชิญนายกรัฐมนตรีและรัฐมลตรีว่าการกระทรวง เข้าให้ถ่อยคำ ซึ่งเป็นแค่ขั้นตอน ของการไต่สวน ผู้ร้องและผู้ถูกร้อง เท่านั้น
แต่ต้องจับตามองในช่วงศาลรัฐธรรมนูญได้นัดอ่านคำวินิจฉัย กรณี สสและสว 383 คนที่ลง มติแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา190 เรื่องหนังสือสัญญาระหว่างประเทศไม่ต้องผ่านรัฐสภา ว่าเข้าข่าย เป็นการกระทำ ล้มล้างการปกครอง และกระทำการให้ได้มา ซึ่งอำนาจในการ ปกครอง โดยวิถีทางที่ไม่ได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 หรือไม่
เนื่องจาก กรณีนี้ ถ้าหากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่ามีความผิด นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี ที่เป็น สส ที่ลงมติแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 ในวาระ 3 ก็ต้องพ้น จากตำแหน่ง มีผลย้อนหลังไป จนถึงวันที่มีการลงมติ ซึ่งจะไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ รักษาการได้ ต้องให้รัฐมนตรีที่ไม่ได้เป็นสส หรือเป็น สส แต่ไม่ได้ลงมติในวาระ 3 ทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี รักษาการแทน
เริ่มเห็นอะไรของรัฐบาลนี้แล้วครับขอให้มีความยุติธรรมในการตัดสินครับ
วันนี้ ป.ป.ช. เตรียมนัดประชุมลงมติ ว่าด้วยการที่ สสและสว 381 คน ลงมติแก้ไข รัฐธรรมนูญ เรื่องที่มาของ สว เป็นการกระทำผิดต
ใน381คนนี้1ในนั้นคือนายกรัฐมนตรี ซึ่งหาก ป.ป.ช. มีมติให้แจ้งข้อกล่าวหาตามขั้นตอน ของกฎหมายแล้ว ก็ต้องให้เจ้าตัวมาชี้แจง แก้ข้อกล่าวหาก่อน แล้วจึงจะมาพิจารณาลงมติ ถ้าชี้มูลความผิด สส สว 381 คนรวมถึงนายกรัฐมนตรี ก็ต้องยุติการปฏิบัติหน้าที่ทันที
ขณะเดียวกันศาลรัฐธรรมนูญก็ได้นัดไต่สวนคำร้อง ว่าพระราชบัญญัติกู้เงิน2.2ล้านๆบาท ขัดต่อพระราชบัญญัติงบประมาณเป็นการหลีกเลี่ยงตรวจสอบหรือไม่ เรื่องนี้ได้มีการเชิญนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เชิญนายกรัฐมนตรีและรัฐมลตรีว่าการกระทรวง เข้าให้ถ่อยคำ ซึ่งเป็นแค่ขั้นตอน ของการไต่สวน ผู้ร้องและผู้ถูกร้อง เท่านั้น
แต่ต้องจับตามองในช่วงศาลรัฐธรรมนูญได้นัดอ่านคำวินิจฉัย กรณี สสและสว 383 คนที่ลง มติแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา190 เรื่องหนังสือสัญญาระหว่างประเทศไม่ต้องผ่านรัฐสภา ว่าเข้าข่าย เป็นการกระทำ ล้มล้างการปกครอง และกระทำการให้ได้มา ซึ่งอำนาจในการ ปกครอง โดยวิถีทางที่ไม่ได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 หรือไม่
เนื่องจาก กรณีนี้ ถ้าหากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่ามีความผิด นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี ที่เป็น สส ที่ลงมติแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 ในวาระ 3 ก็ต้องพ้น จากตำแหน่ง มีผลย้อนหลังไป จนถึงวันที่มีการลงมติ ซึ่งจะไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ รักษาการได้ ต้องให้รัฐมนตรีที่ไม่ได้เป็นสส หรือเป็น สส แต่ไม่ได้ลงมติในวาระ 3 ทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี รักษาการแทน
เริ่มเห็นอะไรของรัฐบาลนี้แล้วครับขอให้มีความยุติธรรมในการตัดสินครับ