ขอออกตัวก่อนนะครับว่าเป็นครั้งแรกผมที่ได้ทำรีวิว ข้อความในการรีวิวเป็นข้อคิดเห็นส่วนตัว และเกิดจากการไปทดลองขับด้วยความอยากของผมเอง ผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ

เหตุผลในการอยากลองขับ Juke คือ เป็นรถที่แปลกและกระแสในเมืองนอกดี ครั้นจะไปซื้อรถเกรย์ราคาก็เกินเอื้อมไปมากนัก ลุ้นแต่ว่าทางนิสสันจะนำเข้ามาเมื่อไหร่ พอเห็นราคาวันเปิดตัว (26 พย) ก็โป๊ะเช๊ะเลยครับ ราคาโดน รูปลักษณ์โดนอยู่แล้ว เหลือแค่ไปลองขับ ประจวบเหมาะกับวันลาเหลือและกลัว Motor Expo คนจะเยอะ เลยรีบไปตั้งแต่เช้าวันเสาร์ของรอบบุคคลทั่วไป (ใจอยากจะไปลองตั้งแต่วันรอบสื่อ แต่เราไม่ใช่สื่อเลยมิสามารถ T_T )
กลับมาที่การทดลองขับต่อ เช้าวันที่ 30 พย 9 โมงก็รีบบึ่งออกจากบ้านเลยครับ กลัวคนเยอะ ตั๋วมีแล้ว นัดเซลล์ไว้แล้วว่าจะขอลองขับ ตัวพร้อม ใจพร้อมเงินพร้อม!!
พอไปถึงเห็นคนน้อยเลยขอถ่ายรูปรถมาให้ชมกันก่อนแล้วค่อยไปทดลองขับ เผื่อเพื่อนคนไหนมิสามารถมาชมตัวเป็นๆได้อีกอย่างสีแดงสดช่างยั่วใจยิ่งนัก – พริตตี้ไม่เกี่ยวนะครับ อิอิ (บางรูปจะถ่ายช่วง Test drive นะครับ ผมเอามาลงผสมๆกัน)

เริ่มจากด้านหน้าก็สะดุดตากับกระจังหน้าและไฟหน้าอันโดดเด่นที่มีเสียงวิจารณ์เพียบ เพราะเป็นรถแนวแปลก แต่ผมมองว่าสวยดีนะ แหวกแนวดี เหมือนพวกนิสสัน เปา หรือ ฟิกาโร่สมัยก่อน ตัวรถยกสูงนิดๆ เหมาะกับถนนบ้านเรายิ่งนัก

ด้านข้างมีสันนูนโป่งล้อทั้งสี่ล้อ ช่วยให้รถดูกว้างและบึกบึน มือเปิดประตูหลังซ่อนอยู่ข้างกระจกคล้าย Alfa 156 ดูเผินๆแล้วจะเหมือนรถ 2 ประตู ได้อารมณ์ Sport นิดๆ

ด้านหน้า ไฟหน้าซีนอน ปรับสูงต่ำอัตโนมัติ ดวงกลมโตเป็นเอกลักษณ์ ส่วนไฟหรี่อยู่ขยับขึ้นไปอยู่บริเวณแนวฝากระโปรงดูแปลกตาดี สำหรับผมเวลามองไกลๆแล้วเหมือนรถมีคิ้วเลย ส่วนไฟตัดหมอกอยู่ด้านล่างตรงแนวกันชนเหมือนรถทั่วไป

ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง Bridgestone ขนาด 215/55 R17 แก้มยางแอบบางได้ Look Sport นิดๆ

กระจกมองข้างพิมพ์นิยม พับเก็บอัตโนมัติเมื่อล็อกรถด้วย กันหูกระจกโดนเฉี่ยว มีมาให้ทุกรุ่น

ด้านท้ายมีไฟท้ายได้อิทธิพลมาจากรุ่นพี่ Skyline พร้อม Spoiler หลังคา และไฟเบรกดวงที่สามแบบ LED และมีไฟตัดหมอกหลังให้ ส่วนกันชนหลังช่วงด้านล่างออกแบบให้มีครีบดักลม (diffuser) และมีที่ปัดน้าฝนหลังแบบหน่วงเวลาให้พร้อมสรรพ

เปิดท้ายรถออกมา พื้นที่เก็บของใหญ่ใช้ได้เลยทีเดียว ชอบตรงที่สามารถเปิดถาด เก็บของเพิ่มได้อีก เบาะหลังสามารถพับได้ 60:40

น้ำมันเติมเบนซิน 91 และ อี20

มาที่เครื่องยนต์กันบ้าง บนฝากระโปรงหน้ามีแผงกันร้อนให้เสร็จสรรพ เก็บงานห้องเครื่องเรียบร้อยดี

เครื่องยนต์และระบบส่งกำลังนั้น เป็นตัวเดียวกันกับที่วางใน Pulsar และ Sylphy
เครื่องยนต์รหัส HR16DE เบนซิน 4 สูบเรียง DOHC 16 วาล์ว 1,598 ซีซี
พร้อมระบบวาล์วแปรผัน Twin C-VTC
ความกว้างกระบอกสูบ x ระยะชัก = 78 x 83.6 มิลลิเมตร
อัตราส่วนกำลังอัด = 9.8 : 1
แรงม้าอยู่ที่ 116 แรงม้า (PS) ที่ 5,600 รอบ/นาที
แรงบิดสูงสุด 154 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที
เกียร์เป็นแบบ CVT และมีโหมดควบคุมการขับขี่ 3 แบบ คือ Sport, Normal ,ECO
ระบบความปลอดภัย มีมาให้เต็มพิกัดสำหรับ ตามแบบฉบับของ Nissan มีทั้งถุมลมนิรภัยคู่หน้า ระบบป้องกันล้อล็อค ABS ระบบกระจายแรงเบรค EBD และเสริมแรงเบรค BA และเข็มขัดนิรภัยแบบดึงกลับอัตโนมัติ เป็นอุปกรณ์มาตราฐานในทุกรุ่น
เข้ามาที่ด้านในห้องโดยสารกันบ้างครับ สามารถพกกุญแจไว้กับตัวแล้วเปิดประตูไปกดปุ่มสตาร์ทได้เลย แผงข้างโดดเด่นด้วยสีแดงพร้อมมือเปิดโครเมี่ยม วัสดุเป็นผ้า มาพร้อมช่องเก็บของและช่องใส่ขวดน้ำขนาด 600 ม.ล. ได้

ส่วนคอลโซลกลาง มีเครื่องเสียงเป็นระบบแอนดรอย หน้าจอสัมผัส รับ FM/AM สามารถเล่นเพลงผ่าน USB, Micro SD card, AUX ,Bluetooth และ Internet ได้ พร้อมลำโพง 6 ตัว ตัววิทยุลองไปกดๆเล่นดูแล้วก็แปลกตาดี เวลาจะเพิ่มเสียง หรือเปลี่ยนคลื่นวิทยุ สามารถใช้มือปัดที่หน้าจอได้เหมือนเครื่อง MAC
คอลโซลเกียร์สีแดงเป็นเอกลักษณ์มีที่ท้าวแขน มีช่องใส่ของจุกจิก ที่วางแก้วน้ำ 2 ตำแหน่ง



หน้าปัดสวยงามมากสำหรับผม ไฟสว่างชัดเจน พร้อมมาตรวัดอัจฉริยะ แสดงผลต่างๆได้ เช่น คำนวนน้ำมันที่เหลือว่าจะสามารถวิ่งได้อีกกี่กิโล

พวงมาลัยเป็นแบบสามก้านหุ้มหนัง ปรับระดับได้ น่าจะเหมือนกับ March ตัว Nismo มาพร้อมระบบควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย และปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์

เพดานมีไฟส่องแผนที่ กระจกมองหลังปรับตัดแสงได้ แต่อัตโนมือ
ที่บังแดดมีกระจกส่องแต่งหน้าพร้อมฝาปิดให้ทั้งสองฝั่ง

ภายในรุ่น V จะเป็นเบาะหนังเดินด้ายแดง พร้อมปักJUKE ตัวนูน/ รุ่น 1.6E เบาะผ้า

เบาะฝั่งผู้ขับขี่สามารถปรับระดับสูงต่ำได้ แบบอัตโนมือ

เบาะหลังนั่งสบายดี มีที่พักหัวแล้ว และสามารถพับได้ 60:40 แต่ไม่ราบสนิทครับ ไว้เวลาขนของยาวๆ Leg room กว้างขวางพอตัว ไม่รู้สึกอึดอัด

ประตูคู่หลังเปิดได้กว้าง เข้าออกไม่มีปัญหา

มาถึงช่วงทดลองขับการบ้าง มีรูปตอนขับมาให้ดูนิดหน่อย รูปถ่ายอาจจะไม่ค่อยสวยนะครับ พอดีรีบๆถ่ายครับ กลัวน้องเซลล์ว่าเอา
ทัศนวิสัยด้านข้างดูโปร่ง มุมมองกระจกมองข้างชัดเจน


กระจกบานหลังขึ้น ลง ได้ไม่สุด

ทัศนวิสัยด้านหลังชัดเจนดี เสาหลังอาจจะบดบังตอนถอยบ้าง แต่ใช้ไปนานๆก็น่าจะชินครับ รถท้ายตัดกะระยะง่าย เพราะมีกล้องมองหลังและเซ็นเซอร์ถอยช่วย


มีโอกาสได้ลองใช้โหมดการทำงานอัจฉริยะ I-CON ด้วยครับ ระยะเวลาสั้นนะครับ เลยลองแค่โหมด Normal กับโหมด Sport
โหมด Sport นี่ดึงใช้ได้เลย มีเป็นแถบ Boost ให้ดูเวลาเร่งด้วย ส่วนโหมด normal จะมีแถบอัตราเร่งของ torque(เเรงบิด) เเละ ขีดพลังงานของเเบตเตอรี่ แถมมีหน้าจอให้ดูด้วยว่า ในแต่ละวันเราใช้น้ำมันไปเท่าไหร่ (eco info) กับ ดูแรงโน้มถ่วงของรถ (drive info) เช่น ขับเลี้ยวขวา แถบช่องสี่เหลี่ยมจะขยับไปทางซ้าย ผมลองวิ่งในสนามแล้วก็เป็นลูกเล่นที่แปลกตาดีครับ


ช่วงล่างเวลาลองเลี้ยวแรงๆหรือขับรู้สึกได้ถึงความนุ่มหนึบ อธิบายไม่ถูกอ่ะครับ แต่ขับแล้วรู้สึกว่าแน่น อาจจะเป็นเพราะน้ำหนักพวงมาลัยไฟฟ้า set มากำลังเหมาะ

สรุป
จากที่ได้ทดลองขับสั้นๆ เครื่องยนต์ 4 สูบ 1600 CC. สำหรับผมถือว่าเพียงพอแล้วสำหรับการใช้งานในเมือง และออกต่างจังหวัดในบางโอกาส ออกตัวดี ลักษณะตัวรถมีความคล่องตัวยกสูงนิดๆ ทำให้สามารถมองเห็นได้ไกล รวมทั้งดีไซน์ที่กินขาด แปลกแต่เท่เหมาะกับคนอย่างผมที่ไม่ชอบรถตลาดดีไซน์ทั่วไป
เกียร์ CVT คือส่วนที่ชอบมาก เปลี่ยนเกียร์ได้นุ่มนวลดี ไม่กระชาก ส่วนอัตราสิ้นเปลืองผมว่าน่าจะพอๆกับรุ่นพี่อย่าง Pulsar และ Sylphy ที่ประหยัดเกินหน้าเกินตาคู่แข่ง
ช่วงล่างและน้ำหนักพวงมาลัยปรับมาได้สัมพันธ์กัน ช่วงล่างไม่นิ่มหรือแข็งจนเกินไป
สุดท้ายแล้วก็โดนปิดการขายเรียบร้อยโรงเรียน Nissan ครับ สำหรับผมรถคันนี้อาจจะไม่ใช่รถที่คุ้มค่าที่สุด แต่เป็นรถที่สามารถตอบสนองการใช้ชีวิตที่สุดครับ เพราะอยากได้รถที่สูงหน่อยในราคาไม่เกินล้าน ครั้นจะไปออก CRV หรือ CX5 ก็ดูเกินความจำเป็นไป และกลัวค่าน้ำมันกับค่าบำรุงรักษาในระยะยาวเนื่องจากเครื่องมีความจุเยอะกว่า และปกติใช้รถกัน นั่งแค่สองคน เลยมาจบที่ Juke นี่แหละครับ แต่ก็ยังมีข้อด้อยอยู่บ้างตรง Headroom ด้านหลังมีเนื้อที่แคบไปหน่อย น่าจะเป็นเพราะต้องการออกแบบให้ดู Sport หลังคาด้านท้ายเลยลาด เนื้อที่ Headroom เลยหายไปส่วนหนึ่ง ซึ่งไม่เป็นประเด็นใหญ่อะไรสำหรับผม
หมดแล้วครับ สำหรับรีวิวครั้งแรกในชีวิต อาจจะตกหล่นตรงไหนก็ขออภัยด้วยนะครับ ผมพยายามดูและใช้แนวทางของเพื่อนๆท่านอื่นประกอบเอาครับ จะได้ดูเป็นแนวทางเดียวกัน ถ้าอยากให้เพิ่มตรงไหนแนะนำหรือติ ชม ได้เลยนะครับ ขอบคุณมากครับ
ขอบคุณทุกความเห็นมากครับ ไม่คิดว่าจะได้ขึ้นกระทู้แนะนำ ผมเพิ่มรูปราคามาให้สำหรับความเห็นที่ถามถึงแล้วนะครับ
[CR] REVIEW NISSAN JUKE แบบบ้านๆ จาก Motor Expo
เหตุผลในการอยากลองขับ Juke คือ เป็นรถที่แปลกและกระแสในเมืองนอกดี ครั้นจะไปซื้อรถเกรย์ราคาก็เกินเอื้อมไปมากนัก ลุ้นแต่ว่าทางนิสสันจะนำเข้ามาเมื่อไหร่ พอเห็นราคาวันเปิดตัว (26 พย) ก็โป๊ะเช๊ะเลยครับ ราคาโดน รูปลักษณ์โดนอยู่แล้ว เหลือแค่ไปลองขับ ประจวบเหมาะกับวันลาเหลือและกลัว Motor Expo คนจะเยอะ เลยรีบไปตั้งแต่เช้าวันเสาร์ของรอบบุคคลทั่วไป (ใจอยากจะไปลองตั้งแต่วันรอบสื่อ แต่เราไม่ใช่สื่อเลยมิสามารถ T_T )
กลับมาที่การทดลองขับต่อ เช้าวันที่ 30 พย 9 โมงก็รีบบึ่งออกจากบ้านเลยครับ กลัวคนเยอะ ตั๋วมีแล้ว นัดเซลล์ไว้แล้วว่าจะขอลองขับ ตัวพร้อม ใจพร้อมเงินพร้อม!!
พอไปถึงเห็นคนน้อยเลยขอถ่ายรูปรถมาให้ชมกันก่อนแล้วค่อยไปทดลองขับ เผื่อเพื่อนคนไหนมิสามารถมาชมตัวเป็นๆได้อีกอย่างสีแดงสดช่างยั่วใจยิ่งนัก – พริตตี้ไม่เกี่ยวนะครับ อิอิ (บางรูปจะถ่ายช่วง Test drive นะครับ ผมเอามาลงผสมๆกัน)
เริ่มจากด้านหน้าก็สะดุดตากับกระจังหน้าและไฟหน้าอันโดดเด่นที่มีเสียงวิจารณ์เพียบ เพราะเป็นรถแนวแปลก แต่ผมมองว่าสวยดีนะ แหวกแนวดี เหมือนพวกนิสสัน เปา หรือ ฟิกาโร่สมัยก่อน ตัวรถยกสูงนิดๆ เหมาะกับถนนบ้านเรายิ่งนัก
ด้านข้างมีสันนูนโป่งล้อทั้งสี่ล้อ ช่วยให้รถดูกว้างและบึกบึน มือเปิดประตูหลังซ่อนอยู่ข้างกระจกคล้าย Alfa 156 ดูเผินๆแล้วจะเหมือนรถ 2 ประตู ได้อารมณ์ Sport นิดๆ
ด้านหน้า ไฟหน้าซีนอน ปรับสูงต่ำอัตโนมัติ ดวงกลมโตเป็นเอกลักษณ์ ส่วนไฟหรี่อยู่ขยับขึ้นไปอยู่บริเวณแนวฝากระโปรงดูแปลกตาดี สำหรับผมเวลามองไกลๆแล้วเหมือนรถมีคิ้วเลย ส่วนไฟตัดหมอกอยู่ด้านล่างตรงแนวกันชนเหมือนรถทั่วไป
ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง Bridgestone ขนาด 215/55 R17 แก้มยางแอบบางได้ Look Sport นิดๆ
กระจกมองข้างพิมพ์นิยม พับเก็บอัตโนมัติเมื่อล็อกรถด้วย กันหูกระจกโดนเฉี่ยว มีมาให้ทุกรุ่น
ด้านท้ายมีไฟท้ายได้อิทธิพลมาจากรุ่นพี่ Skyline พร้อม Spoiler หลังคา และไฟเบรกดวงที่สามแบบ LED และมีไฟตัดหมอกหลังให้ ส่วนกันชนหลังช่วงด้านล่างออกแบบให้มีครีบดักลม (diffuser) และมีที่ปัดน้าฝนหลังแบบหน่วงเวลาให้พร้อมสรรพ
เปิดท้ายรถออกมา พื้นที่เก็บของใหญ่ใช้ได้เลยทีเดียว ชอบตรงที่สามารถเปิดถาด เก็บของเพิ่มได้อีก เบาะหลังสามารถพับได้ 60:40
น้ำมันเติมเบนซิน 91 และ อี20
มาที่เครื่องยนต์กันบ้าง บนฝากระโปรงหน้ามีแผงกันร้อนให้เสร็จสรรพ เก็บงานห้องเครื่องเรียบร้อยดี
เครื่องยนต์และระบบส่งกำลังนั้น เป็นตัวเดียวกันกับที่วางใน Pulsar และ Sylphy
เครื่องยนต์รหัส HR16DE เบนซิน 4 สูบเรียง DOHC 16 วาล์ว 1,598 ซีซี
พร้อมระบบวาล์วแปรผัน Twin C-VTC
ความกว้างกระบอกสูบ x ระยะชัก = 78 x 83.6 มิลลิเมตร
อัตราส่วนกำลังอัด = 9.8 : 1
แรงม้าอยู่ที่ 116 แรงม้า (PS) ที่ 5,600 รอบ/นาที
แรงบิดสูงสุด 154 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที
เกียร์เป็นแบบ CVT และมีโหมดควบคุมการขับขี่ 3 แบบ คือ Sport, Normal ,ECO
ระบบความปลอดภัย มีมาให้เต็มพิกัดสำหรับ ตามแบบฉบับของ Nissan มีทั้งถุมลมนิรภัยคู่หน้า ระบบป้องกันล้อล็อค ABS ระบบกระจายแรงเบรค EBD และเสริมแรงเบรค BA และเข็มขัดนิรภัยแบบดึงกลับอัตโนมัติ เป็นอุปกรณ์มาตราฐานในทุกรุ่น
เข้ามาที่ด้านในห้องโดยสารกันบ้างครับ สามารถพกกุญแจไว้กับตัวแล้วเปิดประตูไปกดปุ่มสตาร์ทได้เลย แผงข้างโดดเด่นด้วยสีแดงพร้อมมือเปิดโครเมี่ยม วัสดุเป็นผ้า มาพร้อมช่องเก็บของและช่องใส่ขวดน้ำขนาด 600 ม.ล. ได้
ส่วนคอลโซลกลาง มีเครื่องเสียงเป็นระบบแอนดรอย หน้าจอสัมผัส รับ FM/AM สามารถเล่นเพลงผ่าน USB, Micro SD card, AUX ,Bluetooth และ Internet ได้ พร้อมลำโพง 6 ตัว ตัววิทยุลองไปกดๆเล่นดูแล้วก็แปลกตาดี เวลาจะเพิ่มเสียง หรือเปลี่ยนคลื่นวิทยุ สามารถใช้มือปัดที่หน้าจอได้เหมือนเครื่อง MAC
คอลโซลเกียร์สีแดงเป็นเอกลักษณ์มีที่ท้าวแขน มีช่องใส่ของจุกจิก ที่วางแก้วน้ำ 2 ตำแหน่ง
หน้าปัดสวยงามมากสำหรับผม ไฟสว่างชัดเจน พร้อมมาตรวัดอัจฉริยะ แสดงผลต่างๆได้ เช่น คำนวนน้ำมันที่เหลือว่าจะสามารถวิ่งได้อีกกี่กิโล
พวงมาลัยเป็นแบบสามก้านหุ้มหนัง ปรับระดับได้ น่าจะเหมือนกับ March ตัว Nismo มาพร้อมระบบควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย และปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์
เพดานมีไฟส่องแผนที่ กระจกมองหลังปรับตัดแสงได้ แต่อัตโนมือ
ที่บังแดดมีกระจกส่องแต่งหน้าพร้อมฝาปิดให้ทั้งสองฝั่ง
ภายในรุ่น V จะเป็นเบาะหนังเดินด้ายแดง พร้อมปักJUKE ตัวนูน/ รุ่น 1.6E เบาะผ้า
เบาะฝั่งผู้ขับขี่สามารถปรับระดับสูงต่ำได้ แบบอัตโนมือ
เบาะหลังนั่งสบายดี มีที่พักหัวแล้ว และสามารถพับได้ 60:40 แต่ไม่ราบสนิทครับ ไว้เวลาขนของยาวๆ Leg room กว้างขวางพอตัว ไม่รู้สึกอึดอัด
ประตูคู่หลังเปิดได้กว้าง เข้าออกไม่มีปัญหา
มาถึงช่วงทดลองขับการบ้าง มีรูปตอนขับมาให้ดูนิดหน่อย รูปถ่ายอาจจะไม่ค่อยสวยนะครับ พอดีรีบๆถ่ายครับ กลัวน้องเซลล์ว่าเอา
ทัศนวิสัยด้านข้างดูโปร่ง มุมมองกระจกมองข้างชัดเจน
กระจกบานหลังขึ้น ลง ได้ไม่สุด
ทัศนวิสัยด้านหลังชัดเจนดี เสาหลังอาจจะบดบังตอนถอยบ้าง แต่ใช้ไปนานๆก็น่าจะชินครับ รถท้ายตัดกะระยะง่าย เพราะมีกล้องมองหลังและเซ็นเซอร์ถอยช่วย
มีโอกาสได้ลองใช้โหมดการทำงานอัจฉริยะ I-CON ด้วยครับ ระยะเวลาสั้นนะครับ เลยลองแค่โหมด Normal กับโหมด Sport
โหมด Sport นี่ดึงใช้ได้เลย มีเป็นแถบ Boost ให้ดูเวลาเร่งด้วย ส่วนโหมด normal จะมีแถบอัตราเร่งของ torque(เเรงบิด) เเละ ขีดพลังงานของเเบตเตอรี่ แถมมีหน้าจอให้ดูด้วยว่า ในแต่ละวันเราใช้น้ำมันไปเท่าไหร่ (eco info) กับ ดูแรงโน้มถ่วงของรถ (drive info) เช่น ขับเลี้ยวขวา แถบช่องสี่เหลี่ยมจะขยับไปทางซ้าย ผมลองวิ่งในสนามแล้วก็เป็นลูกเล่นที่แปลกตาดีครับ
ช่วงล่างเวลาลองเลี้ยวแรงๆหรือขับรู้สึกได้ถึงความนุ่มหนึบ อธิบายไม่ถูกอ่ะครับ แต่ขับแล้วรู้สึกว่าแน่น อาจจะเป็นเพราะน้ำหนักพวงมาลัยไฟฟ้า set มากำลังเหมาะ
สรุป
จากที่ได้ทดลองขับสั้นๆ เครื่องยนต์ 4 สูบ 1600 CC. สำหรับผมถือว่าเพียงพอแล้วสำหรับการใช้งานในเมือง และออกต่างจังหวัดในบางโอกาส ออกตัวดี ลักษณะตัวรถมีความคล่องตัวยกสูงนิดๆ ทำให้สามารถมองเห็นได้ไกล รวมทั้งดีไซน์ที่กินขาด แปลกแต่เท่เหมาะกับคนอย่างผมที่ไม่ชอบรถตลาดดีไซน์ทั่วไป
เกียร์ CVT คือส่วนที่ชอบมาก เปลี่ยนเกียร์ได้นุ่มนวลดี ไม่กระชาก ส่วนอัตราสิ้นเปลืองผมว่าน่าจะพอๆกับรุ่นพี่อย่าง Pulsar และ Sylphy ที่ประหยัดเกินหน้าเกินตาคู่แข่ง
ช่วงล่างและน้ำหนักพวงมาลัยปรับมาได้สัมพันธ์กัน ช่วงล่างไม่นิ่มหรือแข็งจนเกินไป
สุดท้ายแล้วก็โดนปิดการขายเรียบร้อยโรงเรียน Nissan ครับ สำหรับผมรถคันนี้อาจจะไม่ใช่รถที่คุ้มค่าที่สุด แต่เป็นรถที่สามารถตอบสนองการใช้ชีวิตที่สุดครับ เพราะอยากได้รถที่สูงหน่อยในราคาไม่เกินล้าน ครั้นจะไปออก CRV หรือ CX5 ก็ดูเกินความจำเป็นไป และกลัวค่าน้ำมันกับค่าบำรุงรักษาในระยะยาวเนื่องจากเครื่องมีความจุเยอะกว่า และปกติใช้รถกัน นั่งแค่สองคน เลยมาจบที่ Juke นี่แหละครับ แต่ก็ยังมีข้อด้อยอยู่บ้างตรง Headroom ด้านหลังมีเนื้อที่แคบไปหน่อย น่าจะเป็นเพราะต้องการออกแบบให้ดู Sport หลังคาด้านท้ายเลยลาด เนื้อที่ Headroom เลยหายไปส่วนหนึ่ง ซึ่งไม่เป็นประเด็นใหญ่อะไรสำหรับผม
หมดแล้วครับ สำหรับรีวิวครั้งแรกในชีวิต อาจจะตกหล่นตรงไหนก็ขออภัยด้วยนะครับ ผมพยายามดูและใช้แนวทางของเพื่อนๆท่านอื่นประกอบเอาครับ จะได้ดูเป็นแนวทางเดียวกัน ถ้าอยากให้เพิ่มตรงไหนแนะนำหรือติ ชม ได้เลยนะครับ ขอบคุณมากครับ
ขอบคุณทุกความเห็นมากครับ ไม่คิดว่าจะได้ขึ้นกระทู้แนะนำ ผมเพิ่มรูปราคามาให้สำหรับความเห็นที่ถามถึงแล้วนะครับ