จากการแถลงข่าวของ กลุ่มนักวิชาการในนามสมัชชาปกป้องประชาธิปไตย (สปป.)
http://prachatai.com/journal/2013/12/50326
มีใจความตอนหนึ่ง กล่าวว่าแนวคิดสภาประชาชนคือการยืนรูปแบบเผด็จการฟาสซิสของ มุสโลินีมาใช้
นี่เป็นคำแถลงบางส่วนนะคับ
สภาประชาชน ถอดโมเดลมุสโสลินี
ปิยบุตร แสงกนกกุล คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวถึงประเด็นที่มาและผลกระทบทางกฎหมายของการเกิดสภาประชาชน ว่า กปปส.อธิบายว่า เวลานี้รัฐสภารัฐบาลเป็นโมฆะเพราะไม่ยอมรับอำนาจศาล อำนาจกลับมาสู่ประชานตามมาตรา 3 เลยและจะใช้อำนาจตั้งสภาประชาชนขึ้นมาและให้มีนายกฯ พระราชทานด้วย นักวิชาการบางคนบอก “ขาเข้ามาตรา 3 แล้วขาออกคือมาตรา 7”
ที่อ้างมานั้นไม่พบเห็นว่า รัฐบาลหรือรัฐสภาไม่ยอมรับอำนาจศาลแต่อย่างใด เพียงแต่ไม่ยอมรับคำวินิจฉัยกรณีแก้รัฐธรรมนูญเรื่องที่มาส.ว.เพียงเรื่องเดียว และคำวินิจฉัยนี้ก็มีประเด็นปัญหาสำคัญคือ การรับคดีโดยปราศจากอำนาจอย่างสิ้นเชิง ขาดเหตุผลรองรับในเกือบทุกประเด็น ดังนั้น จะไปเอาเหตุนี้มากล่าวว่า รัฐบาลและรัฐสภาเป็นโมฆะยังไม่ได้ ต่อให้รัฐบาลป็นโมฆะจริง อำนาจจะกลับสู่ประชาชนตามมาตรา 3 (อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย) ได้อย่างไรก็ไม่ใช่แนวทางของ กปปส. เพราะปวงชนชาวไทยมีจำนวนมากและจะแสดงออกซึ่งการใช้อำนาจนั้นได้ย่างไร รัฐธรรมนูญจึงกำหนดให้ทำได้หลายวิธี คือ 1.การออกเสียงเลือกตั้ง 2.การออกเสียงประชามติ 3.ใช้อำนาจผ่านองค์กรของรัฐซึ่งมีจุดเชื่อมโยงกับประชาชน โดยมาตรา 3 กำหนดไว้ว่าพระมหากษัตริย์ใช้อำนาจนั้นผ่านรัฐสภา ครม.และศาล ฉะนั้น อำนาจอธิปไตยนี้ไม่ใช้จะใช้อย่างไรก็ได้ มีแค่ 3 วิธีเท่านั้น
กปปส.อธิบายว่า เวลานี้อำนาจเป็นของเขาแล้วจะใช้อำนาจเอง ระบบรัฐธรรมนูญปัจจุบัน ไม่มีที่ไหนบอกว่าใช้อำนาจโดยตรงตั้งสภาประชาชนขึ้นมาได้เลย
“เมื่อพิจารณารัฐธรรมนูญทั้งฉบับแล้ว เกิดได้ด้วยวิธีเดียวคือ แก้รัฐธรรมนูญเพื่อให้เกิดสภาประชาชน แล้วดีไซด์รูปแบบออกมา ไม่มีหหนทางอื่น หนทางอื่นก็คือ นอกระบบ คือ ฉีกรัฐธรรมนูญหรือรัฐประหาร ดังนั้น ที่กปปส.เสนอ เขาเกาะมาตรา 3 เพื่อบกว่ายังเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ แต่จริงๆ แล้วใช้วิธีการนอกรัฐธรรมนูญทั้งนั้น”
สภาประชาชนนั้นมีนักวิชาการยกตังอย่างหลายกรณี เช่น กรณีปี 1789 ประเทศฝรั่งเศส หลังฐานันดรที่ 3 รวมตัวกันให้สภานั้นเป็นสภาร่างรัฐธรรมนูญ, เยอรมันในสมัยไวมาร์เปลี่ยนระบบกษัตริย์เป็นสาธารณรัฐ, เหตุการณ์ยุโรปตะวันออก เช่น โปแลนด์ ที่เปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิปไตย แต่การเปรียบเทียบดังกล่าวผิดฝากผิดตัว ดังนี้ 1.ตัวอย่างที่ยกมาทั้งหมดโดยเฉพาะยุโรปตะวันออกเปลี่ยนผ่านจากระบบสังคมนิยมหรือคอมมิวนิสต์สู่ระบบรัฐเสรีประชาธิปไตย แต่ปัจจุบันที่อ้างกัน เราเป็นเสรีประชาธิปไตยอยู่แต่กำลังจะเปลี่ยนเป็นระบอบเป็นอะไรก็ไม่รู้ 2.วิธีการเปลี่ยนแปลงจากต่างประเทศเหล่านั้นคือการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงจากระบอบการเมืองหนึ่งเป็นอีกอันหนึ่ง
“แต่ของไทย กปปส.ยังไม่กล้าพูดชัดเจนว่า สิ่งที่ตัวเองทำอยู่คือการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง อันใหม่คืออะไร เขาก็ยังไม่พูดถึง แต่สิ่งที่ทำคือการเปลี่ยนแปลงระบอบ การเปลี่ยนแบบนี้โดยใช้วิธีการลุกขึ้นสู้ จุดตัดที่ถือว่าสมบูรณ์เรียบร้อยว่าระบอบใหม่เข้ามาแทนแล้ววัดกันตรงไหน ทุกวันนี้จุดตัดนั้นยังไม่เกิด แต่คุณสุเทพฯ พยายามอยู่”
อีกประเด็นหนึ่งคือ ที่มาของสภาประชาชน ทาง กปปส. ก็ยังไม่ตกผลึกว่าจะมาจากไหน มีใครบ้าง แต่มีจุดร่วมตรงกันว่าสภานี้ไม่มาจากเลือกตั้ง แต่แต่งตั้งจากหลายวิชาชีพ สภาแบบนี้เกิดขึ้นในสมัยอิตาลี คือ การขึ้นสู่อำนาจของมุสโสลินี มีคนประท้วง มีคนชุดดำยึดสถานที่ต่างๆ จนสุดท้ายกษัตริย์ยอมให้มุสโสลินีซึ่งเป็นเสียงข้างน้อยเป็นนายกฯ เมื่อมุสโสลินีเข้าสู่อำนาจก็กฎหมายหลายฉบับ ที่สำคัญ คือ เปลี่ยนสภาผู้แทนราษฎรเป็นสภาวิชาชีพแล้วเอาทั้งพวงนี้ไปทำประชามติว่าเอาหรือไม่เอา วิธีการแบบนี้เกิดขึ้นแล้วที่อิตาลี สำหรับจุดที่ยึดอำนาจได้เด็ดขาดคือ การเอาคณะกรรมการฟาสซิสต์ที่เป็นองค์กรนอกระบบ ตั้งมาเป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญ มีบทบาทเป็นคนเลือกผู้จะมาเป็นนายกฯ ประธานสภา ตลอดจนกษัตริย์องค์ต่อไป
“สิ่งที่กปปส. ทำลอกมาจากฟาสซิสม์ ไม่ใช่เสรีประชาธิปไตย”
เพื่อนๆมีความเหนว่าอย่างไรกันบ้างคับ ถ้าสภาประชาชน ของสุเทพ เกิดขึ้นมาจิงๆ เราจะกลายเปนฟาสซิสหรือไม่??
ชีวประวัติ ของเบนิโต มุโสลินี
http://chuta136.blogspot.com/2013/10/blog-post_7.html
สภาประชาชน มุโสลินี โมเดล???
http://prachatai.com/journal/2013/12/50326
มีใจความตอนหนึ่ง กล่าวว่าแนวคิดสภาประชาชนคือการยืนรูปแบบเผด็จการฟาสซิสของ มุสโลินีมาใช้
นี่เป็นคำแถลงบางส่วนนะคับ
สภาประชาชน ถอดโมเดลมุสโสลินี
ปิยบุตร แสงกนกกุล คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวถึงประเด็นที่มาและผลกระทบทางกฎหมายของการเกิดสภาประชาชน ว่า กปปส.อธิบายว่า เวลานี้รัฐสภารัฐบาลเป็นโมฆะเพราะไม่ยอมรับอำนาจศาล อำนาจกลับมาสู่ประชานตามมาตรา 3 เลยและจะใช้อำนาจตั้งสภาประชาชนขึ้นมาและให้มีนายกฯ พระราชทานด้วย นักวิชาการบางคนบอก “ขาเข้ามาตรา 3 แล้วขาออกคือมาตรา 7”
ที่อ้างมานั้นไม่พบเห็นว่า รัฐบาลหรือรัฐสภาไม่ยอมรับอำนาจศาลแต่อย่างใด เพียงแต่ไม่ยอมรับคำวินิจฉัยกรณีแก้รัฐธรรมนูญเรื่องที่มาส.ว.เพียงเรื่องเดียว และคำวินิจฉัยนี้ก็มีประเด็นปัญหาสำคัญคือ การรับคดีโดยปราศจากอำนาจอย่างสิ้นเชิง ขาดเหตุผลรองรับในเกือบทุกประเด็น ดังนั้น จะไปเอาเหตุนี้มากล่าวว่า รัฐบาลและรัฐสภาเป็นโมฆะยังไม่ได้ ต่อให้รัฐบาลป็นโมฆะจริง อำนาจจะกลับสู่ประชาชนตามมาตรา 3 (อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย) ได้อย่างไรก็ไม่ใช่แนวทางของ กปปส. เพราะปวงชนชาวไทยมีจำนวนมากและจะแสดงออกซึ่งการใช้อำนาจนั้นได้ย่างไร รัฐธรรมนูญจึงกำหนดให้ทำได้หลายวิธี คือ 1.การออกเสียงเลือกตั้ง 2.การออกเสียงประชามติ 3.ใช้อำนาจผ่านองค์กรของรัฐซึ่งมีจุดเชื่อมโยงกับประชาชน โดยมาตรา 3 กำหนดไว้ว่าพระมหากษัตริย์ใช้อำนาจนั้นผ่านรัฐสภา ครม.และศาล ฉะนั้น อำนาจอธิปไตยนี้ไม่ใช้จะใช้อย่างไรก็ได้ มีแค่ 3 วิธีเท่านั้น
กปปส.อธิบายว่า เวลานี้อำนาจเป็นของเขาแล้วจะใช้อำนาจเอง ระบบรัฐธรรมนูญปัจจุบัน ไม่มีที่ไหนบอกว่าใช้อำนาจโดยตรงตั้งสภาประชาชนขึ้นมาได้เลย
“เมื่อพิจารณารัฐธรรมนูญทั้งฉบับแล้ว เกิดได้ด้วยวิธีเดียวคือ แก้รัฐธรรมนูญเพื่อให้เกิดสภาประชาชน แล้วดีไซด์รูปแบบออกมา ไม่มีหหนทางอื่น หนทางอื่นก็คือ นอกระบบ คือ ฉีกรัฐธรรมนูญหรือรัฐประหาร ดังนั้น ที่กปปส.เสนอ เขาเกาะมาตรา 3 เพื่อบกว่ายังเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ แต่จริงๆ แล้วใช้วิธีการนอกรัฐธรรมนูญทั้งนั้น”
สภาประชาชนนั้นมีนักวิชาการยกตังอย่างหลายกรณี เช่น กรณีปี 1789 ประเทศฝรั่งเศส หลังฐานันดรที่ 3 รวมตัวกันให้สภานั้นเป็นสภาร่างรัฐธรรมนูญ, เยอรมันในสมัยไวมาร์เปลี่ยนระบบกษัตริย์เป็นสาธารณรัฐ, เหตุการณ์ยุโรปตะวันออก เช่น โปแลนด์ ที่เปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิปไตย แต่การเปรียบเทียบดังกล่าวผิดฝากผิดตัว ดังนี้ 1.ตัวอย่างที่ยกมาทั้งหมดโดยเฉพาะยุโรปตะวันออกเปลี่ยนผ่านจากระบบสังคมนิยมหรือคอมมิวนิสต์สู่ระบบรัฐเสรีประชาธิปไตย แต่ปัจจุบันที่อ้างกัน เราเป็นเสรีประชาธิปไตยอยู่แต่กำลังจะเปลี่ยนเป็นระบอบเป็นอะไรก็ไม่รู้ 2.วิธีการเปลี่ยนแปลงจากต่างประเทศเหล่านั้นคือการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงจากระบอบการเมืองหนึ่งเป็นอีกอันหนึ่ง
“แต่ของไทย กปปส.ยังไม่กล้าพูดชัดเจนว่า สิ่งที่ตัวเองทำอยู่คือการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง อันใหม่คืออะไร เขาก็ยังไม่พูดถึง แต่สิ่งที่ทำคือการเปลี่ยนแปลงระบอบ การเปลี่ยนแบบนี้โดยใช้วิธีการลุกขึ้นสู้ จุดตัดที่ถือว่าสมบูรณ์เรียบร้อยว่าระบอบใหม่เข้ามาแทนแล้ววัดกันตรงไหน ทุกวันนี้จุดตัดนั้นยังไม่เกิด แต่คุณสุเทพฯ พยายามอยู่”
อีกประเด็นหนึ่งคือ ที่มาของสภาประชาชน ทาง กปปส. ก็ยังไม่ตกผลึกว่าจะมาจากไหน มีใครบ้าง แต่มีจุดร่วมตรงกันว่าสภานี้ไม่มาจากเลือกตั้ง แต่แต่งตั้งจากหลายวิชาชีพ สภาแบบนี้เกิดขึ้นในสมัยอิตาลี คือ การขึ้นสู่อำนาจของมุสโสลินี มีคนประท้วง มีคนชุดดำยึดสถานที่ต่างๆ จนสุดท้ายกษัตริย์ยอมให้มุสโสลินีซึ่งเป็นเสียงข้างน้อยเป็นนายกฯ เมื่อมุสโสลินีเข้าสู่อำนาจก็กฎหมายหลายฉบับ ที่สำคัญ คือ เปลี่ยนสภาผู้แทนราษฎรเป็นสภาวิชาชีพแล้วเอาทั้งพวงนี้ไปทำประชามติว่าเอาหรือไม่เอา วิธีการแบบนี้เกิดขึ้นแล้วที่อิตาลี สำหรับจุดที่ยึดอำนาจได้เด็ดขาดคือ การเอาคณะกรรมการฟาสซิสต์ที่เป็นองค์กรนอกระบบ ตั้งมาเป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญ มีบทบาทเป็นคนเลือกผู้จะมาเป็นนายกฯ ประธานสภา ตลอดจนกษัตริย์องค์ต่อไป
“สิ่งที่กปปส. ทำลอกมาจากฟาสซิสม์ ไม่ใช่เสรีประชาธิปไตย”
เพื่อนๆมีความเหนว่าอย่างไรกันบ้างคับ ถ้าสภาประชาชน ของสุเทพ เกิดขึ้นมาจิงๆ เราจะกลายเปนฟาสซิสหรือไม่??
ชีวประวัติ ของเบนิโต มุโสลินี
http://chuta136.blogspot.com/2013/10/blog-post_7.html