อยากบ่นระบายนะครับ
ผมกับแฟน รักกันมานานจนเราจะแต่งงานกันอยู่แล้ว
แม้จะมีอุปสรรค หลายอย่าง เช่น
ครอบครัวผมเป็นคนจีน เธอเป็นคนไทย
พ่อผมไม่เห็นด้วย ถึงไม่ห้าม แต่ก็ไม่สนับสนุน
แฟนผม เธอ อายุเข้าเลข 30 ทำให้เธอกังวลกับการแต่งงานมาก
ซึ่งผมก็เข้าใจ แต่ปัญหาใหญ่สุดเรื่องงานแต่งงานของเรา
ก็ไม่แคล้วเรื่อง..."เงิน"
ซึ่งตรงนี้ความต่างวัฒนธรรมของบ้านผม กับบ้านเธอ เริ่มชัด
สำหรับผม การที่ยังเก็บเงินไม่ได้
(ผมเองก็พึ่งย้ายงาน และเตรียมซื้อบ้านเรือนหอ)
ทำให้ดูอย่างไรก็ไม่น่าพร้อม ประกอบกับเงินสินสอดที่บ้านเจ้าสาวเรียก
ผมปรึกษาเธอเรื่องขอเลื่อนวันแต่งงาน เพราะดูอย่างไรก็ไม่พร้อม
ตรงนี้ทำให้ทางคุณแม่ของเธอเริ่มไม่พอใจ ส่วนเธอเอง...น้อยใจ
ใช่ครับ
เธอเองก็เป็นคนทำงานมีเหตุผล
แต่การที่เราจะใช้ชีวิตร่วมกัน โดยเธอส่งเงินกลับบ้านโดยไม่เหลือเก็บเลย
ขณะที่ภาระการเตรียมบ้านเรือนหอ ผมต้องจัดการทั้งหมด
ไหนจะค่าใช้จ่ายสารพัดที่จะตามมา ผมนั่งประมาณการค่าใช้จ่ายคุยกับเธอ
แต่เธอกลับมองเรื่องค่าใช้จ่ายดังกล่าว เป็นเรื่องง่ายๆ ขณะที่ผมเครียดแทบบ้า
เธอขอให้ผม ไปกู้หนี้ยืมสิน ไปขอหยิบยืมเงิน ญาติๆ
คุณพ่อผมก็ประกาศตัวไปแล้วว่า "ไม่ช่วย" ผมเข้าใจท่านดี
ก่อนจะดูฤกษ์แต่งงาน เธอเคยบอกผมว่า
เรารักกัน
ถึงจะกัดก้อนเกลือกิน แต่อยู่ด้วยกันเราก็มีความสุข
ภายหลังเธอย้ายงานไปต่างจังหวัด เงินเดือนสูงขึ้นเท่าตัวมากกว่าผม
แต่เมือเราจะแต่งงานกัน..."เงิน"...ก็เป็นประเด็นจนได้
ใกล้วันแต่งงาน
เธอขอยืมเงินผม เพื่อไปเข้าคอร์สหน้าใส
OK ผู้หญิงรักสวยรักงาม ผมเข้าใจ
เพื่อจัดการเรื่องบ้านเรือนหอ
เธอบอกจะส่งเงินมาช่วยกัน แต่พอสิ้นเดือน เธอส่งเงินไปให้ที่บ้านทำห้องครัวใหม่
พอเรื่องดาวน์บ้านไม่พอ กลายเป็นเธอโกรธผมซะงั้น
ยิ่งใกล้วันแต่งงาน เธอไปซื้อแพคเกจถ่ายภาพแต่งงาน
ทีแรกเธอบอกจะออกค่าใช้จ่ายเอง แต่สุดท้ายมายืมเงินผม
เงินเดือนเธอมากว่าผมมาก แต่กลายเป็นเธอนำไปใช้จ่ายอื่นหมดแล้ว
ที่รับปากจะจ่าย คือจะยืมเงินพี่ชายมาจ่าย
ผมเริ่มตระหนักว่า เธอไม่เคยคิดเรื่อง การออมเงิน เลย
ซึ่งมันทำให้เป็นภาระกับผมมาก
แน่นอน ผมรักเธอ...เธอเป็นคนดี
แต่การไร้ระเบียบวินัยทางการเงิน โดยไม่ยอมโตของเธอ
มันทำให้ผมเหนื่อย เหนื่อย และเหนื่อย
ผมพยามบอกกับเธอหลายครั้ง เธอก็รับปาก
แต่ไม่เคยทำได้ แล้วก็มาขอโทษผม มากเข้าเธอก็ร้องไห้
ครั้นจะเลื่อนงานแต่งงาน เธอก็น้อยใจ ถึงขนาดจะเลิกรากัน
พี่ชายของเธอก็เข้าใจผม และพยามอบรมเธอ
แต่น้องคนเล็กของบ้านอย่างเธอ ก็รับปาก แต่ไม่ทำทุกทั
ถึงจุดที่ผมเหนื่อยจนสายตัวแทบขาด
ผมกลับรู้สึกว่า...
...
เรามาถูกทางแล้วหรือ
ไม่ใช่ว่าผมไม่รักเธอ
แต่เราจะประคับประคองชีวิตคู่ของเราอย่างไร
หากเธอยังทำตัวแบบนี้
เธอรับปากว่า
หลังแต่งงาน เธอจะไม่ส่งเงินช่วยที่บ้านแล้ว
หลังแต่งงาน เธอจะยกเลิกบัตรเครดิตให้หมด
หลังแต่งงาน เธอจะเคร่งครัดเรื่องค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น
แต่...
ผมไม่มั่นใจเลย
ผมอาจจะเหนื่อยไปสักหน่อย
ผมอาจต้องคุยกับเธอให้มากขึ้น
ผมอาจต้องคุยกับครอบครัวเธอให้มากขึ้น
และผมอาจตัองมีเวลาให้ตัวเองมากขึ้น
ผมเคยบอกกับเธอว่า ผมขออยู่คนเดียวสักอาทิตย์
เธอไม่ยอม
แต่
ผมก็ยังอยากย้อนกลับมาให้เวลากับตัวเอง
บางทีมันอาจทำให้ผมได้พักบ้าง
...
งานแต่งงานของเรา
...
บางทีผมก็อยากปล่อยวาง
อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด
...
เส้นทางรักของเรา หากจะสิ้นสุด
ก็ขอให้มันเป็นปลายทางที่สวยงาม
ขอบคุณครับ
เหนื่อยเหลือเกินกับงานแต่งงาน
ผมกับแฟน รักกันมานานจนเราจะแต่งงานกันอยู่แล้ว
แม้จะมีอุปสรรค หลายอย่าง เช่น
ครอบครัวผมเป็นคนจีน เธอเป็นคนไทย
พ่อผมไม่เห็นด้วย ถึงไม่ห้าม แต่ก็ไม่สนับสนุน
แฟนผม เธอ อายุเข้าเลข 30 ทำให้เธอกังวลกับการแต่งงานมาก
ซึ่งผมก็เข้าใจ แต่ปัญหาใหญ่สุดเรื่องงานแต่งงานของเรา
ก็ไม่แคล้วเรื่อง..."เงิน"
ซึ่งตรงนี้ความต่างวัฒนธรรมของบ้านผม กับบ้านเธอ เริ่มชัด
สำหรับผม การที่ยังเก็บเงินไม่ได้
(ผมเองก็พึ่งย้ายงาน และเตรียมซื้อบ้านเรือนหอ)
ทำให้ดูอย่างไรก็ไม่น่าพร้อม ประกอบกับเงินสินสอดที่บ้านเจ้าสาวเรียก
ผมปรึกษาเธอเรื่องขอเลื่อนวันแต่งงาน เพราะดูอย่างไรก็ไม่พร้อม
ตรงนี้ทำให้ทางคุณแม่ของเธอเริ่มไม่พอใจ ส่วนเธอเอง...น้อยใจ
ใช่ครับ
เธอเองก็เป็นคนทำงานมีเหตุผล
แต่การที่เราจะใช้ชีวิตร่วมกัน โดยเธอส่งเงินกลับบ้านโดยไม่เหลือเก็บเลย
ขณะที่ภาระการเตรียมบ้านเรือนหอ ผมต้องจัดการทั้งหมด
ไหนจะค่าใช้จ่ายสารพัดที่จะตามมา ผมนั่งประมาณการค่าใช้จ่ายคุยกับเธอ
แต่เธอกลับมองเรื่องค่าใช้จ่ายดังกล่าว เป็นเรื่องง่ายๆ ขณะที่ผมเครียดแทบบ้า
เธอขอให้ผม ไปกู้หนี้ยืมสิน ไปขอหยิบยืมเงิน ญาติๆ
คุณพ่อผมก็ประกาศตัวไปแล้วว่า "ไม่ช่วย" ผมเข้าใจท่านดี
ก่อนจะดูฤกษ์แต่งงาน เธอเคยบอกผมว่า
เรารักกัน
ถึงจะกัดก้อนเกลือกิน แต่อยู่ด้วยกันเราก็มีความสุข
ภายหลังเธอย้ายงานไปต่างจังหวัด เงินเดือนสูงขึ้นเท่าตัวมากกว่าผม
แต่เมือเราจะแต่งงานกัน..."เงิน"...ก็เป็นประเด็นจนได้
ใกล้วันแต่งงาน
เธอขอยืมเงินผม เพื่อไปเข้าคอร์สหน้าใส
OK ผู้หญิงรักสวยรักงาม ผมเข้าใจ
เพื่อจัดการเรื่องบ้านเรือนหอ
เธอบอกจะส่งเงินมาช่วยกัน แต่พอสิ้นเดือน เธอส่งเงินไปให้ที่บ้านทำห้องครัวใหม่
พอเรื่องดาวน์บ้านไม่พอ กลายเป็นเธอโกรธผมซะงั้น
ยิ่งใกล้วันแต่งงาน เธอไปซื้อแพคเกจถ่ายภาพแต่งงาน
ทีแรกเธอบอกจะออกค่าใช้จ่ายเอง แต่สุดท้ายมายืมเงินผม
เงินเดือนเธอมากว่าผมมาก แต่กลายเป็นเธอนำไปใช้จ่ายอื่นหมดแล้ว
ที่รับปากจะจ่าย คือจะยืมเงินพี่ชายมาจ่าย
ผมเริ่มตระหนักว่า เธอไม่เคยคิดเรื่อง การออมเงิน เลย
ซึ่งมันทำให้เป็นภาระกับผมมาก
แน่นอน ผมรักเธอ...เธอเป็นคนดี
แต่การไร้ระเบียบวินัยทางการเงิน โดยไม่ยอมโตของเธอ
มันทำให้ผมเหนื่อย เหนื่อย และเหนื่อย
ผมพยามบอกกับเธอหลายครั้ง เธอก็รับปาก
แต่ไม่เคยทำได้ แล้วก็มาขอโทษผม มากเข้าเธอก็ร้องไห้
ครั้นจะเลื่อนงานแต่งงาน เธอก็น้อยใจ ถึงขนาดจะเลิกรากัน
พี่ชายของเธอก็เข้าใจผม และพยามอบรมเธอ
แต่น้องคนเล็กของบ้านอย่างเธอ ก็รับปาก แต่ไม่ทำทุกทั
ถึงจุดที่ผมเหนื่อยจนสายตัวแทบขาด
ผมกลับรู้สึกว่า...
...
เรามาถูกทางแล้วหรือ
ไม่ใช่ว่าผมไม่รักเธอ
แต่เราจะประคับประคองชีวิตคู่ของเราอย่างไร
หากเธอยังทำตัวแบบนี้
เธอรับปากว่า
หลังแต่งงาน เธอจะไม่ส่งเงินช่วยที่บ้านแล้ว
หลังแต่งงาน เธอจะยกเลิกบัตรเครดิตให้หมด
หลังแต่งงาน เธอจะเคร่งครัดเรื่องค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น
แต่...
ผมไม่มั่นใจเลย
ผมอาจจะเหนื่อยไปสักหน่อย
ผมอาจต้องคุยกับเธอให้มากขึ้น
ผมอาจต้องคุยกับครอบครัวเธอให้มากขึ้น
และผมอาจตัองมีเวลาให้ตัวเองมากขึ้น
ผมเคยบอกกับเธอว่า ผมขออยู่คนเดียวสักอาทิตย์
เธอไม่ยอม
แต่
ผมก็ยังอยากย้อนกลับมาให้เวลากับตัวเอง
บางทีมันอาจทำให้ผมได้พักบ้าง
...
งานแต่งงานของเรา
...
บางทีผมก็อยากปล่อยวาง
อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด
...
เส้นทางรักของเรา หากจะสิ้นสุด
ก็ขอให้มันเป็นปลายทางที่สวยงาม
ขอบคุณครับ