เดินต่อไป
โลกหมุนรอบดวงอาทิตย์ทำให้เกิดฤดูกาล โลกหมุนรอบตัวเองทำให้เกิดกลางวันกลางคืน
วันนี้ (2 ธ.ค.) ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น โลกยังหมุนรอบดวงอาทิตย์ต่อไป ยังมีกลางวันกลางคืนต่อไป ยังมีน้ำขึ้นน้ำลงต่อไป
เช่นเดียวกับประเทศไทยยังป่วยหนักอาการโคม่าเหมือนเดิม
คนไทยกับคนไทยยังแบ่งขั้วแบ่งฝ่ายเกลียดชังคั่งแค้นพร้อมฆ่ากันได้ทุกนาที
สังคมไทยติดกับดักวงจรอุบาทว์ยืดเยื้อมาแล้ว 7 ปี ยังเดินหน้าต่อไปไม่ได้ มีแต่ถอยหลังๆไปทุกวัน
“แม่ลูกจันทร์” เหลียวมองประเทศเพื่อนบ้านกลุ่มอาเซียนแล้วหดหู่หัวใจ เพราะทุกประเทศเดินแซงหน้าประเทศไทยห่างไปทุกที
เวียดนาม ผ่านช่วงสงครามแบ่งแยกประเทศ กลับมารวมกันเป็นหนึ่งเดียว ร่วมแรงร่วมใจพัฒนาเศรษฐกิจเดินหน้าไปได้อย่างรวดเร็ว
กัมพูชา ผ่านยุคสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ เข้าสู่ยุคฟื้นฟูประเทศครบวงจร
ฟิลิปปินส์ และ อินโดนีเซีย ผ่านวิกฤติมิคสัญญี กลับสู่ความแข็งแกร่งขับเคลื่อนประเทศเดินหน้าอย่างมั่นคง
แม้แต่
“พม่า” ที่ปิดประเทศมายาวนาน เพิ่งเปิดประตูประเทศ หลุดพ้นจากยุคเผด็จการทหาร ก็เดินหน้าสู่ยุคฟื้นฟูประชาธิปไตยเต็มใบ
ตรงข้ามกับประเทศไทยเจ้าของฉายาเสือตัวใหม่แห่งเอเชีย
วันนี้กลายเป็นเสือพิการ
เสือตัวนี้
ไม่มีแรงจะสู้ใครอีกแล้ว เพราะมัวแต่กัดกันเอง
“แม่ลูกจันทร์” ยํ้าว่าสงครามแย่งชิงประชาชนระหว่างการเมือง 2 ขั้ว ที่ยืดเยื้อมาหนึ่งเดือนเต็มๆ ได้สร้างความเสียหายแก่ประเทศไทยอย่างจั๋งหนับบุเรงนอง
โดยเฉพาะ
ธุรกิจท่องเที่ยวรายได้หลักของไทยตกฮวบอย่างแรง
ล่าสุด 32 ประเทศทั่วโลกประกาศเตือนประชาชนให้หลีกเลี่ยงการเดินทางเข้ามาเที่ยวในเมืองไทย
บริษัททัวร์ต่างประเทศยกเลิกโปรแกรมทัวร์กันระนาว
เฉพาะเดือนพฤศจิกายนเดือนเดียว สถิตินักท่องเที่ยวต่างประเทศลดพรวดลงไปแล้ว 350,000 คน
รายได้จากการท่องเที่ยวเดือนที่แล้วหายวูบไป 25,000 ล้านบาท โดยประมาณ
จะมีผลกระทบไปจนถึงต้นปีหน้าเป็นอย่างเร็ว
แต่ถ้าวิกฤติครั้งนี้ยืดเยื้อรุนแรงจะเกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาลที่จะต้องใช้เวลากอบกู้ยาวนานหลายปี
รุนแรงกว่าเหตุมหาวิกฤติน้ำท่วมใหญ่ พ.ศ.2554 ด้วยซ้ำไป
เพราะความวุ่นวายทางการเมืองคือ “ปัจจัยเสี่ยงสูงสุด” ของนักลงทุน
ถึงแม้ประเทศไทยจะมีปัจจัยเอื้ออำนวยการลงทุนเหนือกว่าประเทศคู่แข่งในกลุ่มเดียวกัน
แต่ในเมื่อการเมืองไทยวุ่นวายขายปลาช่อนไม่จบไม่สิ้น สถานการณ์บ้านเมืองสุ่มเสี่ยงเปราะบาง นักลงทุนต่างประเทศก็ไม่กล้าเสี่ยงเข้ามาลงทุนในบ้านเรา
กลุ่มทุนใหญ่ๆ ก็จะย้ายฐานการผลิตไปลงทุนในประเทศอื่นที่การเมืองมีเสถียรภาพมากกว่าประเทศไทยแน่นอน
มองอนาคตประเทศไทยแล้วใจฝ่อนะโยม
“แม่ลูกจันทร์” ย้ำอีกครั้งว่าการปลุกระดมม็อบโค่นล้มรัฐบาลเป็นเรื่องปกติทางการเมือง
แต่ที่ไม่ปกติ คือ
การที่มีคนไทยจำนวนมากปฏิเสธระบบเลือกตั้ง สนับสนุนระบบลากตั้ง เห็นดีเห็นงามกับการแช่แข็งประเทศ แช่แข็งประชาธิปไตย
ประเทศอื่นๆ เดินหน้าบนถนนประชาธิปไตยที่ผ่านการเลือกตั้งจากประชาชน
แต่ประเทศไทยกำลังเดินถอยหลังสู่ยุคเผด็จการอำนาจนิยม
กู่ไม่กลับซะแล้วไทยแลนด์.
แม่ลูกจันทร์
ไทยรัฐออนไลน์ 2 ธันวาคม 2556, 05:00 น.
http://www.thairath.co.th/column/pol/greenhead/386419
??????????????????????????????????????
".....
ประเทศอื่นๆ เดินหน้าบนถนนประชาธิปไตยที่ผ่านการเลือกตั้งจากประชาชน
แต่ประเทศไทยกำลังเดินถอยหลังสู่ยุคเผด็จการอำนาจนิยม....."
ไม่มีอะไรจะเพิ่ม
ไปฟังณัฐวุฒิพูดดีกว่า.....
กระแทกถูกหน้าผากใครบ้างก็ช่างหัวมัน....ดิ้นกันเอาเองผมไม่เกี่ยว...
แม่ลูกจันทร์บอกประเทศอื่นก้าวผ่าน เผด็จการสู่ ปชต. แต่สารขัณฑ์แลนด์กลับถอยหลังสู่เผด็จการอำนาจนิยม...ทุเรศสิ้นดี
โลกหมุนรอบดวงอาทิตย์ทำให้เกิดฤดูกาล โลกหมุนรอบตัวเองทำให้เกิดกลางวันกลางคืน
วันนี้ (2 ธ.ค.) ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น โลกยังหมุนรอบดวงอาทิตย์ต่อไป ยังมีกลางวันกลางคืนต่อไป ยังมีน้ำขึ้นน้ำลงต่อไป
เช่นเดียวกับประเทศไทยยังป่วยหนักอาการโคม่าเหมือนเดิม
คนไทยกับคนไทยยังแบ่งขั้วแบ่งฝ่ายเกลียดชังคั่งแค้นพร้อมฆ่ากันได้ทุกนาที
สังคมไทยติดกับดักวงจรอุบาทว์ยืดเยื้อมาแล้ว 7 ปี ยังเดินหน้าต่อไปไม่ได้ มีแต่ถอยหลังๆไปทุกวัน
“แม่ลูกจันทร์” เหลียวมองประเทศเพื่อนบ้านกลุ่มอาเซียนแล้วหดหู่หัวใจ เพราะทุกประเทศเดินแซงหน้าประเทศไทยห่างไปทุกที
เวียดนาม ผ่านช่วงสงครามแบ่งแยกประเทศ กลับมารวมกันเป็นหนึ่งเดียว ร่วมแรงร่วมใจพัฒนาเศรษฐกิจเดินหน้าไปได้อย่างรวดเร็ว
กัมพูชา ผ่านยุคสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ เข้าสู่ยุคฟื้นฟูประเทศครบวงจร
ฟิลิปปินส์ และ อินโดนีเซีย ผ่านวิกฤติมิคสัญญี กลับสู่ความแข็งแกร่งขับเคลื่อนประเทศเดินหน้าอย่างมั่นคง
แม้แต่ “พม่า” ที่ปิดประเทศมายาวนาน เพิ่งเปิดประตูประเทศ หลุดพ้นจากยุคเผด็จการทหาร ก็เดินหน้าสู่ยุคฟื้นฟูประชาธิปไตยเต็มใบ
ตรงข้ามกับประเทศไทยเจ้าของฉายาเสือตัวใหม่แห่งเอเชีย
วันนี้กลายเป็นเสือพิการ
เสือตัวนี้ไม่มีแรงจะสู้ใครอีกแล้ว เพราะมัวแต่กัดกันเอง
“แม่ลูกจันทร์” ยํ้าว่าสงครามแย่งชิงประชาชนระหว่างการเมือง 2 ขั้ว ที่ยืดเยื้อมาหนึ่งเดือนเต็มๆ ได้สร้างความเสียหายแก่ประเทศไทยอย่างจั๋งหนับบุเรงนอง
โดยเฉพาะธุรกิจท่องเที่ยวรายได้หลักของไทยตกฮวบอย่างแรง
ล่าสุด 32 ประเทศทั่วโลกประกาศเตือนประชาชนให้หลีกเลี่ยงการเดินทางเข้ามาเที่ยวในเมืองไทย
บริษัททัวร์ต่างประเทศยกเลิกโปรแกรมทัวร์กันระนาว
เฉพาะเดือนพฤศจิกายนเดือนเดียว สถิตินักท่องเที่ยวต่างประเทศลดพรวดลงไปแล้ว 350,000 คน
รายได้จากการท่องเที่ยวเดือนที่แล้วหายวูบไป 25,000 ล้านบาท โดยประมาณ
จะมีผลกระทบไปจนถึงต้นปีหน้าเป็นอย่างเร็ว
แต่ถ้าวิกฤติครั้งนี้ยืดเยื้อรุนแรงจะเกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาลที่จะต้องใช้เวลากอบกู้ยาวนานหลายปี
รุนแรงกว่าเหตุมหาวิกฤติน้ำท่วมใหญ่ พ.ศ.2554 ด้วยซ้ำไป
เพราะความวุ่นวายทางการเมืองคือ “ปัจจัยเสี่ยงสูงสุด” ของนักลงทุน
ถึงแม้ประเทศไทยจะมีปัจจัยเอื้ออำนวยการลงทุนเหนือกว่าประเทศคู่แข่งในกลุ่มเดียวกัน
แต่ในเมื่อการเมืองไทยวุ่นวายขายปลาช่อนไม่จบไม่สิ้น สถานการณ์บ้านเมืองสุ่มเสี่ยงเปราะบาง นักลงทุนต่างประเทศก็ไม่กล้าเสี่ยงเข้ามาลงทุนในบ้านเรา
กลุ่มทุนใหญ่ๆ ก็จะย้ายฐานการผลิตไปลงทุนในประเทศอื่นที่การเมืองมีเสถียรภาพมากกว่าประเทศไทยแน่นอน
มองอนาคตประเทศไทยแล้วใจฝ่อนะโยม
“แม่ลูกจันทร์” ย้ำอีกครั้งว่าการปลุกระดมม็อบโค่นล้มรัฐบาลเป็นเรื่องปกติทางการเมือง
แต่ที่ไม่ปกติ คือการที่มีคนไทยจำนวนมากปฏิเสธระบบเลือกตั้ง สนับสนุนระบบลากตั้ง เห็นดีเห็นงามกับการแช่แข็งประเทศ แช่แข็งประชาธิปไตย
ประเทศอื่นๆ เดินหน้าบนถนนประชาธิปไตยที่ผ่านการเลือกตั้งจากประชาชน
แต่ประเทศไทยกำลังเดินถอยหลังสู่ยุคเผด็จการอำนาจนิยม
กู่ไม่กลับซะแล้วไทยแลนด์.
แม่ลูกจันทร์
ไทยรัฐออนไลน์ 2 ธันวาคม 2556, 05:00 น.
http://www.thairath.co.th/column/pol/greenhead/386419
??????????????????????????????????????
".....ประเทศอื่นๆ เดินหน้าบนถนนประชาธิปไตยที่ผ่านการเลือกตั้งจากประชาชน
แต่ประเทศไทยกำลังเดินถอยหลังสู่ยุคเผด็จการอำนาจนิยม....."
ไม่มีอะไรจะเพิ่ม
ไปฟังณัฐวุฒิพูดดีกว่า.....
กระแทกถูกหน้าผากใครบ้างก็ช่างหัวมัน....ดิ้นกันเอาเองผมไม่เกี่ยว...