สหรัฐแห่งราชอาณาจักรไทย?

บทนำ:

เนื่องจากผมเห็นท่าทีของรัฐบาล ที่เปิดกว้างในการรับฟังความคิดเห็นของทุกภาคส่วนในการปฏิรูปการเมือง (ถึงจะสืบเนื่องมาจากการมีม็อบของ คุณสุเทพ ก็ตามที)

ส่วนตัวผม มีแนวคิดนี้มานานแล้ว แต่คิดว่ามันยังไม่ถึงเวลา หรือถ้าพูดออกไปก็คงจะไม่มีใครให้ความสำคัญ (อาจจะถึงขั้นปฏิเสธเลยด้วยซ้ำ) เลยเลือกที่จะเก็บไว้และไม่เคยนำมาเผยแพร่มาก่อน

ตอนนี้เป็นโอกาสอันดี ที่สถานการณ์การเมืองของเราเริ่มดำเนินมาถึงช่วงที่ “จะต้องมีการปฏิรูป” เสียใหม่ เนื่องจากมีประชาชนจำนวนมากขึ้น เริ่มหันมาสนใจ “อนาคตของการเมืองไทย” กันอย่างจริงจังมากกว่าแต่ก่อน (รวมถึงตัวผมด้วย)

ผมขออธิบายเนื้อหา แบบลักษณะเชิงวิเคราะห์ด้วย คำถาม-คำตอบ เพื่อให้เห็นแก่น และที่มาที่ไปของแนวคิด นะครับ โดย

Convention:
Q = ปัญหา
A = คำตอบที่ผมคิดว่าคนส่วนใหญ่จะตอบ
ผม = คำตอบที่ผมตอบ (หรือถามต่อ) เพื่อหาคำตอบให้ตัวเอง


เนื้อหา:

Q: ปัญหาการเมืองของไทยทุกวันนี้ มีสาเหตุมาจากอะไร?

A:  นักการเมือง - ลองดูเหตุผลที่แต่ละฝ่าย เถียงกัน กันดูสิครับ มันก็ลงเอยที่ว่า “ก็ <ฝั่งนู้น> เป็นอย่างนั้น (เราเลยไม่ชอบ และสนับสนุนฝั่งนี้มากกว่า)” ตามวลีต่างๆ เช่น “ระบอบทักษิณ”, “อำมาตยาธิปไตย” ฯลฯ

ผม: ผมมองว่า ปัญหามันอยู่ที่ “ระบบ” ของ “โครงสร้างอำนาจ” ในการปกครองมากกว่า. เราคงไม่มองโลกสวยงามในขนาดที่หวังว่า “นักการเมือง จะทำเพื่อส่วนรวม” หรอกจริงไหม? (คำว่าทำเพื่อส่วนตน รวมถึงกรณีที่ หาผลประโยชน์ให้ตนเอง [กลุ่มนายทุน] และพิทักษ์ผลประโยชน์เก่าของตนเอง [พวก conservative]) ถ้าใช่ แสดงว่าปัญหามันไม่ได้อยู่ที่ นักการเมือง หรอก (เพราะไม่ว่าระบบไหน นักการเมืองก็ไม่ได้ทำเพื่อส่วนรวม 100% อยู่ดี) แต่อยู่ที่ “ระบบมันไม่แข็งแรง” พอต่างหาก


Q: แล้วระบบการเมืองของไทย มันไม่แข็งแรงตรงไหน?

ผม: ระบบของประเทศเรา ขาดการกระจายอำนาจอย่างแท้จริง อำนาจถูกรวมศูนย์ไว้ที่รัฐบาลเดียว ทำให้

“นักการเมือง ขาดความเป็นตัวแทนของประชาชนในท้องถิ่น”

(ทุกวันนี้ คุณเลือก สส. จากอะไร? จากพรรคการเมืองที่เขาสังกัด หรือ คุณต้องการให้ สส. คนนั้นๆ เป็นกระบอกเสียงในสภาให้กับท้องถื่นของคุณ?)

“สส. ของบ้านเรา ก็คือฐานเสียงของพรรคการเมือง อยู่ภายใต้อิทธิพลของพรรคการเมือง”

(สส. จะโหวตอะไร ก็ต้องตามมติพรรค [ถึงจะมีเอกสิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญก็ตาม] แต่ถ้าไม่โหวตตามมติพรรค พรรคก็จะไม่สนับสนุนให้ สส. คนนั้นๆ ลงเลือกตั้งในสมัยหน้าอยู่ดี. มันทำให้ระบบมันเพี้ยนไปหมด เพราะแทนที่ พรรคการเมือง จะเป็นเพียงที่รวมกลุ่มของ คน (สส.) ที่มีอุดมการณ์เหมือนกัน แต่กลับกลายเป็นว่า สส. เปรียบเสมือนเป็นลูกจ้างของพรรคการเมืองไปซะอย่างนั้น)

เหตุผลทั้ง 2 ข้อด้านบน มันเกื้อหนุนซึ่งกันและกัน กล่าวคือ เราคนไทย (ส่วนใหญ่) (แม้แต่ผม) ก็ยังเลือก สส. จาก พรรคการเมืองที่สังกัด แสดงว่าเราประชาชน (ส่วนใหญ่) “ยังมิได้ตื่นตัว หรือมีจิตสำนึกในการเลือก สส. เพื่อเป็นตัวแทนของท้องถิ่น” หรือจริงๆ แล้ว อาจจะเป็นเพราะว่า “ยังไม่มี สส. ที่มีภาพอย่างนั้น มาให้เราเลือกกันแน่?” เพราะ สส. ในระบบก็ล้วนอยู่ภายใต้อิทธิพลของพรรคการเมืองทั้งสิ้น ปัญหานี้เหมือนกับ ไก่กับไข่อะไรเกิดก่อนกัน? เราคงตอบไม่ได้ เพราะมันเป็นปัจจัยที่เกื้อหนุนซึ่งกันและกัน


Q: ทำไมการรวมศูนย์ ถึงทำให้ประชาธิปไตยบ้านเรา “อ่อนแอ”?

ผม: ทุกวันนี้ถ้าเรามองกลุ่มคนในประเทศที่ขัดแย้งกัน (โดยภาพรวม หรือโดยส่วนใหญ่) จะเป็นฐานเสียงของคนชั้นกลาง-สูงในกทม. กับฐานเสียงของคนชั้นล่าง-กลางใหม่ในตจว. ปัญหามันเกิดจากที่ว่า เมื่อคน ตจว. เค้าเลือกพรรคเพื่อไทยมาบริหารประเทศ เพราะนโยบายถูกใจเขามากกว่า แต่คนในกทม. ส่วนใหญ่กลับเห็นว่า นโยบายเหล่านั้น เป็นการหลอกกินเสียงของ คน (<คำดูแคลนคนระดับล่าง>) ใน ตจว. ปัญหามันก็เลยเป็นมาอย่างทุกวันนี้ ทำให้ไม่เกิดการยอมรับซึ่งกันและกัน และแบ่งฝ่ายแบ่งขั้ว

จริงๆ แล้วปัญหามันอยู่ที่

“การไม่ยอมรับทางความคิดซึ่งกันและกันมากกว่า”

โดยส่วนตัวผมแล้ว ผมเชื่อในความเป็น “เสรีชน” (ผมคงเป็นพวก เสรีนิยม - liberalism ด้วย) ผมเชื่อในความ “เสมอภาคทางความคิด” ของปัจเจกชน (เราไม่สามารถตัดสินว่า ความคิดใครถูก หรือผิด ดีกว่า หรือแย่กว่า โดยยังไม่ผ่านกระบวนการคิดอย่างมีเหตุและผลก่อน. เราไม่สามารถตัดสินว่า ความคิดใครถูก หรือผิด ดีกว่า หรือแย่กว่า ถ้าความคิดนั้นๆ มันมีพื้นฐานมาจากความต้องการปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีพของปัจเจกชนนั้นๆ เพราะเราทุกคนเกิดมาล้วนต้องเอาชีวิตรอด) ทำให้ผมเชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตย “ที่มีสิทธิ์ และเสียงเสมือภาคเท่ากันทุกคน” (อ้างอิงความเป็น นักประชาธิปไตยนิยม ของผมได้ที่ http://pantip.com/topic/31308586)

ถึงแม้ ในมุมมองส่วนตัวของผม ผมจะมองว่า วลีที่ คนในกทม. (ส่วนใหญ่) ที่ตัดสินว่า “เสียงของคนตจว. เป็นสิ่งที่ผิด” (เช่น ถูกหลอกซื้อเสียง, ถูกหลอกด้วยประชานิยม ฯลฯ) จะเป็นสิ่งที่ผิด เพราะมันขัดกับหลักการ เสรีนิยม ที่ผมเชื่ออย่างสิ้นเชิง แต่นั่น “ผมก็คงจะไปโทษกลุ่มคนเหล่านั้นไม่ได้ เพราะเขาก็คือมนุษย์ มุมมองของเขา ก็แค่ไม่เหมือนผม เขาอาจจะไม่ได้เป็นพวก เสรีนิยมเหมือนผม หรือมุมมองของความเป็น เสรีชน ของเขาอาจจะต่างจากผมก็เป็นได้” (แนวคิดคล้ายๆ กับที่ผมคิดว่า เราจะไปโทษว่าเป็นความผิด นักการเมือง ทั้งหมดเสียทีเดียว ก็คงไม่ได้)


Q: แล้ว ระบบ รูปแบบไหน ที่จะมาแก้ปัญหา?

ผม: ผมลองคิดเล่นๆ ว่า …

“ถ้าแต่ละท้องถิ่น เรามีสภาของตนเอง สภาที่เป็นตัวแทนของประชาชนในท้องถิ่นนั้นๆ อย่างแท้จริง สภาเหล่านั้น มีสิทธิ์ มีอำนาจ ในการออกกฎกติการ (ที่เรียกว่ากฎหมาย) เป็นของตนเอง เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการในท้องถิ่นนั้นๆ สภาเหล่านั้น สามารถบริหารงบประมาณ และจัดเก็บภาษี ที่มาจากท้องถิ่นของตนเอง ได้”

มันจะช่วยให้ความขัดแย้งน้อยลงได้แค่ไหน?

เช่น ...

“ถ้าคุณไม่พอใจนโยบายของภาครัฐ” -> คุณต้องไปเถียงกันในสภาท้องถิ่นของตน ไม่ใช่รัฐบาลกลาง
“ถ้าคุณต้องการไล่นักการเมืองที่คดโกงให้พ้นสภา” -> คุณต้องไปเถียงกันในท้องถิ่นของตน ไม่ใช่รัฐบาลกลาง (เพราะสภาท้องถิ่นของคุณ มีอำนาจในการจัดเก็บภาษี และบริหารงบประมาณของตนเอง)

... และอีกหลายร้อยพันปัญหา ที่คุณจะไม่เกี่ยวข้องกับรัฐบางกลางอีกต่อไป และคุณสามารถดูแลท้องถิ่นคุณได้ จากสภาท้องถิ่นของคุณเอง ...

(ผมเชื่อว่า นี่จะทำให้ รัฐบาลกลาง มีเสถียรภาพ และภาพรวมของประเทศสามารถเดินหน้าต่อไปได้แบบไม่สะดุด)


Q: แล้ว มันต่างจาก สจ. อบจ. อบต. ตรงไหน?

ผม: มันต่างตรงที่ สจ. อบจ. อบต. ไม่มีสิทธิ์ในการ ออกกฎหมาย เพื่อเรียกเก็บภาษี หรือบริหารจัดการงบประมาณจากภาษี เพื่อให้สอดคล้องกับท้องถิ่นนั้นๆ ได้ด้วยตนเองสิครับ. อันนี้เป็นประเด็นสำคัญที่จะทำให้ “เราประชาชน เห็นความสำคัญของ ตัวแทนส่วนท้องถิ่น หรือไม่?” (ถ้าไม่มีอำนาจที่จะทำอะไรให้เลย เราก็คงไม่สนใจหรอก จริงไหม?)


Q: หน้าที่ของ รัฐบางกลาง คืออะไร?

ผม: เท่าที่ผมคิดได้ ณ ตอนนี้ คือ มีหน้าที่หลักๆ ในการ “ทำให้ทุกท้องถิ่น (รัฐ) ธำรงค์อยู่ร่วมกันเป็นปึกแผ่นที่เรียกว่า ชาติไทย” เช่น
- ร่างรัฐธรรมนูญแห่งชาติ ที่ทุกๆ ท้องถิ่น (รัฐ) จะไม่สามารถออกกฎหมายที่ขัดแย้งกับ รัฐธรรมนูญแห่งชาติ ได้ (เจตนารมณ์ของ รัฐธรรมนูญแห่งชาติ ต้องธำรงค์ไว้ซึ่งความเป็นปึกแผ่นของชาติไทย)
- เป็นผู้มีอำนาจในการสั่งการกองทัพแต่เพียงผู้เดียว (ส่วนตำรวจเป็นฝ่ายพลเรือน จะต้องสังกัดภายใต้ท้องถิ่น (รัฐ) นั้นๆ)
… และอื่นๆ อีกมากมาย (ที่ผมเองก็ยังไม่สามารถตอบได้ ณ ตอนนี้) …


Q: เราจะเอามาปรับใชักับ ชาติไทย ได้อย่างไร?

ผม: ผมไม่แน่ใจว่ามีที่ไหนในโลกเขาเคยทำกันแบบนี้หรือเปล่านะครับ โดยการเอา “ระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” รวมเข้ากับ โครงสร้างของชาติแบบ “สหรัฐ” โดยยังคงมีประมุขของชาติเป็น “กษัตริย์” อยู่เช่นเดิม เป็น “สหรัฐแห่ง ราชอาณาจักร ไทย”


บทสรุป:

ผมเสนอความคิดเห็นนี้ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ที่เชื่อว่า “ถ้าเรามีระบอบที่ว่านี้ได้จริงๆ ประเทศเราคงจะเจริญก้าวหน้า อย่างรวดเร็ว และมั่นคง อย่างแน่นอน” โดยมิได้มีความคิดที่จะ “แบ่งแยก” ชาติไทย ออกเป็นเสี่ยงๆ แต่อย่างใดนะครับ

อย่างไรก็ตาม ผมรู้ดีว่าความคิดผมมันออกจาก “ก้าวหน้า” (progressive) ไปเสียหน่อย และคงอาจจะไม่มีวันเกิดขึ้นได้จริงเลยด้วยซ้ำ

แต่ขอเอามาแชร์ให้ฟังเพียงเท่านี้ครับ ยิ้ม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่