ฉันต้องเสียน้องสาวที่น่ารักให้กับนายสุเทพจริงๆ แล้วหรือนี่

กระทู้สนทนา
ก่อนอื่นขอท้าวความก่อนว่า ดิฉันมีน้องสาวซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องที่เป็นลูกคนเดียวของน้า น้องเป็นสาวโสดเข้าขั้นขึ้นคานแล้ว  ตอนนี้น้องสาวทำงานที่กรุงเทพในบริษัทใหญ่โตที่เป็นที่รู้จักทั่วประเทศ มีเงินเดือนรวมค่าคอมฯ หลายหมื่น แต่แม่ของน้องซึ่งเป็นน้าของดิฉันอยู่บ้านที่น้องมาปลูกให้ใหญ่โตเพียงลำพังคนเดียว ตอนนี้น้าก็อายุ 60 กว่าแล้ว แต่เพราะบ้านเราอยู่ใกล้ๆ กันฉันและครอบครัวก็จะดูแลกันตลอด กินข้าวก็กินด้วยกัน คือเรียกน้ามากินด้วยเพราะเห็นอยู่คนเดียวกลัวจะเหงา เวลาเจ็บป่วยก็ดูแลพาไปหาหมอเพราะน้าแกขับรถไม่เป็น น้องก็ไม่ได้ละเลยโทรหาแม่ทุกวัน โทรหาดิฉันบ่อยๆ ฝากดูแลแม่บอกว่าถ้าหมดหนี้บ้าน หนี้รถ มีเงินเก็บจะกลับมาอยู่กับแม่ ดิฉันและครอบครัวก็รับปากและช่วยดูแลน้าเป็นอย่างดี เราสองบ้านรักใคร่ช่วยเหลือกันมาตลอด

ก่อนหน้านี้ช่วงเดือนก่อนดิฉันก็เห็นจากเฟสบุ๊คของน้องว่าน้องไปม็อบนกหวีด ทั้งไลค์ ทั้งแชร์ เพจของกลุ่มม็อบหลายเพจ แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร คิดว่าเดี๋ยวก็คงเลิกไปเองไม่อยากยุ่งกลัวเสียพี่เสียน้อง น้องเองก็คงจะเล่าให้แม่ฟังด้วยว่าไปม็อบ วันก่อนน้าบอกว่าวันที่ 28 น้องจะกลับบ้านน้าเป็นห่วงอยากให้ดิฉันช่วยเตือนน้องเรื่องไปม็อบเพราะกลัวอันตราย เพราะเห็นในข่าวมันรุนแรงและมีคนตาย ดิฉันเองไม่อยากพูดเลยแต่ก็สงสารน้า

พอน้องกลับมาเราก็ทำกับข้าวกินข้าวด้วยกันที่บ้านน้าประสาพี่น้อและดิฉันก็หาโอกาสคุยกับน้อง

ดิฉัน : เห็นในเฟสไปม็อบมาเหรอ เป็นไงบ่าง คนเยอะไหม
น้อง : เยอะสิ เป็นล้านเลย
ดิฉัน : แล้วดูท่าอันตรายไหม
น้อง : ไม่อันตรายหรอก ไม่ต้องเป็นห่วง
ดิฉัน : พี่ว่า...อยู่บ้านเป็นกำลังใจให้ก็ได้นะ แม่เค้าห่วงหน่ะ
น้อง : โอ้ย! ไม่ไปไม่ได้หรอกพี่ เดี๋ยวคนน้อยจะไม่ชนะ
ดิฉัน : (คิดในใจ เมื่อกี้บอกเป็นล้าน) แต่แม่เค้าห่วงหน่ะ กลัวเราเป็นอันตราย
น้อง : ไม่เป็นไรหรอก ใครๆ เขาก็ไป เพราะถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ ปล่อยให้เลือกตั้งเดี๋ยวประเทศชาติก็ล่มจมหรอก
ดิฉัน : (เริ่มรู้สึกว่าน้องเราเปลี่ยนไปจากคนอ่อนโยน น่ารักทำไมพูดแข็งๆ ดูท่าทางก้าวร้าวขึ้น) พี่ว่ายิ่งไม่เลือกตั้งน่าจะยิ่งแย่นะ
น้อง : จะแย่ได้ไง ก็ต้องปฏิรูแก่อนสิ
ดิฉัน : แล้วปฏิรูปยังไง
น้อง : อธิบายไปพี่ก็ไม่เข้าใจหรอก เพราะพี่อคติ
ดิฉัน : (พยายามทำใจเย็น แต่ในใจคิด แกนั่นแหล่ะอคติ) พี่กลัวสงครามกลางเมือง กลัวมีเหตุการณ์นองเลือด
น้อง : ก็ต้องปล่อยให้มันเกิด ไม่งั้นก็ไม่มีการพัฒนาสักที
ดิฉัน : (พยายามเปลี่ยนประเด็น กลัวทะเลาะกัน) แล้วที่ว่าจะกลับมาอยู่บ้านอีกนานไหม
น้อง : พี่ถามทำไม (เสียงขุ่นเชียว)
ดิฉัน : ก็อยากให้กลับมาอยู่ด้วยกัน สงสารแม่เหงา
น้อง : ถ้าพี่ลำบากมากที่ต้องช่วยดูแลแม่ น้องจะพาแม่ไปอยู่กรุงเทพด้วย
ดิฉัน : (อ้าว! พาลนี่หว่า ติดนิสัยใครมาวะ) เปล่า อย่าคิดอย่างงั้น
น้อง : พี่มันก็พวกไม่รักชาติเหมือนพวกไทยเฉยนั่นแหล่ะ คิดแต่ความสะดวกสบายส่วนตัว ไม่เคยคิดถึงประเทศชาติ ประเทศชาติจะล่มจมไม่เคยสนใจ
ดิฉัน : (มันต้องโดนล้างสมองมาแน่ๆ แต่ดิฉันยังใจเย็น) พี่ว่า เราไม่ต้องพูดกันเรื่องนี้กันแล้วหล่ะ ไม่อยากทะเลาะกัน
น้อง : ไม่พูดก็ไม่ต้องพูดกันอีกเลย  ไม่ต้องมาคุยกันอีก ไม่อยากคุยกับคนเห็นแก่ตัว
ดิฉัน : (กรูเห็นแก่ตัวตรงไหนวะ) พี่กลับบ้านดีกว่า


แล้วดิฉันก็เดินกลับบ้านพร้อมด้วยความรู้สึกขุ่นมัวเป็นที่สุด
(ที่จริงที่เถียงกันมันเยอะกว่านี้แต่ที่จับประเด็นหลักๆ ได้ประมาณนี้เพราะตอนนั้นลมออกหู ถ้าไม่รีบตัดบทกลับบ้านคงทะเลาะกันใหญ่โตแน่ๆ)

ทำไมต้องมาทะเลาะกันด้วย
ทำไมน้องถึงเปลี่ยนไปได้ถึงขนาดนี้

ดิฉันต้องเสียน้องสาวไปแล้วจริงๆหรือ เพราะตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้น้องก็ยังไม่คุยกับฉันเลย แล้วจะทำยังไงให้เรากลับมาคืนดี คุยกันดีๆ ห่วงใยดูแลกันเหมือนเดิม
แล้วกลัวที่สุดคือ กลัวน้องพาน้าไปกรุงเทพด้วย น้าจะอยู่ยังไง จะเหงาแค่ไหน ตอนนที่น้องไปทำงาน หรือไปม็อบ
ได้แต่ภาวนาว่าให้น้องพูดไปเพราะอารมณ์ ไม่ได้คิดจะทำจริงๆ ถ้าทำจริงๆ สงสารน้าน่าดูเลย

ตอนนี้รู้สึกแย่มากๆ เลย แทนที่ปีใหม่ นานๆ ทีจะได้เจอกัน จะได้มีความสุข แต่กลับต้องมาทะเลาะกัน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่