ช่วงนี้ลูกหลานกำลังวุ่นวายอยู่กับการสมัครเข้าเรียนต่อในระดับมหาลัย ไม่ว่าจะเจอใครก็จะพูดคุยกันถึงเรื่องนี้ จิตทางด้านดีเราก็เห็นดีเห็นงาม อยากให้เค้าเรียนต่อโน่นนี่นั่น ฝันเอาไว้สวยหรูว่าจบมาจะต้องทำงานนั่น ทำงานนี่
จิตใจทางด้านมืดก็กระซิบบอกว่า เรียนจบเเล้วยังไง ต้องไปทำงานเป็นลูกจ้างคนอื่นเหรอ?? พอคิดมาถึงตรงนี้เเล้วความคิดก็เริ่มเลวร้ายลงเรื่อยๆ คิดไปถึงว่า ...คนรอบๆตัวก็มีใบปริญญาทั้งนั้น ชีวิตหลายคนก็ไม่เห็นจะมีอะไรดี เช้าตอกบัตรเข้า เย็นตอกบัตรออก ทุกๆวันชีวิตจะเจอเเต่เรื่องเดิมๆ จะไปไหนทั้งทีก็ต้องวุ่นวายกับการลางาน ต้องอยู่ในกรอบตลอด
หันไปมองคนที่เค้าไม่ได้จบปริญญา คนเหล่านี้จะเเบ่งเป็นสองกลุ่ม กลุ่มเเรกคือพวกใช้เเรงงาน หาเช้ากินค่ำ ไม่ค่อยจะพอกิน เเละอีกกลุ่มก็คือกลุ่มเจ้าของธุรกิจทั้งหลาย ไม่ต้องไปดูไกลหรอก ตัวเราเองนี่เเหละ ไม่จบปริญญาทั้งสามีเเละเรา ทำงานตั้งเเต่อายุยังน้อยทั้งคู่ เเละก็ตั้งตัวได้ตั้งเเต่วัยกระเตาะ เอาเข้าจริงๆรายได้มากกว่าคนที่จบระดับด๊อกเตอร์ซะอีก ชีวิตไม่ได้เดือดร้อนอะไร อยากไปไหนอยากทำอะไรก็ได้ไม่ต้องไปขอใคร พอคิดมาถึงตรงนี้เเล้วก็เริ่มเปรียบเทียบ
จิตทางด้านดีบอกว่า เรียนเพื่อให้ฉลาด เรียนเพื่อให้รู้ จิตทางด้านมืดก็เถียงในทันที โลกนี้ไม่มีใครโง่หรอก เราเเค่รู้กันคนละเรื่อง ถ้าใครเอาข้อสอบอะไรมาให้เราทำ รับรองว่าเราตกเเน่ๆ เเต่ความรู้รอบตัวเรามั่นใจว่าเราสอบผ่านฉลุย
ไม่มีอะไรหรอก บ่นไปงั้นเเหละ ลูกสาวกำลังจะเรียนต่อในระดับมหาลัย เค้าเลือก พันธุศาสตร์ อดคิดไม่ได้ว่า จบมาเเล้วเอ็งจะไปทำงานอะไรหรา ไปเป็นลูกจ้างเค้าอีกละซิ?? ส่วนลูกหลานคนอื่นที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกันก็เลือกเเตกต่างกันไป บ้างเรียนเภสัช บ้างเรียนพยาบาล บ้างเรียนโภชนาการ บ้างเรียนเเพทย์ รุ่นพ่อรุ่นเเม่ของเด็กพวกนี้ทำการค้ากันทุกคน มาถึงรุ่นลูกไม่ยักกะมีใครอยากสานต่อ
บทสรุป ...อุตส่าห์คิดเอาไว้ตั้งเยอะเเยะว่าจะขยายงานยังไง เเต่ดูเหมือนจะไม่มีใครอยากสานต่อ คงต้องปล่อยไปตามความฝันใครความฝันมันซินะ .........ดีใจกับเค้าจริงๆนะ เเค่ใจหายในส่วนของตัวเองก็เท่านั้นเอง
ลูกจะไปตามความฝันของเขา ........เราก็ใจหาย
จิตใจทางด้านมืดก็กระซิบบอกว่า เรียนจบเเล้วยังไง ต้องไปทำงานเป็นลูกจ้างคนอื่นเหรอ?? พอคิดมาถึงตรงนี้เเล้วความคิดก็เริ่มเลวร้ายลงเรื่อยๆ คิดไปถึงว่า ...คนรอบๆตัวก็มีใบปริญญาทั้งนั้น ชีวิตหลายคนก็ไม่เห็นจะมีอะไรดี เช้าตอกบัตรเข้า เย็นตอกบัตรออก ทุกๆวันชีวิตจะเจอเเต่เรื่องเดิมๆ จะไปไหนทั้งทีก็ต้องวุ่นวายกับการลางาน ต้องอยู่ในกรอบตลอด
หันไปมองคนที่เค้าไม่ได้จบปริญญา คนเหล่านี้จะเเบ่งเป็นสองกลุ่ม กลุ่มเเรกคือพวกใช้เเรงงาน หาเช้ากินค่ำ ไม่ค่อยจะพอกิน เเละอีกกลุ่มก็คือกลุ่มเจ้าของธุรกิจทั้งหลาย ไม่ต้องไปดูไกลหรอก ตัวเราเองนี่เเหละ ไม่จบปริญญาทั้งสามีเเละเรา ทำงานตั้งเเต่อายุยังน้อยทั้งคู่ เเละก็ตั้งตัวได้ตั้งเเต่วัยกระเตาะ เอาเข้าจริงๆรายได้มากกว่าคนที่จบระดับด๊อกเตอร์ซะอีก ชีวิตไม่ได้เดือดร้อนอะไร อยากไปไหนอยากทำอะไรก็ได้ไม่ต้องไปขอใคร พอคิดมาถึงตรงนี้เเล้วก็เริ่มเปรียบเทียบ
จิตทางด้านดีบอกว่า เรียนเพื่อให้ฉลาด เรียนเพื่อให้รู้ จิตทางด้านมืดก็เถียงในทันที โลกนี้ไม่มีใครโง่หรอก เราเเค่รู้กันคนละเรื่อง ถ้าใครเอาข้อสอบอะไรมาให้เราทำ รับรองว่าเราตกเเน่ๆ เเต่ความรู้รอบตัวเรามั่นใจว่าเราสอบผ่านฉลุย
ไม่มีอะไรหรอก บ่นไปงั้นเเหละ ลูกสาวกำลังจะเรียนต่อในระดับมหาลัย เค้าเลือก พันธุศาสตร์ อดคิดไม่ได้ว่า จบมาเเล้วเอ็งจะไปทำงานอะไรหรา ไปเป็นลูกจ้างเค้าอีกละซิ?? ส่วนลูกหลานคนอื่นที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกันก็เลือกเเตกต่างกันไป บ้างเรียนเภสัช บ้างเรียนพยาบาล บ้างเรียนโภชนาการ บ้างเรียนเเพทย์ รุ่นพ่อรุ่นเเม่ของเด็กพวกนี้ทำการค้ากันทุกคน มาถึงรุ่นลูกไม่ยักกะมีใครอยากสานต่อ
บทสรุป ...อุตส่าห์คิดเอาไว้ตั้งเยอะเเยะว่าจะขยายงานยังไง เเต่ดูเหมือนจะไม่มีใครอยากสานต่อ คงต้องปล่อยไปตามความฝันใครความฝันมันซินะ .........ดีใจกับเค้าจริงๆนะ เเค่ใจหายในส่วนของตัวเองก็เท่านั้นเอง