จากกระทู้เดิมที่ตั้งขอกำลังใจไว้
http://pantip.com/topic/31449857
สามีเรากลับมาในวันที่2ค่ะ ก็ได้มีการพูดคุยกัน จากนั้นเราก็รู้ว่า ช่วงเวลาที่เขาทิ้งเรากับลูกหนีกลับบ้าน เขาติดต่อคุยกับผู้หญิงคนที่มีเรื่อชู้สาวอยู่ (ท้าวความ คือ ก่อนหน้านั้น เราได้มีโอกาสพูดกับผู้หญิงครั้งหนึ่ง และผู้หญิงเป็นฝ่ายเสนอว่าจะไม่ติดต่อ เลิกคุย เค้าก็อันเฟรนสามีเราออกจากเฟซบุ๊ค แต่จากนั้นเค้าก็แอดกันใหม่ และผู้หญิงพูดว่า ไม่เลิกคุยหรอก ถ้าเลิกก็กลัวเราน่ะสิ)
ซึ่งจากเรื่องนี้ ทำให้เราโมโหมาก เพราะระหว่างที่เค้าไม่อยู่ เขาก็รู้ว่าลูกไม่สบาย สามวันติดที่ลูกอเจียนตีสองตีสาม เราต้องวิ่งหอบผ้าไปซักสามวันตอนตีสองตีสาม ร้านยาปิด ต้องหาซื้อยาเพิ่มจากยาแก้ไข้เด็กที่มี ต้องฝากลูกกับญาติสามีแล้วนั่งวินมอเตอร์ไซหน้าบ้านตระเวนหาร้านยาที่มียาเด็กที่ลูกทานได้ แต่พอมารู้ว่าสามีทำแบบนี้ มันเยอะมากสำหรับเรา เราเลยตัดสินใจ โพสข้อความที่เค้าคุยกับผู้หญิงคนนั้นลงเฟซบุ๊คเค้า แล้วแท็กผู้หญิงไปด้วย
จากนั้นสามีก็โทรมาถามว่า เราทำอะไรลงไป เค้าและผู้หญิงเสียหาย แต่คือ สองคนคุยหวานจีบกันหน้าเฟซในข้อความนี่เรา ไม่เสียหน้าเลยสักนิดเหรอ??? เราก็เลยพูดบอกเค้าไปว่า ก็ทำไมเค้าไม่ทำตามที่พูดล่ะ แล้วที่สองคนทำ เราจะเอาหน้าไปไว้ไหน เกียรติเราอยู่ไหน สามีพูดกับเราว่า เค้ารู้จักกันก่อนเรา เค้าอยากคุยกับผู้หญิงคนนั้น
ซึ่งเป็นคำพูดรับปีใหม่ที่ดี ซึ้งใจ สำหรับเรามาก เราเลยจบค่ะ ไม่พูดอะไรต่อ บอกเค้าแค่ว่า ตามที่เราขอคุยกันส่งลูกเท่านั้น ถ้าส่งก็เจอลูกได้ ถ้าไม่ส่งก็ไม่ต้องมาเจอลูกอีก ความเป็นเพื่อนไม่มีให้แล้ว เราเก็บของเค้าวางไว้หน้าห้องแล้ว ถ้าสะดวกก็มาเอาไป เค้าก็ถามเราว่า ของเค้า เก็บไว้ให้หน่อยไม่ได้เหรอ เราก็ตอบว่า ไม่ ทำไม่ได้ จากนั้นเราก็วางสายไป
จากนั้นสักพักใหญ่เค้าโทรมาอีกครั้ง พูดว่า เค้าขอโทษ เค้าสำนึกผิดแล้ว แต่เรารับไม่ได้ มันง่ายไปที่จะพูด เขาขอมาเจอลูกพรุ่งนี้ แต่เราพูดออกไปว่า เราไม่พร้อม เขาก็พยายามพูดอะไรสักอย่าง แต่เราไม่อยากคุยก็วางไป
จากกระทู้ที่แล้ว ขอบคุณมากในทุกกำลังใจค่ะ จากนี้คงต้องเดินต่อไป เรายังทำกิจกรรมประจำวันปกติ เสียใจนะ รู้สึกเสียใจ มันก่ำกึ่งระหว่างเสียดายเวลากับรู้สึกผิด หลายคนมากถามเราว่า มันง่ายไปไหมที่จะแยกกันกับสามี แต่ในเมื่อเรื่องมันเป็นแบบนี้ เราก็ไม่รู้ว่าจะทำให้มันยากทำไม สำหรับเราทุกอย่างมันชัดเจนมาก
เรามองว่า คนสองคน คบกัน รักกัน อยู่ด้วยกัน มันยังเป็นสถานะที่ยังทำอะไรตามใจได้ ยึดเอาสิ่งที่ตนต้องการเป็นหลักได้ คือยังมีสเปซ มีเวลา มีชีวิตที่ไม่ต้องคิดถึงอีกฝ่ายได้ แต่พอมีลูก บทบาทชีวิตเปลี่ยน มันคือ ครอบครัว เรามีสถานะเพิ่ม คือ พ่อ และแม่ ความเห็นแก่ตนที่เคยมี บางอย่างจะต้องหายไป แต่ถ้าทำไม่ได้ ทำหน้าที่พ่อไม่ได้ ในเวลาที่ครอบครัวต้องการผู้นำ ต้องการอีกคนที่พึ่งพาได้ แล้วมันไม่มี และครอบครัวอยากเป็นส่วนสำคัญของเค้า แต่มันไม่ได้ มันไม่ใช่ มันก็ไม่จำเป็นที่จะต้องได้เป็นส่วนสำคัญ
ตอนนี้เราคิดว่า ได้แค่ไหนก็เอาแค่นั้น เราคงได้ทุกอย่งในโลกไม่ได้ จากนี้เราก็จะพยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุด ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่ะ
รูปนี้ถ่ายตอนปีใหม่ค่ะ ^^ สวัสดีปีใหม่นะคะ
ขอบคุณทุกกำลังใจ ลูกชาย 1 ขวบ 28วัน กับ single mom (แตกกระทู้)
สามีเรากลับมาในวันที่2ค่ะ ก็ได้มีการพูดคุยกัน จากนั้นเราก็รู้ว่า ช่วงเวลาที่เขาทิ้งเรากับลูกหนีกลับบ้าน เขาติดต่อคุยกับผู้หญิงคนที่มีเรื่อชู้สาวอยู่ (ท้าวความ คือ ก่อนหน้านั้น เราได้มีโอกาสพูดกับผู้หญิงครั้งหนึ่ง และผู้หญิงเป็นฝ่ายเสนอว่าจะไม่ติดต่อ เลิกคุย เค้าก็อันเฟรนสามีเราออกจากเฟซบุ๊ค แต่จากนั้นเค้าก็แอดกันใหม่ และผู้หญิงพูดว่า ไม่เลิกคุยหรอก ถ้าเลิกก็กลัวเราน่ะสิ)
ซึ่งจากเรื่องนี้ ทำให้เราโมโหมาก เพราะระหว่างที่เค้าไม่อยู่ เขาก็รู้ว่าลูกไม่สบาย สามวันติดที่ลูกอเจียนตีสองตีสาม เราต้องวิ่งหอบผ้าไปซักสามวันตอนตีสองตีสาม ร้านยาปิด ต้องหาซื้อยาเพิ่มจากยาแก้ไข้เด็กที่มี ต้องฝากลูกกับญาติสามีแล้วนั่งวินมอเตอร์ไซหน้าบ้านตระเวนหาร้านยาที่มียาเด็กที่ลูกทานได้ แต่พอมารู้ว่าสามีทำแบบนี้ มันเยอะมากสำหรับเรา เราเลยตัดสินใจ โพสข้อความที่เค้าคุยกับผู้หญิงคนนั้นลงเฟซบุ๊คเค้า แล้วแท็กผู้หญิงไปด้วย
จากนั้นสามีก็โทรมาถามว่า เราทำอะไรลงไป เค้าและผู้หญิงเสียหาย แต่คือ สองคนคุยหวานจีบกันหน้าเฟซในข้อความนี่เรา ไม่เสียหน้าเลยสักนิดเหรอ??? เราก็เลยพูดบอกเค้าไปว่า ก็ทำไมเค้าไม่ทำตามที่พูดล่ะ แล้วที่สองคนทำ เราจะเอาหน้าไปไว้ไหน เกียรติเราอยู่ไหน สามีพูดกับเราว่า เค้ารู้จักกันก่อนเรา เค้าอยากคุยกับผู้หญิงคนนั้น
ซึ่งเป็นคำพูดรับปีใหม่ที่ดี ซึ้งใจ สำหรับเรามาก เราเลยจบค่ะ ไม่พูดอะไรต่อ บอกเค้าแค่ว่า ตามที่เราขอคุยกันส่งลูกเท่านั้น ถ้าส่งก็เจอลูกได้ ถ้าไม่ส่งก็ไม่ต้องมาเจอลูกอีก ความเป็นเพื่อนไม่มีให้แล้ว เราเก็บของเค้าวางไว้หน้าห้องแล้ว ถ้าสะดวกก็มาเอาไป เค้าก็ถามเราว่า ของเค้า เก็บไว้ให้หน่อยไม่ได้เหรอ เราก็ตอบว่า ไม่ ทำไม่ได้ จากนั้นเราก็วางสายไป
จากนั้นสักพักใหญ่เค้าโทรมาอีกครั้ง พูดว่า เค้าขอโทษ เค้าสำนึกผิดแล้ว แต่เรารับไม่ได้ มันง่ายไปที่จะพูด เขาขอมาเจอลูกพรุ่งนี้ แต่เราพูดออกไปว่า เราไม่พร้อม เขาก็พยายามพูดอะไรสักอย่าง แต่เราไม่อยากคุยก็วางไป
จากกระทู้ที่แล้ว ขอบคุณมากในทุกกำลังใจค่ะ จากนี้คงต้องเดินต่อไป เรายังทำกิจกรรมประจำวันปกติ เสียใจนะ รู้สึกเสียใจ มันก่ำกึ่งระหว่างเสียดายเวลากับรู้สึกผิด หลายคนมากถามเราว่า มันง่ายไปไหมที่จะแยกกันกับสามี แต่ในเมื่อเรื่องมันเป็นแบบนี้ เราก็ไม่รู้ว่าจะทำให้มันยากทำไม สำหรับเราทุกอย่างมันชัดเจนมาก
เรามองว่า คนสองคน คบกัน รักกัน อยู่ด้วยกัน มันยังเป็นสถานะที่ยังทำอะไรตามใจได้ ยึดเอาสิ่งที่ตนต้องการเป็นหลักได้ คือยังมีสเปซ มีเวลา มีชีวิตที่ไม่ต้องคิดถึงอีกฝ่ายได้ แต่พอมีลูก บทบาทชีวิตเปลี่ยน มันคือ ครอบครัว เรามีสถานะเพิ่ม คือ พ่อ และแม่ ความเห็นแก่ตนที่เคยมี บางอย่างจะต้องหายไป แต่ถ้าทำไม่ได้ ทำหน้าที่พ่อไม่ได้ ในเวลาที่ครอบครัวต้องการผู้นำ ต้องการอีกคนที่พึ่งพาได้ แล้วมันไม่มี และครอบครัวอยากเป็นส่วนสำคัญของเค้า แต่มันไม่ได้ มันไม่ใช่ มันก็ไม่จำเป็นที่จะต้องได้เป็นส่วนสำคัญ
ตอนนี้เราคิดว่า ได้แค่ไหนก็เอาแค่นั้น เราคงได้ทุกอย่งในโลกไม่ได้ จากนี้เราก็จะพยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุด ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่ะ
รูปนี้ถ่ายตอนปีใหม่ค่ะ ^^ สวัสดีปีใหม่นะคะ