ในการจัดอันดับกลุ่มคนที่มั่งคั่งของโลก นอกเหนือจากนักธุรกิจและนักลงทุนในสาขาอาชีพต่างๆแล้ว นักเขียน หรือ Author มักติดโผอยู่ด้วย นักเขียน Best seller ทั้งหลายล้วนเป็นบุคคลที่มั่งคั่ง คุณลองคำนวนดูว่าหนังสือขายดีที่มียอดจำหน่ายเป็นล้านชุดสร้างรายได้แก่ผู้เขียนขนาดไหน
รายได้ของนักเขียน Best seller (ตัวอย่างจากในต่างประเทศ)
a) ส่วนแบ่งเริ่มต้นที่ 10% จากราคาปกและยอดขายหนังสือ สมมุติเล่มละ 10 เหรียญจำนวน 1 ล้านชุดก็ 1 ล้าน เหรียญ หรือประมาณ 30 ล้านบาท
b) รายได้จากการเป็นผู้พูดในงานสัมมนา หรือ Keynote speaker ซึ่งอาจสูงถึงงานละ $5,000-50,000 แล้วแต่ชื่อเสียง
c) รายได้จากการจัดงานสัมมนาของตนเองซึ่งอาจสูงถึงที่นั่งละ 1,000-2,000 เหรียญเป็นจำนวน 50-100 ที่นั่งแล้วแต่ชื่อเสียงและเนื้อหา
d) รายได้จากเว็บไซต์ ซึ่งอาจเป็นค่าโฆษณา ค่าโปรโมทสินค้า (Affiliate marketing) และค่าขายสินค้าอื่นของตัวเอง เช่น CDs, DVD, Audio Book, eBook ฯลฯ ต่อยอดเป็นรายได้นับไม่ถ้วน
โครงสร้างเหล่านี้ล้วนเกิดขึ้นภายใต้ชื่อเสียงที่มาจากผลงานงานเขียนที่เปิดเผยต่อสาธารณะ เป็นที่ยอมรับ และบอกต่อจนกลายเป็นแบรนด์ของตัวเอง หรือ Personal brand
ด้วยโครงสร้างรายได้แบบเดียวกันนี้สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับอาชีพนักเขียนออนไลน์ในประเทศไทยได้ แม้ Scale จะเล็กกว่าแต่ก็สามารถสร้างผลลัพธ์ที่แตกต่างให้กับชีวิตได้
ความรู้คืออำนาจใช้หาเงินได้
คุณรู้ดีว่าความรู้เป็นเครื่องมือสำคัญในการใช้หาเงินและคุณอาจจะคุ้นเคยกับการใช้ความรู้หาเงินในฐานะลูกจ้างประจำบริษัท แต่มีคนจำนวนหนึ่งที่ใช้ความรู้หาเงินในระดับ Mass scale คือการกระจายความรู้ออกไปยังตลาดขายออกไปสู่คนจำนวนมากในรูปของการสอน
เนื้อหาที่มีประโยชน์ เป็นความรู้ เป็นไปเพื่อการศึกษาและมีวัตถุประสงค์ให้ผู้ต้องการเนื้อหาเข้ามารับเนื้อหาไปเรียนรู้เพื่อนำไปใช้งานในชีวิตประจำวันของพวกเขาอาจจะเป็นด้าน การใช้ชีวิต, การพัฒนาชีวิต, การทำงาน, ความสัมพันธ์กับคนรัก, และการทำธุรกิจ เนื้อหาชนิดนี้เรียกว่า Nonfiction หรือ Nonfiction book นั่นเอง
ผู้มีความรู้ในสาขาเฉพาะทางต่างๆ นำความรู้ที่พวกเขามีมาแพ็กเป็นชุดเนื้อหา ผลิตออกมาในรูปสำเร็จพร้อมบริโภค (ศึกษา) อันได้แก่ Book, Ebook, Audio program, Video program, และ Live event
ยกตัวอย่าง:
Nathan และ Tessa Hartnett: สองสามีภรรยาทำธุรกิจอีคอมเมิร์ซ เกิดประสบการณ์มากมายจากการลองผิดลองถูกจนในที่สุดความรู้จากสิ่งที่ทำตกผลึกและเขียนหนังสือชื่อ Retail Rebellion สอนเกี่ยวกับการทำเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ
Napoleon Hill: ชายผู้นี้ไม่ได้เป็นนักธุรกิจและไม่ใช่เศรษฐี แต่สนใจศาสตร์และศิลป์แห่งความสำเร็จของนักธุรกิจและได้ออกสัมภาษณ์นักธุรกิจมากมายแล้วสรุปข้อมูลที่สัมภาษณ์ออกมาเป็นสูตรสำเร็จลงหนังสือชื่อ Think and Grow Rich และได้รับการยกย่องว่าเป็นหนังสือ Must-read ไปทั่วโลกในปัจจุบันพร้อมกับมีวลีอมตะที่คนแชร์ไปทั่วอินเตอร์เน็ต คือ “Whatever the mind can conceive and believe, it can achieve”
Brendon Burchard: ชายคนนี้เป็นคนจนด้วยซ้ำไปแต่เขาสนใจวิถีแห่งความสำเร็จจึงศึกษาแนวคิดของคนประสบความสำเร็จและ Thought leader จากที่ต่างๆ ประมวลข้อมูลแล้วนำมาสอนผ่านเว็บไซต์ สอนทางโทรศัพท์ และอัดเป็นวิดีโอคลิป ออกเผยแพร่ กระทั่งออกเป็นหนังสือและอีบุ๊คขายที่ Amazon.com ปัจจุบันเขากลายเป็นเจ้าของ Expert Academy ที่บัตรสัมมนาราคานับพันเหรียญแต่งานสัมมนาเต็มเป็นร้อยๆที่นั่ง
Matt Kapnes: นักเดินทางสไตล์ Backpack เก็บเงินและเดินทางรอบโลกด้วยการค้นหาวิธีเดินทางและใช้ชีวิตในต่างแดนด้วยวิธีประหยัดที่สุด ระหว่างเดินทางเขาเขียนบล็อกแบ่งปันประสบการณ์และความรู้จนมี Audience ติดตามอ่านและมี Subscriber ประจำไม่ต่ำกว่า 25,000 คน ทำให้เขามีรายได้จากการเขียนอีบุ๊คในสาขาที่เกี่ยวข้องและล่าสุดกับหนังสือเล่มและ Kindle ebook ขายผ่าน Amazon.com ชื่อ How to Travel the World on $50 USD a Day ซึ่งขายได้ 5,000 ชุดในเวลา 2 เดือน สร้างยอดขายรวม (ไม่ใช่กำไร) เป็นเงินไทยนับล้านบาท
ภาววิทย์ กลิ่นประทุม: เป็นคนไทยที่ชอบการลงทุนในหุ้น ศึกษาและปฏิบัติจริงและตลอดช่วงเวลาการปฏิบัติเขาได้บันทึกข้อมูล ความรู้ และแนวคิดลงในบล็อกและในเว็บบอร์ด Stock2Morrow.com จนเกิดผู้ติดตามมากมายกระทั่งวันหนึ่งทางบรรณาธิการ Stock2Morrow.com ได้ทาบทามไปออกหนังสือชุด แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน และปัจจุบันได้กลายเป็นนักพูดและวิทยากรคอร์สสัมมนาหุ้นที่มีผู้คนเข้าเรียนมากมาย
เหล่านี้เป็นตัวอย่างเล็กๆน้อยๆสำหรับผู้มีความรู้ ทั้งความรู้ที่เกิดจากประสบการณ์ตรง และ ความรู้ที่เกิดจากการศึกษาต่อมาจากคนอื่นแล้วนำมาแปรรูปเป็นเนื้อหาในสไตล์ของตัวเอง แล้วผลิตออกมาเป็นชุดเนื้อหา (Content) พร้อมบริโภคออกขายสร้างรายได้มากมายครับ
ที่มา:
http://www.epicwriterr.com/how-ebook-make-you-rich/
การเขียน สร้างชื่อเสียง, เงินทอง, และโอกาสทางธุรกิจให้ชีวิตคุณ ได้อย่างไร
รายได้ของนักเขียน Best seller (ตัวอย่างจากในต่างประเทศ)
a) ส่วนแบ่งเริ่มต้นที่ 10% จากราคาปกและยอดขายหนังสือ สมมุติเล่มละ 10 เหรียญจำนวน 1 ล้านชุดก็ 1 ล้าน เหรียญ หรือประมาณ 30 ล้านบาท
b) รายได้จากการเป็นผู้พูดในงานสัมมนา หรือ Keynote speaker ซึ่งอาจสูงถึงงานละ $5,000-50,000 แล้วแต่ชื่อเสียง
c) รายได้จากการจัดงานสัมมนาของตนเองซึ่งอาจสูงถึงที่นั่งละ 1,000-2,000 เหรียญเป็นจำนวน 50-100 ที่นั่งแล้วแต่ชื่อเสียงและเนื้อหา
d) รายได้จากเว็บไซต์ ซึ่งอาจเป็นค่าโฆษณา ค่าโปรโมทสินค้า (Affiliate marketing) และค่าขายสินค้าอื่นของตัวเอง เช่น CDs, DVD, Audio Book, eBook ฯลฯ ต่อยอดเป็นรายได้นับไม่ถ้วน
โครงสร้างเหล่านี้ล้วนเกิดขึ้นภายใต้ชื่อเสียงที่มาจากผลงานงานเขียนที่เปิดเผยต่อสาธารณะ เป็นที่ยอมรับ และบอกต่อจนกลายเป็นแบรนด์ของตัวเอง หรือ Personal brand
ด้วยโครงสร้างรายได้แบบเดียวกันนี้สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับอาชีพนักเขียนออนไลน์ในประเทศไทยได้ แม้ Scale จะเล็กกว่าแต่ก็สามารถสร้างผลลัพธ์ที่แตกต่างให้กับชีวิตได้
ความรู้คืออำนาจใช้หาเงินได้
คุณรู้ดีว่าความรู้เป็นเครื่องมือสำคัญในการใช้หาเงินและคุณอาจจะคุ้นเคยกับการใช้ความรู้หาเงินในฐานะลูกจ้างประจำบริษัท แต่มีคนจำนวนหนึ่งที่ใช้ความรู้หาเงินในระดับ Mass scale คือการกระจายความรู้ออกไปยังตลาดขายออกไปสู่คนจำนวนมากในรูปของการสอน
เนื้อหาที่มีประโยชน์ เป็นความรู้ เป็นไปเพื่อการศึกษาและมีวัตถุประสงค์ให้ผู้ต้องการเนื้อหาเข้ามารับเนื้อหาไปเรียนรู้เพื่อนำไปใช้งานในชีวิตประจำวันของพวกเขาอาจจะเป็นด้าน การใช้ชีวิต, การพัฒนาชีวิต, การทำงาน, ความสัมพันธ์กับคนรัก, และการทำธุรกิจ เนื้อหาชนิดนี้เรียกว่า Nonfiction หรือ Nonfiction book นั่นเอง
ผู้มีความรู้ในสาขาเฉพาะทางต่างๆ นำความรู้ที่พวกเขามีมาแพ็กเป็นชุดเนื้อหา ผลิตออกมาในรูปสำเร็จพร้อมบริโภค (ศึกษา) อันได้แก่ Book, Ebook, Audio program, Video program, และ Live event
ยกตัวอย่าง:
Nathan และ Tessa Hartnett: สองสามีภรรยาทำธุรกิจอีคอมเมิร์ซ เกิดประสบการณ์มากมายจากการลองผิดลองถูกจนในที่สุดความรู้จากสิ่งที่ทำตกผลึกและเขียนหนังสือชื่อ Retail Rebellion สอนเกี่ยวกับการทำเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ
Napoleon Hill: ชายผู้นี้ไม่ได้เป็นนักธุรกิจและไม่ใช่เศรษฐี แต่สนใจศาสตร์และศิลป์แห่งความสำเร็จของนักธุรกิจและได้ออกสัมภาษณ์นักธุรกิจมากมายแล้วสรุปข้อมูลที่สัมภาษณ์ออกมาเป็นสูตรสำเร็จลงหนังสือชื่อ Think and Grow Rich และได้รับการยกย่องว่าเป็นหนังสือ Must-read ไปทั่วโลกในปัจจุบันพร้อมกับมีวลีอมตะที่คนแชร์ไปทั่วอินเตอร์เน็ต คือ “Whatever the mind can conceive and believe, it can achieve”
Brendon Burchard: ชายคนนี้เป็นคนจนด้วยซ้ำไปแต่เขาสนใจวิถีแห่งความสำเร็จจึงศึกษาแนวคิดของคนประสบความสำเร็จและ Thought leader จากที่ต่างๆ ประมวลข้อมูลแล้วนำมาสอนผ่านเว็บไซต์ สอนทางโทรศัพท์ และอัดเป็นวิดีโอคลิป ออกเผยแพร่ กระทั่งออกเป็นหนังสือและอีบุ๊คขายที่ Amazon.com ปัจจุบันเขากลายเป็นเจ้าของ Expert Academy ที่บัตรสัมมนาราคานับพันเหรียญแต่งานสัมมนาเต็มเป็นร้อยๆที่นั่ง
Matt Kapnes: นักเดินทางสไตล์ Backpack เก็บเงินและเดินทางรอบโลกด้วยการค้นหาวิธีเดินทางและใช้ชีวิตในต่างแดนด้วยวิธีประหยัดที่สุด ระหว่างเดินทางเขาเขียนบล็อกแบ่งปันประสบการณ์และความรู้จนมี Audience ติดตามอ่านและมี Subscriber ประจำไม่ต่ำกว่า 25,000 คน ทำให้เขามีรายได้จากการเขียนอีบุ๊คในสาขาที่เกี่ยวข้องและล่าสุดกับหนังสือเล่มและ Kindle ebook ขายผ่าน Amazon.com ชื่อ How to Travel the World on $50 USD a Day ซึ่งขายได้ 5,000 ชุดในเวลา 2 เดือน สร้างยอดขายรวม (ไม่ใช่กำไร) เป็นเงินไทยนับล้านบาท
ภาววิทย์ กลิ่นประทุม: เป็นคนไทยที่ชอบการลงทุนในหุ้น ศึกษาและปฏิบัติจริงและตลอดช่วงเวลาการปฏิบัติเขาได้บันทึกข้อมูล ความรู้ และแนวคิดลงในบล็อกและในเว็บบอร์ด Stock2Morrow.com จนเกิดผู้ติดตามมากมายกระทั่งวันหนึ่งทางบรรณาธิการ Stock2Morrow.com ได้ทาบทามไปออกหนังสือชุด แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน และปัจจุบันได้กลายเป็นนักพูดและวิทยากรคอร์สสัมมนาหุ้นที่มีผู้คนเข้าเรียนมากมาย
เหล่านี้เป็นตัวอย่างเล็กๆน้อยๆสำหรับผู้มีความรู้ ทั้งความรู้ที่เกิดจากประสบการณ์ตรง และ ความรู้ที่เกิดจากการศึกษาต่อมาจากคนอื่นแล้วนำมาแปรรูปเป็นเนื้อหาในสไตล์ของตัวเอง แล้วผลิตออกมาเป็นชุดเนื้อหา (Content) พร้อมบริโภคออกขายสร้างรายได้มากมายครับ
ที่มา: http://www.epicwriterr.com/how-ebook-make-you-rich/