ในภาวะบาทอ่อนขนาดนี้ ธุรกิจที่จะได้รับอานิสงค์ในทางที่ดีคือ ธุรกิจส่งออกและการท่องเที่ยว ครับผม
มาดูเฉพาะด้านการส่งออกสินค้ากันครับ
หากไม่ดูเฉพาะค่าเงินบาทนั้น ถ้าไม่คิดอะไรมาก เราคงเลือกกลุ่ม AUTO ทันที
แต่ถ้าหากอยากเลือกเน้นๆ ว่า จะเลือกเอาสินค้าที่ส่งออกไป อเมริกา เพราะกำลังจะฟื้น
หรือ เลือกจีนเพราะ การเติบโตของเศรษฐกิจในอนาคต
เราก็จะเข้ามาดูในแต่ละกลุ่มว่า จริงๆ แล้วเราส่งออกไปให้ใครกันบ้าง
1.
ชิ้นส่วนยานยนต์ จะเห็นว่า ไม่ได้เกี่ยวทางตรงกับสภาพเศรษฐกิจอเมริกาหรือยุโรปเลย
เพราะส่วนใหญ่นั้น เราส่งออกไปที่ ออสเตรเลีย และ เพื่อนบ้านอินโดนีเซีย(ญี่ปุ่นเขาแอบย้ายฐานไปประกอบที่นู่นหรือนี่!!!)
2.
ชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ จะเห็นว่า เราส่งออกไป อเมริกา และ จีน ทั้งคู่ แสดงว่า การฟื้นของเศรษฐกิจอเมริกาและจีน
มีนัยยะสำคัญต่อ order สินค้าส่งออกในกลุ่มนี้ครับผม
3.
น้ำมันสำเร็จรูป จะเห็นว่า โรงกลั่นของไทยส่วนใหญ่จะป้อนไปให้ เพื่อนๆในกลุ่มอาเซียนครับ
การเติบโตของประเทศเพื่อนบ้านและยอดขายรถยนต์ในอาเซียน จะมีนัยยะสำคัญกับหุ้นกลุ่มโรงกลั่นเช่นกัน ครับ
4.
อัญมณีและเครื่องประดับ จะเห็นว่า ตลาดชาวจีนและอเมริกา มีผลต่อกลุ่มนี้ครับ
ต้องดูสภาพเศรษฐกิจ 2 ประเทศนี้ประกอบ สินค้าฟุ่มเฟือยพวกนี้ จะขายดี ถ้าการบริโภคภาคประชาชนของเขาดีขึ้นครับ
5.และ6.
เคมีภัณฑ์และเม็ดพลาสติก (ขอรวบยอดเป็น PETRO ไปเลยนะครับ เพราะ แหล่งผู้รับคล้ายกันเลย)
ซึ่งก็ คือ ท่านจีน และประเทศที่ประชากรเยอะที่สุดในอาเซียน และเต็มเป็นฐานการผลิตใหม่ อินโดฯ นั่นเอง
กลุ่มโรงกลั่น ตระกูล ปอ ก็ขึ้นอยู่กับ Demand ของพี่จีนและภูมิภาคเราครับ
7.และ 8.
ตระกูลยางพารา แน่นอนว่า ส่งให้จีนที่หนึ่ง ส่งให้ อเมริกาที่สอง
Demand ตัวนี้ไม่ค่อยสำคัญเท่าไหร่ สำคัญที่ Supply ที่จะออกมาเยอะจนกดราคาครับ
ส่วนสำคัญของธุรกิจยางคงมองหลักที่ "กลไกตลาด" หรือ "ราคา" นั่นเองครับ
9.
แผงวงจรไฟฟ้า น้ำหนักส่วนใหญ่อยู่ที่ ตลาดจีน อาเซียน และ อเมริกา ครับ
10.
เครื่องจักรและส่วนประกอบ ว่าาาาา หลักๆ คือ ญี่ปุ่นน่ะเรารู้กันดีอยู่แล้ว แต่เราส่งต่อไปให้ อินโดฯ ด้วยนี่สิ
จะเห็นว่า ของหนัก รถและเหล็ก เราส่งต่อไปอินโดฯ เยอะซะแล้ว ไปซื้อหุ้นนิคมฯ ที่ ตลาด JKSE ดีมั้ยเนี่ย!!
จากอันดับมูลค่าการส่งออกนี้ จะเห็นว่า ประเทศเรา จะ "ดุลการค้าเกินดุล" , (X-M) มีกำไร หรือ มูลค่าการส่งออกมากกว่านำเข้านั้น
หลักๆ จะอยู่ที่ ภาคอุตสาหกรรม ส่วนสินค้าเกษตรนั้น มีเพียง ยางพารา เท่านั้นที่ติดโผมา
ไม่แปลกที่เราจะถูกเรียกว่า "ดีทรอยแห่งอาเซียน" และเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจที่สินค้าเกษตรอย่างอื่นไม่ติดโผ
จริงๆแล้ว อาจเป็นเพราะ "ราคา" มันต่ำ มูลค่าโดยมวลรวมมันจึงน้อยก็เป็นได้ครับ
ส่วนตัวหุ้นนั้น ไป search เลือกกันใน SET ในราย SECTOR กันเองเลยครับ
ตลาดแบบนี้ หัดหาหุ้นแกะหุ้นเองดีกว่าครับ ถ้าจะดูพื้นฐานกิจการ
"ไม่ขายไม่ขาดทุน แต่ถ้าอ่านไม่ขาด ก็เตรียมตัวขาดใจ" ได้เลยนะครัชชชชชชชชชชช
สินค้าส่งออก 10 อันดับและสัดส่วนในแต่ละประเทศที่เราส่งออกไป (ใช้ประกอบหากยังอยากเลือกลงทุนในหุ้นไทย)
มาดูเฉพาะด้านการส่งออกสินค้ากันครับ
หากไม่ดูเฉพาะค่าเงินบาทนั้น ถ้าไม่คิดอะไรมาก เราคงเลือกกลุ่ม AUTO ทันที
แต่ถ้าหากอยากเลือกเน้นๆ ว่า จะเลือกเอาสินค้าที่ส่งออกไป อเมริกา เพราะกำลังจะฟื้น
หรือ เลือกจีนเพราะ การเติบโตของเศรษฐกิจในอนาคต
เราก็จะเข้ามาดูในแต่ละกลุ่มว่า จริงๆ แล้วเราส่งออกไปให้ใครกันบ้าง
1. ชิ้นส่วนยานยนต์ จะเห็นว่า ไม่ได้เกี่ยวทางตรงกับสภาพเศรษฐกิจอเมริกาหรือยุโรปเลย
เพราะส่วนใหญ่นั้น เราส่งออกไปที่ ออสเตรเลีย และ เพื่อนบ้านอินโดนีเซีย(ญี่ปุ่นเขาแอบย้ายฐานไปประกอบที่นู่นหรือนี่!!!)
2. ชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ จะเห็นว่า เราส่งออกไป อเมริกา และ จีน ทั้งคู่ แสดงว่า การฟื้นของเศรษฐกิจอเมริกาและจีน
มีนัยยะสำคัญต่อ order สินค้าส่งออกในกลุ่มนี้ครับผม
3. น้ำมันสำเร็จรูป จะเห็นว่า โรงกลั่นของไทยส่วนใหญ่จะป้อนไปให้ เพื่อนๆในกลุ่มอาเซียนครับ
การเติบโตของประเทศเพื่อนบ้านและยอดขายรถยนต์ในอาเซียน จะมีนัยยะสำคัญกับหุ้นกลุ่มโรงกลั่นเช่นกัน ครับ
4. อัญมณีและเครื่องประดับ จะเห็นว่า ตลาดชาวจีนและอเมริกา มีผลต่อกลุ่มนี้ครับ
ต้องดูสภาพเศรษฐกิจ 2 ประเทศนี้ประกอบ สินค้าฟุ่มเฟือยพวกนี้ จะขายดี ถ้าการบริโภคภาคประชาชนของเขาดีขึ้นครับ
5.และ6. เคมีภัณฑ์และเม็ดพลาสติก (ขอรวบยอดเป็น PETRO ไปเลยนะครับ เพราะ แหล่งผู้รับคล้ายกันเลย)
ซึ่งก็ คือ ท่านจีน และประเทศที่ประชากรเยอะที่สุดในอาเซียน และเต็มเป็นฐานการผลิตใหม่ อินโดฯ นั่นเอง
กลุ่มโรงกลั่น ตระกูล ปอ ก็ขึ้นอยู่กับ Demand ของพี่จีนและภูมิภาคเราครับ
7.และ 8. ตระกูลยางพารา แน่นอนว่า ส่งให้จีนที่หนึ่ง ส่งให้ อเมริกาที่สอง
Demand ตัวนี้ไม่ค่อยสำคัญเท่าไหร่ สำคัญที่ Supply ที่จะออกมาเยอะจนกดราคาครับ
ส่วนสำคัญของธุรกิจยางคงมองหลักที่ "กลไกตลาด" หรือ "ราคา" นั่นเองครับ
9. แผงวงจรไฟฟ้า น้ำหนักส่วนใหญ่อยู่ที่ ตลาดจีน อาเซียน และ อเมริกา ครับ
10. เครื่องจักรและส่วนประกอบ ว่าาาาา หลักๆ คือ ญี่ปุ่นน่ะเรารู้กันดีอยู่แล้ว แต่เราส่งต่อไปให้ อินโดฯ ด้วยนี่สิ
จะเห็นว่า ของหนัก รถและเหล็ก เราส่งต่อไปอินโดฯ เยอะซะแล้ว ไปซื้อหุ้นนิคมฯ ที่ ตลาด JKSE ดีมั้ยเนี่ย!!
จากอันดับมูลค่าการส่งออกนี้ จะเห็นว่า ประเทศเรา จะ "ดุลการค้าเกินดุล" , (X-M) มีกำไร หรือ มูลค่าการส่งออกมากกว่านำเข้านั้น
หลักๆ จะอยู่ที่ ภาคอุตสาหกรรม ส่วนสินค้าเกษตรนั้น มีเพียง ยางพารา เท่านั้นที่ติดโผมา
ไม่แปลกที่เราจะถูกเรียกว่า "ดีทรอยแห่งอาเซียน" และเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจที่สินค้าเกษตรอย่างอื่นไม่ติดโผ
จริงๆแล้ว อาจเป็นเพราะ "ราคา" มันต่ำ มูลค่าโดยมวลรวมมันจึงน้อยก็เป็นได้ครับ
ส่วนตัวหุ้นนั้น ไป search เลือกกันใน SET ในราย SECTOR กันเองเลยครับ
ตลาดแบบนี้ หัดหาหุ้นแกะหุ้นเองดีกว่าครับ ถ้าจะดูพื้นฐานกิจการ
"ไม่ขายไม่ขาดทุน แต่ถ้าอ่านไม่ขาด ก็เตรียมตัวขาดใจ" ได้เลยนะครัชชชชชชชชชชช