ประชาธิปไตยทางตรงกับการกระจายอำนาจ

กระทู้สนทนา
ในระยะสิบปีมานี้ เราพูดถึงการกระจายอำนาจกันมาตลอด แต่เรายังไม่เเคยตั้งจุดหมายของการกระจายอำนาจกันมาก่อนเลย

อธิปไตย 3 ที่เราใช้กันอยู่ในปัจจุบันมี อำนาจบริหาร นิติ และตุลาการ

แต่เมื่อมีการพูดถึงประชาธิปไตยทางตรงขึ้นมา บ่อยครั้งที่เราจะพูดกันว่ามันจะเป็นภาระกับประชาชนมาเกินไป และท้ายที่สุดอำนาจที่จะกระจ่ายไปให้ จะตกอยู่ภายใต้การชักนำของกลุ่มอำนาจใดอำนาจหนึ่งในเวลาต่อมา ยกตัวอย่างได้แก่ การเลือกอบจ. อบต. ในพื้นที่ต่างๆ ซึ่งถูกครอบงำด้วยมีมีอิทธิพลในท้องถิ่น และท้ายที่สุด คนในพื้นที่ ที่อยากจะพูดอะไรขึ้นมา แม้มีเหตุผล ก็ไม่อาจสื่อมาถึงส่วนกลางได้

การตั้งสภาประชาชนของกปปส. หรือสภาปฏิรูปประเทศของรัฐบาล ท้ายที่สุดก็ยังไม่สามารถตอบโจทย์ปัญหาของประเทศได้ เพราะเป้าหมายของแต่ละฝ่ายเกิดขึ้นเพื่อบรรลุจุดประสงค์ของตัวเองเท่านั้น ไม่ได้มีแนวทางเพื่อการกระจายอำนาจอย่างแท้จริง

ผมเคยเสนอให้มีการยุบระบบวุฒิสมาชิกไปเสีย และแบ่งแยกระบบรัฐสภาออกมาใหม่เป็น ๑๐๐ ท่าน จากพรรคการเมืองที่อาสาจะเข้ามาทำหน้าที่บริหารประเทศโดยตรง ซึ่งจะใช้ชื่อเดิมว่า สส.บัญชีรายชื่อ อีก ๒๐๐ ท่าน จากสภาเขตต่างๆที่จะมีรูแบบเหมือนสภากองร้อยในยุคโรมัน ที่มีการบัญญัติให้ประชาชนทุกคนมีสถานะเป็นกองกำลังทหารทั้งหมด ดังนั้นคนที่จะเข้ามานั่งในสภาจากเขตนั้นๆ จะมีสถานะเป็นดังนายพลจากกองพลนั้น ซึ่งจะใช้ชื่อเดิมว่า สส.สภาเขต และอีก ๒๐๐ ท่านสุดท้ายเพื่อให้ครบ ๕๐๐ คน คือสภาอาชีพ ที่เกิดจากการตั้งสมาคม ร่วมกลุ่มเป็นสมาพันธ์กำหนดสิทธิในการประกอบอาชีพ และเพิ่มคุณภาพมากพอที่จะตั้งเป็นสภา เพื่อลงแข่งขันเลือกตั้งในการเข้ามานั่งในรัฐสภาในฐานะ สส.สหสภา

แต่ระบบรัฐสภาใหม่ที่กล่าว จำต้องถูกควบคุมดูแลโดยประชาชน สส.บัญชีรายชื่อที่เน้นการบริหารงานในรูปแบบพรรคการเมือง สส.สภาเขตที่จะถูกบังคับให้เป็นหนึ่งเดียว ไม่มีการแตกเสียงโหวต ยอมรับแต่มติเอกฉันท์ แต่ก็จะมีทางออกอีกเสียงหนึ่งคือการยกเหตุผลในสภาอาชีพขึ้นมา ตามหลักวิชาการและเหตุผลในด้านการปฏิบัติ

การกระฉับเสรีภาพในการประกอบอาชีพเป็นประเด็นสำคัญที่จะทำให้ประชาชนมีส่วนร่วมต่อการเมืองมากกว่าเดิม เพราะหากยกตัวอย่าง เช่น สภาชาวนา ที่คาดว่าต้องติด ๑ ใน ๒๐๐ ของระบบสส.สหสภาแน่นอน สิ่งนี้จะทำให้เกิดเอกภาพในกลุ่มผู้ประกอบอาชีพชาวนาอย่างแน่นอน และกลไกต่างๆ ที่ถูกตั้งขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือชาวนาอย่างสหกรณ์ ก็จะมีผลบังคับใช่อย่างจริงจัง ซึ่งอาจรวมไปถึงการกำหนดราคาข้าวต่ออัตราส่วนพื้นที่ที่มีการเพราะปลูก การรวมพื้นที่นาทำงานรวมกัน และพื้นฟูระบบลงแขกเกียวข้าวที่เราเคยทำมาในอดีต ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถูกทำลายไปด้วยการแข่งขันของระบบทุนนิยม

ดังนั้น ตัวแปลที่จะทำให้เกิดระบบเหล่านี้ได้ จำเป็นต้องมีการเปิดประชามติให้มีการยอมรับรูปแบบประชาธิปไตยทางตรงเสียก่อน และการจะทำอย่างนั้น ก็ต้องมีการแตะต้องรัฐธรรมนูญปี ๕๐ อย่างแน่นอน และท้ายที่สุด ก็คงไม่พ้นการใช้กำลัง
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่