เคยมีการปฏิรูปการเลือกตั้งไปแล้ว ปี 2550

กระทู้สนทนา
โดยคณะรัฐประหาร
ตั้งกฏตามใจตัวเองทุกอย่าง
รัฐธรรมนูญก็เปลี่ยนใหม่หมด
คุกคามสื่อ ปิดกั้นการสื่อสาร
แม้แต่กูเกิ้ลยังถูกปิดไปชั่วระยะหนึ่ง
ขู่เข็ญเอาผิดผู้ฝ่าฝืนทั้งประเทศ
ตอนนั้นรู้สึกเหมือนอยู่ในพม่ามาก ๆ

เรื่องราวเหมือนจะสงบ เพราะทุกอย่างเป็นไปตามแผนการ
เว้นแต่ผลการเลือกตั้งที่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าบริสุทธิ์ยุติธรรมแน่นอน
เพราะมันแทบไม่มีเงื่อนไขอะไรเลยที่จะทำให้พรรคพลังประชาชนเป็นฝ่ายชนะ
เว้นแต่ว่ามันเป็นผลที่แท้จริงและเป็นเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน

ผู้ที่เป็นนายกรัฐมนตรีในสมัยนั้น ไม่ใช่ตระกูลชินวัตร
แต่เป็นคุณสมัคร สุนทรเวช แต่ว่าเขายอมรับกติกากันไหม
สุดท้ายก็ออกมาประท้วง แบบอมโคลนมาบ้วน เพราะตั้งข้อหาไม่ถนัด
จนแล้วจนรอดก็ทำอะไรรัฐบาลที่นำโดยคุณสมัครไม่ได้
ถึงกับต้องใช้วิธีพิเศษสุด คือ นั่งหาข้อหาที่จะทำให้นายกพ้นจากตำแหน่งให้ได้

ตอนฟังคำวินิจฉัยร่ายยาว รู้สึกว่า เออเขาอ่านมานายกก็ไม่น่าจะมีอะไรผิด
แต่พอถึงตอนสรุป กลับพลิกมาผิดอย่างดื้อ ๆ เรียกว่าที่อ่านมาไม่เกี่ยว
ฟังแค่อันสุดท้ายอันนี้อันเดียว คือ ผมหาความผิดไม่ได้ตามกฏหมาย
เพราะว่ากันตามกฏหมายก็ไม่ผิดเลย ก็เลยไปเปิดพจนานุกรมดู เผื่อมีอ้างอิงอะไรก็ได้
เจอเลย พจนานุกรมรับรองเป็นอันใช้ได้ เอามาตัดสินเลย ผิดแน่ ๆ คุณไปได้แล้ว

เอากันแบบนี้เลย ใคร ๆ ก็รู้ว่าทำตามอำเภอใจ ด้วยความจำใจ ทำแบบเลือกข้าง 100%
แต่กองเชียร์เขายอมรับได้ ส่วนนายกรัฐมนตรีที่เคารพกฏหมายก็ต้องไปแบบจำใจ

มันจบไหม มันจบเหรอ ตอนนั้นคุณสมัครเป็นตัวของตัวเองสุด ๆ ไม่เอาใจคุณทักษิณเลย
บริหารกันคนละแบบเลย โดนแต่ข้อหาเป็นนอมินีซึ่งไม่ได้แอ้มคนอย่างคุณสมัครหรอก แต่ก็ยังโดนแบบนี้

ง่าย ๆ เลย ต่อให้ตระกูลชินวัตรออกจากประเทศ ก็ยังมีข้อหานอมินีอยู่ หมายความว่าต้องให้ออกไปนอกโลกสินะ
แล้วไม่ต้องเลือกตั้งหรอก ไม่ต้องตั้งกฏใหม่ให้วุ่นวาย ไม่ต้องอ้อมค้อม บอกมาเลยว่าไม่เอาประชาธิปไตย
อย่ามาแปลงกฏหมู่ให้เป็นประชาธิปไตย ชาวโลกเขาก็รู้ว่าไม่ใช่

ทักษิณโคตรจะไม่ดี แต่กลับไม่มีประเทศไหนร่วมมือในการจับตัว ตรงข้ามยังให้การต้อนรับอย่างเอิกเกริก
ล่าสุดก็สุลต่านแห่งบรูไน ท่านก็ช่างไม่กลัวประเทศตัวเองล่มจมเลยหรืออย่างไร จึงได้นำคุณทักษิณออกหน้าออกหน้าอย่างนั้น

แล้วสมมติปฏิรูปสำเร็จ เขาจะทำอย่างไรกับสิ่งที่เขาทำไว้ คือการไปด่า ไปไล่ทูตของประเทศต่าง ๆ
ถ้าเขามีอำนาจ อยากรู้ว่าเขาจะดำเนินการทางการทูตกับประเทศเหล่านี้อีกไหม หรือจะทำสงครามตัดสัมพันธไมตรีกันไปเลย

น่าจะประกาศกันให้ชัด ๆ ว่าจะปฏิรูป จะปิดประเทศ ไม่เห็นต้องอ้อมค้อม ยังไงกองเชียร์ก็เอาด้วยอยู่แล้ว
เพราะถ้าคุณหลอกคนอื่นด้วยคำว่าประชาธิปไตยบ้าง หลอกคนอื่นด้วยคำว่าจงรักภักดีบ้าง หลอกคนอื่นด้วยคำว่ารักชาติบ้าง
เพื่อให้ได้อำนาจอย่างเดียว แล้วคิดหรือว่าอำนาจนั้นมันจะอยู่คงทนถาวร สู้หาผู้ร่วมอุดมการณ์ที่แท้จริง
ด้วยการประกาศเจตนารมณ์ชัด ๆ ไปเลยดีกว่า อย่างน้อย ๆ คนสนับสนุนก็น่าจะมีถึง 10 ล้าน

แล้วเจ้าของประเทศที่เหลืออีกประมาณ 40 ล้านคน ที่นิ่งเฉยมาตลอด ก็จะได้ลุกขึ้นมาเลือกข้างจริง ๆ สักที
วัดกันไปเลย ถ้ามัวอ้อมค้อมคนเขาก็ไม่แน่ใจเพราะสับสนว่าจุดยืนคืออะไรกันแน่ เดี๋ยวอยากเลือกตั้งเดี๋ยวไม่อยากเลือกตั้ง
คนเขาไม่เข้าใจ เพราะพฤติกรรมกับคำพูดมันสวนทางกันตลอด เขาเลยยังลังเลว่าจะเข้าข้างใครกันแน่

ไม่ต้องห่วงเลยครับ คนส่วนใหญ่ไม่ได้เลือกผู้นำเพราะเป็นคนดี แต่เขาเลือกผู้นำตามความชอบของเขา
คนในประเทศก็มีทั้งดีและไม่ดีปะปนกันไป ฉะนั้น ไม่ต้องอ้างอะไรที่ทำให้ภาพพจน์ตัวเองดูดีครับ
เปิดเผยกันมาเลยครับ จะได้ถึงเวลาเผด็จศึกกันสักที เพราะจะได้คะแนนเสียงที่แท้จริงครับ
อาจจะเกินกว่า 10 ล้านก็ได้ใครจะรู้ เพราะดูยังไงที่คุณทำมามันก็ไม่ใช่ประชาธิปไตยมาแต่แรกแล้วครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่