ช่วงนี้อากาศหนาว จะทำอะไร จะคิดอะไรก็โรแมนติกไปซะหมด ผมเลยใช้โอกาสช่วงนี้นั่งเขียนนิยายซะเลย จริงๆ มันก็ไม่ใช่นิยายที่แต่งขึ้นมาจากการมโนหรอกนะครับ แต่เป็นการเอาประสบการณ์ในชีวิตจริงของผมที่ผ่านมาในช่วงนั้นที ช่วงนี้บ้างอย่างละเล็กละน้อย มาเรียงร้อยเป็นเรื่องราวเดียวกัน แต่ตอนนี้ยังเขียนไปได้ไม่มาก ยังไงฝากด้วยนะครับ
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
นี่เป็นครั้งแรกที่ผมมาห้องเขา พูดแล้วก็อดคิดไม่ได้ ถ้าหากเราเป็นแฟนกัน การมาห้องสองคนตามลำพังแบบนี้คงหนีไม่พ้นการเล่นจ้ำจี้มะเขือเปาะแปะแน่ๆ เลย แต่เอ ผมคิดเลยเถิดไปไกลถึงเรื่องนี้ได้ยังไงกันนะ ทั้งๆ ที่ผมเกลียดขี้หน้าหมอนี่จะตาย อ๋อรู้ละ สงสัยคงเป็นเรื่องที่โดนเพื่อนที่มหาลัยล้อว่าเราทั้งคู่เป็นแฟนกันแน่ๆ เลย บอกตรงๆ ว่าผมล่ะรำคาญสุดๆ
“ถึงแล้ววววชั้น 12 เอ๊ะ ไม่ใช่สิ ชั้นรักเธอต่างหาก” นายณัฐเล่นมุขชวนอ้วก ก่อนหันหน้ามาหาผมที่ยืนเซ็งกะตายอยู่ในลิฟท์ พร้อมๆ กับใช้มือดันประตูลิฟท์ทั้งสองข้างขวางทางออกผมอยู่
“เฮ้ยณัฐ! เราว่านายน่าจะหยุดเล่นแบบนี้ได้แล้วนะ นายไม่เห็นหรอว่าเพื่อนที่มอเขาเข้าใจผิดกันไปหมดแล้ว” ผมชักสีหน้าแสดงความไม่พอใจ ก่อนผลักเขาออกจากประตูลิฟท์ แล้วเดินดิ่งๆ ออกไป “ห้องไหนไม่ทราบ เอาไฟล์งานเสร็จแล้ว เราจะได้รีบกลับ”
นายณัฐเป็นคนประเภทนี้แหละครับ เขาชอบแกล้งคนนั้นคนนี้ไปทั่ว โดยเฉพาะผม นิสัยเขาไม่เคยเปลี่ยนเลยตั้งแต่ประถม ครั้งหนึ่งผมเคยถูกครูตีจนร้องไห้ เขาก็มาแลบลิ้นปลิ้นตาใส่ผม แล้วเรียกผมว่าไอ้ขี้แง จริงๆ แล้วผมไม่ได้ขี้แงนะครับ แต่ที่ร้องไห้ก็เพราะคับแค้นใจที่ถูกครูลงโทษทั้งๆ ที่ผมไม่ใช่คนผิดต่างหาก นายณัฐนี่แหละตัวดี จริงๆ เขาเป็นคนทำแจกันในห้องเรียนตกแตก แล้วโบ้ยความผิดมาให้ผม ส่วนครูประจำชั้นเองก็เหลือทน ฟังความจากนายณัฐแค่ข้างเดียว แต่ผมไม่แปลกใจหรอกนะ ก็พ่อนายณัฐเขาเป็นถึงนักการเมืองใหญ่ แถมยังเป็นผู้บริจาคเงินอุปถัมภ์ให้กับโรงเรียนรายใหญ่ที่สุดอีก ไม่ว่านายณัฐจะทำอะไรก็ย่อมถูกไปหมดทุกอย่างอยู่แล้ว
“โอ๋ๆ ที่รัก ทำเป็นงอนเป็นผู้หญิงไปได้” นายณัฐยังไม่เลิกเล่น เขาทำเสียงอออดอ้อนใส่ผม แถมยังทำหน้าตาทะลึ่งทะเล้นชวนให้นึกถึงเด็กชายณัฐจอมแกล้งชาวบ้านสมัยประถมอีกต่างหาก “สองห้องถัดไป ด้านซ้ายมือ เดี๋ยวจะไปเปิดประตูให้เดี๋ยวนี้ล่ะ รอแป๊บนะจ๊ะคนดี”
ฮึ่ม! ผมล่ะอยากจะฆ่านายณัฐเสียจริงๆ ไม่รู้ว่าเวรกรรมอะไรที่ทำให้ผมต้องเจอหมอนี่ตั้งแต่ประถม มัธยม ยันมหาวิทยาลัย แล้วเทอมนี้ยังดวงซวยจับฉลากได้ทำงานคู่กันอีก นายณัฐเลยได้ทีแกล้งผมไม่เว้นวัน วันก่อนโน้นที่มหาลัยก็เหมือนกัน เขาตะโกนเรียกผม “เม่นๆ” แต่ด้วยความรำคาญ ผมเลยแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินแล้วเดินหนีไป นายณัฐเลยตะโกนเรียกผมว่า “เม่นที่ร้ากกกก” ซะดังลั่นตึกคณะ จนคนอื่นหันมามอง แล้วหัวเราะซุบซิบกันยกใหญ่ ผมได้ยินนักศึกษาผู้หญิงกลุ่มข้างๆ พูดกันทำนองว่า “คู่เกย์สมัยนี้เขาเปิดเผยกันเนอะ มีงอน มีง้อกันด้วย น่ารักดี” เฮ้อ เข้าใจผิดกันไปใหญ่ละ จริงๆ มันใช่ซะที่ไหนกันล่ะ ผมโดนแกล้งต่างหาก
“เชิญเข้าห้องได้แล้วครับ ที่รัก” นายณัฐทำเสียงทุ้มหวาน พร้อมกับหน้าตาระริกระรี้มีความสุข หลังจากสารเอ็นโดฟินหลั่งออกมาเต็มที่เมื่อเห็นผมหัวเสียกับการถูกแกล้ง ก่อนโค้งคำนับ แล้วผายมือเชิญผมเข้าไปในห้อง เหมือนกับพนักงานต้อนรับเชิญแขกวีไอพีเข้าไปในโรงแรมอย่างไงอย่างงั้น แต่ทว่าสิ่งที่ผมเห็นอยู่ตรงหน้ามันช่างแตกต่าง และตรงข้ามกับการเป็นแขกวีไอพีของโรงแรมหรูๆ โดยสิ้นเชิง “โอโฮ ณัฐ! นี่นายอยู่เข้าไปได้ยังไง ห้องรกอย่างกับรังหนู นายเคยเก็บกวาดห้องบ้างไหมเนี่ย แล้วชุดนักศึกษานั่นซักปีละกี่ครั้ง แล้วนี่อะไรกัน หยีๆ กางเกงใน” ผมหลุดปากบ่นนายณัฐอย่างลืมตัว
To be continued
สะสมประสบการณ์หวานๆ ของตัวเอง เอามาผสมปนเปเขียนนิยาย Can I call it "LOVE"? อยากให้ครั้งนี้เรียกว่ารัก
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
นี่เป็นครั้งแรกที่ผมมาห้องเขา พูดแล้วก็อดคิดไม่ได้ ถ้าหากเราเป็นแฟนกัน การมาห้องสองคนตามลำพังแบบนี้คงหนีไม่พ้นการเล่นจ้ำจี้มะเขือเปาะแปะแน่ๆ เลย แต่เอ ผมคิดเลยเถิดไปไกลถึงเรื่องนี้ได้ยังไงกันนะ ทั้งๆ ที่ผมเกลียดขี้หน้าหมอนี่จะตาย อ๋อรู้ละ สงสัยคงเป็นเรื่องที่โดนเพื่อนที่มหาลัยล้อว่าเราทั้งคู่เป็นแฟนกันแน่ๆ เลย บอกตรงๆ ว่าผมล่ะรำคาญสุดๆ
“ถึงแล้ววววชั้น 12 เอ๊ะ ไม่ใช่สิ ชั้นรักเธอต่างหาก” นายณัฐเล่นมุขชวนอ้วก ก่อนหันหน้ามาหาผมที่ยืนเซ็งกะตายอยู่ในลิฟท์ พร้อมๆ กับใช้มือดันประตูลิฟท์ทั้งสองข้างขวางทางออกผมอยู่
“เฮ้ยณัฐ! เราว่านายน่าจะหยุดเล่นแบบนี้ได้แล้วนะ นายไม่เห็นหรอว่าเพื่อนที่มอเขาเข้าใจผิดกันไปหมดแล้ว” ผมชักสีหน้าแสดงความไม่พอใจ ก่อนผลักเขาออกจากประตูลิฟท์ แล้วเดินดิ่งๆ ออกไป “ห้องไหนไม่ทราบ เอาไฟล์งานเสร็จแล้ว เราจะได้รีบกลับ”
นายณัฐเป็นคนประเภทนี้แหละครับ เขาชอบแกล้งคนนั้นคนนี้ไปทั่ว โดยเฉพาะผม นิสัยเขาไม่เคยเปลี่ยนเลยตั้งแต่ประถม ครั้งหนึ่งผมเคยถูกครูตีจนร้องไห้ เขาก็มาแลบลิ้นปลิ้นตาใส่ผม แล้วเรียกผมว่าไอ้ขี้แง จริงๆ แล้วผมไม่ได้ขี้แงนะครับ แต่ที่ร้องไห้ก็เพราะคับแค้นใจที่ถูกครูลงโทษทั้งๆ ที่ผมไม่ใช่คนผิดต่างหาก นายณัฐนี่แหละตัวดี จริงๆ เขาเป็นคนทำแจกันในห้องเรียนตกแตก แล้วโบ้ยความผิดมาให้ผม ส่วนครูประจำชั้นเองก็เหลือทน ฟังความจากนายณัฐแค่ข้างเดียว แต่ผมไม่แปลกใจหรอกนะ ก็พ่อนายณัฐเขาเป็นถึงนักการเมืองใหญ่ แถมยังเป็นผู้บริจาคเงินอุปถัมภ์ให้กับโรงเรียนรายใหญ่ที่สุดอีก ไม่ว่านายณัฐจะทำอะไรก็ย่อมถูกไปหมดทุกอย่างอยู่แล้ว
“โอ๋ๆ ที่รัก ทำเป็นงอนเป็นผู้หญิงไปได้” นายณัฐยังไม่เลิกเล่น เขาทำเสียงอออดอ้อนใส่ผม แถมยังทำหน้าตาทะลึ่งทะเล้นชวนให้นึกถึงเด็กชายณัฐจอมแกล้งชาวบ้านสมัยประถมอีกต่างหาก “สองห้องถัดไป ด้านซ้ายมือ เดี๋ยวจะไปเปิดประตูให้เดี๋ยวนี้ล่ะ รอแป๊บนะจ๊ะคนดี”
ฮึ่ม! ผมล่ะอยากจะฆ่านายณัฐเสียจริงๆ ไม่รู้ว่าเวรกรรมอะไรที่ทำให้ผมต้องเจอหมอนี่ตั้งแต่ประถม มัธยม ยันมหาวิทยาลัย แล้วเทอมนี้ยังดวงซวยจับฉลากได้ทำงานคู่กันอีก นายณัฐเลยได้ทีแกล้งผมไม่เว้นวัน วันก่อนโน้นที่มหาลัยก็เหมือนกัน เขาตะโกนเรียกผม “เม่นๆ” แต่ด้วยความรำคาญ ผมเลยแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินแล้วเดินหนีไป นายณัฐเลยตะโกนเรียกผมว่า “เม่นที่ร้ากกกก” ซะดังลั่นตึกคณะ จนคนอื่นหันมามอง แล้วหัวเราะซุบซิบกันยกใหญ่ ผมได้ยินนักศึกษาผู้หญิงกลุ่มข้างๆ พูดกันทำนองว่า “คู่เกย์สมัยนี้เขาเปิดเผยกันเนอะ มีงอน มีง้อกันด้วย น่ารักดี” เฮ้อ เข้าใจผิดกันไปใหญ่ละ จริงๆ มันใช่ซะที่ไหนกันล่ะ ผมโดนแกล้งต่างหาก
“เชิญเข้าห้องได้แล้วครับ ที่รัก” นายณัฐทำเสียงทุ้มหวาน พร้อมกับหน้าตาระริกระรี้มีความสุข หลังจากสารเอ็นโดฟินหลั่งออกมาเต็มที่เมื่อเห็นผมหัวเสียกับการถูกแกล้ง ก่อนโค้งคำนับ แล้วผายมือเชิญผมเข้าไปในห้อง เหมือนกับพนักงานต้อนรับเชิญแขกวีไอพีเข้าไปในโรงแรมอย่างไงอย่างงั้น แต่ทว่าสิ่งที่ผมเห็นอยู่ตรงหน้ามันช่างแตกต่าง และตรงข้ามกับการเป็นแขกวีไอพีของโรงแรมหรูๆ โดยสิ้นเชิง “โอโฮ ณัฐ! นี่นายอยู่เข้าไปได้ยังไง ห้องรกอย่างกับรังหนู นายเคยเก็บกวาดห้องบ้างไหมเนี่ย แล้วชุดนักศึกษานั่นซักปีละกี่ครั้ง แล้วนี่อะไรกัน หยีๆ กางเกงใน” ผมหลุดปากบ่นนายณัฐอย่างลืมตัว
To be continued