ความเกลียดชังสามารถทำให้คนมีเหตุผลเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้เลยเหรอครับ

กระทู้คำถาม
ผมไม่ขอ tag เรื่องการเมืองนะครับเพราะประเด็นหลักผมไม่ได้อยู่ที่การเมืองครับ แต่เป็นเรื่องสภาวะจิตใจของมนุษย์มากกว่าครับ

ผมได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนทรรศนะกับรุ่นพี่คนหนึ่งเรื่องการเมือง ซึ่งเขามองว่าทักษิณนั้นเป็นต้นเหตุของความวุ่นวายทั้งหมด ซี่งผมก็ได้โต้แย้งไปว่าเราจะโทษเขาคนเดียวไม่ได้หรอก ซึ่งพอคุยกันไปคุยกันมา บทสนทนามาลงเอยแบบในรูปนี้เลยครับ



และตอนท้ายบทหลังจากนั้นก็คุยกันไปต่ออีกสักพักนึงแล้วก็มาจบที่ตรงนี้ครับ



จริงๆผมอยากพิมพ์ไปต่อว่าถ้าแน่จริงก็ลงมือเลยสิครับ อย่าเก่งแต่ในคีย์บอร์ด แต่กลัวว่าบทสนทนามันจะรุนแรงไปเลยระงับไว้ก่อนครับ คือคิดต่างทางการเมืองผมก็เคยเจอนะครับ แต่ผมมองว่าความคิดอย่างนี้ค่อนข้างน่ากลัวทีเดียวครับ ปกติรุ่นพี่ของผมคนนี้ค่อนข้างเป็นคนมีเหตุผลทีเดียวครับ หน้าที่การงานก็ดี แต่เจออย่างนี้ผมกลัวที่จะผิดใจกับเขาจริงๆครับ

เพิ่มเติมนะครับ ขอย้ำนะครับว่าที่ผมเอามาลงนี่ไม่ได้เพราะว่าไม่พอใจที่เขาคิดไม่เหมือนผมนะครับ แต่เหมือนความคิดของเขามีแต่คำว่า ฆ่า ฆ่า แล้วก็ฆ่า อยู่ในหัวตลอดเวลา นี่คือสิ่งที่ผมกังวลครับ เพราะเขาไม่เหมือนรุ่นพี่คนเดิมที่ผมเคยรู้จักเลยครับ ไม่น่าเชื่อว่าคนที่ใจดีจะเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้อ่ะครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 7
เคยทดลองคุยแล้วค่ะ

คนที่เราคุยด้วย ประวัติธรรมะธรรมโมทั้งนั้น คือ ชอบทำบุญ ไปทำสมาธิ เชื่อเรื่องบาปบุญคุณโทษ ยิ่งกว่าเรา

ถ้าชวนคุยเรื่องนี้ แบบตรรกะ
ถ้า...แล้ว...  หรือ
เชื่อได้จริงหรือ รู้มาจากไหน โดยไม่เน้นถูกหรือผิด
ถามแต่เรื่องข้อเท็จจริง

จากประสบการณ์ที่เคยทดลอง บอกได้เลย อาการจะคล้ายๆ กัน ถามไปได้ไม่เท่าไหร่ จะหลุดด่า เคียดแค้น อยากจะ ...
อีกแบบหนึ่ง จะไม่แสดงออกมากนัก แต่จะพยายามคุยตะล่อมถาม หรือพยายามโบ้ยเรา ว่าเราเป็นอีกฝั่งใช่หรือเปล่า

เราก็งงเหมือนกัน ว่าเกิดขึ้นได้ยังไง

ต่อไปนี้ เป็นข้อคิดวิเคราะห์เอาเองว่า ...

น่าจะเกิดจากการเสพย์สื่อย้ำๆๆ ไปเรื่อยๆ
โดยใช้คำพูดยั่วยุรุนแรง ประเภท ชั่วช้าสามานย์ สมควรถูก... (คำพูดละครจักร์ๆ วงศ์ๆ หรือแบบหนังจีน) อะไรประมาณนี้
แน่นอนต้อง หลักจิตวิทยามวลชน สูง เพราะชักจูงกลุ่มมีการศึกษา (ซึ่งจะคิดเสมอว่าตัวเองคิดเป็นไม่ถูกหลอกง่ายๆ หรอก)

สังเกตจากตัวเราเอง ก็ไม่ได้ทำอะไรไม่ดีผิดไปจากศีลธรรม ไม่เคยไปทำผิดอะไรกับเค้า แค่ไม่คิดตามเค้า
หลังๆ มีปฏิกิริยาห่างเหิน ลดการพูดคุยลง
หนึ่งในสาเหตุ น่าจะมาจาก บนเวทีบอกว่า คนอย่างพวกเค้าเป็นคนดี รักชาติ บลาๆๆ ส่วน ไทยเฉย ไม่ใช่พวกเค้า (คนดี) ไม่มีสมอง บลาๆๆ

จู่ๆ คุณก็กลายเป็นคนไม่ (เข้าพวก) ดี ซะงั้น

เราไม่ได้สนใจอะไรขนาดเกาะติดแล้ว แต่สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลง และความเป็นไป เรื่อยมา

อนึ่ง กระแสการแชร์ผ่านสื่อ โดยเฉพาะ FB ทำให้ปฏิกิริยาพวกนี้ไปไวและแพร่กระจายวงกว้างมาก
คนที่ทำขนาดนี้ได้ น่าจะเชี่ยวชาญ Social Marketing ด้วยรึเปล่านะ

ที่ว่าไป เป็นข้อสังเกตส่วนตัวเฉยๆ ไม่ได้มีหลักวิชาการอะไรน่ะค่ะ
ความคิดเห็นที่ 10
เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เกิดกับคนไทยเท่านั้น มันเคยเกิดแล้วกับประเทศด้อยพัฒนาอื่นๆหลายแห่ง อย่างในรวันดา และในเขมรสมัยแบ่งเป็น3ฝ่าย
มีการโหมกระแสความเกลียดชังต่อกันระหว่างเผ่า ระหว่างคนที่คิดเห็นต่างกัน  ในไทยเราเริ่มโหมความเกลียดทักษิณตั้งแต่ก่อนทำรัฐประหารปี49
เป็นการโปรประกันดาดีๆนี่เอง ตอนนั้นจะเห็นขบวนการโหมกระแสไส่ร้ายทุกอย่างผ่านสื่อผ่านคนวงการต่างๆอย่างต่อเนื่อง จนคนส่วนใหญ่คล้อยตามเชื่อตาม พอสั่งให้ทำรปห.ยึดอำนาจก็เป็นเรื่องง่ายดาย ขนาดมีคนเอาดอกไม้ไปให้ทหาร นึกว่ากำจัดได้แล้วจบสิ้น

แต่เรื่องไม่จบเพราะทักษิณกลับไม่แพ้ทางการเมืองกลับมาชนะเลือกตั้งได้อย่างคาดไม่ถึง แถมยังมีคนในตระกูลขึ้นมาอีก ทีนี้เลยมีการโหมกระแสความเกลียดชังทั้งตระกูลกันในวงกว้าง และมันเหมือนไฟไหม้ฟาง เพราะคนไทยถูกสอนมาแต่เกิดแล้วว่า ให้เชื่อโดยไม่ต้องสงสัย
แต่ในช่วง3-4ปีนี้ มีคนไทยไม่น้อยเริ่มคิดแบบมีเหตุผลเมื่อเห็นอะไรแปลกๆไม่สมเหตุผล วิเคราะห์เห็นความจริง ถึงบางอ้อว่าอะไรคืออะไร และมันขยายวงออกไปจนเกิดอาการที่เรียกว่า-ตาสว่างกันทั้งประเทศ
คนที่เข้าใจก็รู้ว่าทักษิณเป็นอย่างไร  ส่วนคนอีกกลุ่มก็ยังเชื่อแบบเดิมไม่ต้องมาคุยกันอีก ยังไงก็เกลียดมัน
เมื่อไรที่ถึงจุดแตกหักมีการปะทะกันหากเกิดสงครามกลางเมือง คนกลุ่มที่ถูกปลูกฝังความเกลียดนี้จะไม่รั้งรอที่จะบุกไปฆ่าฝ่ายตรงข้าม (มันเคยเกิดแล้วเมื่อ 6ตุลา ปี2519 ที่มีกลุ่มคนรุมฆ่าคนที่คิดต่างกันได้อย่างเลือดเย็น) ครั้งนี้ก็แบบเดียวกันและมันจะเกิดเป็นวงกว้างกว่า ถ้าป้องกันไม่ดีมีหวังตายกันเป็นแสนๆ  
มีใครอยากเห็นไม๊ล่ะ ถ้าเพื่อนต้องฆ่าเพื่อน พี่น้องญาติที่เห็นต่างกันต้องฆ่ากัน   ผมบอกได้ว่า มีบางคนอยากให้เป็นแบบนั้นจริงๆ แต่พวกเขาไม่ได้ยืนบนพื้นดินแบบเราๆ เขาเป็นพวกเทวดา
ความคิดเห็นที่ 31
ผมขอตอบเฉพาะคำถามจขกท.

ความเกลียดชังสามารถทำให้คนมีเหตุผลเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้เลยเหรอครับ?

ผมตอบว่าใช่


และผมจะโพสด้วยตรรกะเดียวกันแบบรุ่นพี่ของจขกท.

"ผมอยากให้สุเทพตาย  กะอีแค่เอาพลแม่นปืนสังหารด้วยสไนเปอร์  แค่นี้ไอ้ม๊อบนกหวีดก็เปลี่ยนเป็นม๊อบกรีดร้องแทนแล้ว"

ผมก็จะโดนคนหลายคนถีบส่งให้ไปอยู่อีกฝั่งอัตโนมัติ  ทั้งๆที่คนพวกนี้ไม่รู้สักนิดว่าหัวผมคิดอะไรอยู่  ผมเกลียดทักษิณหรือยิ่งลักษณ์หรือไม่
ไม่ใช่คำถามอีกต่อไป

คำตอบของคำถามคือ ผมไม่ได้ชอบเพื่อไทย หรือประชาธิปัตย์  
ผมแค่รำคาญการออกมาเรียกร้องไร้สาระ และไม่ได้ตั้งอยู่ในระบอบอะไรซักระบอบเดียว

พอผมพูดแบบนี้.. ผมก็จะโดนตราหน้าว่า "ยิ้มมันไม่น่าเกิดเป็นคนไทย"..  

นั่นแหละครับ ความเกลียดชัง อคติ สั่งสมหมักหมมในสันด_านคนไทย และมองไม่เห็นเลยว่าจะแก้ไขได้อย่างไร
แม้ว่าฆ่าล้างโคตรตระกูลชินวัตรไปแล้ว  ฆ่าล้างโคตรตระกูลเทือกสุบรรณไปแล้ว มันก็จะต้องมีฆ่าล้างโคตรกันไปเรื่อยๆไม่จบไม่สิ้น
ความคิดเห็นที่ 11
กระทู้แบบนี้น่าตอบ เรื่องการเมืองไทยนี่ใช้ตรรกะคุยกันไม่ได้เลย ข้อมูลข่าวโคมลอย เรื่องดราม่ายังกะละครแนวEpic นี่ชอบกันจัง
ส่งผ่านข้อมูลแบบไม่มีที่มาที่ไปกันไวปานจรวด จากโคมลอย กลายเป็นมีมูล จนบางคนยอมรับจนกลายเป็นFact

ผมคงได้แต่คิดว่าถ้าประเทศไทยมีหลักสูตรคิดอย่างมีวิจารณญาณให้พวกรุ่นพ่อแม่เรียนเมื่อ30-40ปีที่แล้ว บ้านเมืองเราคงไม่เหลวกันขนาดนี้
ส่วนความเกลียดชังที่เจ้าของกระทู้บอกนั้น วิธีพิสูจน์ก็ถามเรื่อยๆ พวกนี้พอไปถึงจุดๆหนึ่งก็จะขัดแย้งในตัวเอง

                  ใคร? ทำอะไร? ที่ไหน? เมื่อไหร่? อย่างไร? ทำไปทำไม? แค่นี้ก็ตอบไม่ครบทุกข้อแล้ว

ผมยังยกความเลวของนาย ก.แล้วมีหลักฐานรองรับ ได้มากกว่า คนที่อ้างว่าเกลียดนาย ก.หลายคนซะด้วยซ้ำไป

บางข้อมูลมันเป็นข้อมูลที่ใครก็ไม่รู้ฟังมาอีกทีของใครก็ไม่รู้ที่ฟังมาอีกทีแล้ว เราจะไปเชื่อทำไม
อะไรที่ยังไม่จริงสรุปไม่ได้ก็ไม่ต้องไปสรุป คนไทยชอบเรื่องดราม่า อะไรดราม่าหน่อย ก็เล่าต่อๆๆๆๆๆ แล้วก็เข้ากระบวนการโคมลอยกลายเป็นFact
                  
ไม่งั้น70ปีที่แล้วไอบ้าที่ไหนไม่รู้ตะโกนในโรงหนังเพียงแค่ "ห้าพยางค์" แค่นั้นจริงๆ ก็อยู่ประเทศนี้ไม่ได้แล้ว

แล้วถ้าจะเป็นไทยเฉยที่นั่งอยู่บ้านเพราะไม่แน่ใจในที่มาของข้อมูล ศัพท์Technical Termบางอันก็ยากเกินจะเข้าใจ นักวิชาการคนนึงบอกอย่าง อีกคนบอกอย่าง จะเปิดดิกค์ก็ไม่มี ไม่แน่ใจเลยนั่งอยู่บ้านนี่มันผิดตรงไหน พอและขี้เกียจพิมพ์
ความคิดเห็นที่ 39
ผลจากการใช้ propaganda จนเกินขอบเขตครับ สมมุติว่า มีคนปลูกฝังมาว่าเป็นมีคนกลุ่มหนึ่งเป็น คนดีมีความชอบธรรมตลอดเวลา

แต่เมือมีอีกกลุ่มมามีอำนาจเทียบเคียง เหมือนฝ่ายดั้งเดิมเป็นตัวแทนความดี อีกฝ่ายจะเป็นอะไรได้นอกจากความชั่ว

แถมและด้วยความเชื่อของพุทธแบบผิด ๆ อีกด้วยว่า ธรรมมะย่อมชนะอธรรม (อันนี้จริง 2 ฝ่ายอยู่ร่วมกันได้ ยกตัวอย่างเช่น วสวัตตีที่ขัดขวางไม่ให้พระพุทธองค์ตรัสรู้นั้น เป็นเทพผู้ครองสวรรค์ชั้นสูงสุดเป็นต้น)

ซึ่งในมุมมองคนศึกษาประวัติศาสตร์แล้วไม่ใช่เรื่องใหม่อะไรเลย ในโลกใบนี้เกิดขึ้นมาหลายครั้ง แล้วเรื่องที่ว่ากลุ่มทุนใหม่มาแทนกลุ่มทุนเก่า

จะให้ความเห็นแนวนี้หมดไปเราต้องสลาย propaganda ก่อนให้เลิกเห็นเป็น "ความดี" "ความชั่ว" ให้มองว่าเป็นคนเหมือน ๆ กัน ก่อนแล้วใช้มาตรฐานเหมือน ๆ กัน ในการตัดสินมันก็จะค่อย ๆ สลายไป

แต่เชื่อเถอะครับ "กลุ่มคนดี" ไม่มีทางยอมเพราะว่า
" If you could make God bleed, people would cease to believe in him, there will be blood in the water, the sharks will come. All I have to do is sit back and watch as the world consumes you." Ivan Vanko :iron man 2

ความดีต้องไม่ด่างพร้อย เพราะถ้า มีจุดด่างพร้อย ความชอบธรรมในคนดีจะหมดสิ้นไป และจากนั้นก็..........

มองการเมืองอย่าง มนุษย์ ต่อ มนุษย์ คุณจะเห็นมุมมองที่แน่นอนกว่า มองด้วยความดี ศีลธรรม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่