ความเห็นส่วนตัวล้วนๆนะครับ
ด้วยความรู้ระบอบประชาธิปไตยอันน้อยนิด หากไม่ถูกขออภัย
ส่วนตัวผมคิดว่าทุกระบบมีช่องโหว่ และระบอบประชาธิปไตยเป็นระบอบที่ให้ความสำคัญกับเสียงข้างมาก ซึ่งถ้าถูกใช้กับประเทศที่มีคนไม่ดีมากกว่าคนดี ก็อาจทำให้คนไม่ดีอำนาจในการทำผิดอย่างชอบธรรม หากเค้าสามารถคุมเสียงข้างมากได้ (หรือ lobby ฝ่ายที่คานอำนาจได้) ซึ่งกำลังเกิดกับประเทศไทยที่รัฐบาลคุมเกมในสภาได้แบบเบ็ดเสร็จเพื่อกำลังจะบรรลุเป้าหมายตัวเอง (ซึ่งรัฐบาลดีก็ดีไป แต่ถ้าไม่ดีละ??!!) ซึ่งเมื่อเป็นอย่างนี้ทำให้ฝ่ายตรงข้ามจำเป็นต้องตอบโต้นอกสภา และมันก็เป็นสิทธิ์ของฝ่ายตรงข้ามเช่นกัน
ที่ไม่ชอบและเป็นมาเนิ่นนานคือวัฒนธรรมพวกมากชนะ (ทั้งแดงทั้งเหลืองก็ทำกันทั้งคู่ และกลุ่มไหนๆที่กำลังจะมีมาอีก ในช่วงชีวิตเราจะเจออีกกี่สี) ถึงครั้งนี้คุณสุเทพชนะ ต่อไปเดี๋ยวแดงก็มาอีก (ทีใครทีมัน)
และวัฒนธรรมการใช้สื่อปลุกปั่น ที่ผ่านมาทั้งสองฝ่ายมีการใช้สื่อเพื่อปลุกปั่นประชาชน ซึ่งเนื้อหาของสื่อแฝงไปด้วยอารมณ์ความเกลียดชัง ทำให้สังคมแตกแยกเป็นสองฝ่ายชัดเจน มีช่อง Cable เป็นของตัวเอง และยังพยายามให้สื่อกระแสหลักเป็นฝั่งตัวเองอีก อันนี้เค้าใช้กันในสงคราม หรือเราอยู่ในสงครามตลอดมา เพียงแต่ไม่รู้ตัว??
เราต้องช่วยกันเปลี่ยนความเกลียดชังนี้เป็นการเคารพความคิดที่แตกต่างซึ่งเป็นสิ่งที่ขาดไปในสังคมเราทุกหย่อมย่าน พยายามเปลี่ยนเสียงที่อยู่ในใจว่า แดงแมร่งโง่ หรือคนไปกับสุเทพแมร่งโง่ มาเป็นการเคารพต่อความคิดซึ่งกันและกัน
ตอนผมเรียนเมืองนอก หลายๆ วิชาไม่มีคำตอบสุดท้ายแต่อาจารย์ให้แต่ละคน อธิบายเหตุผลว่าทำไมเราถึงคิดอย่างงั้น อาจารย์จะคอยหาจุดอ่อนของความคิดเรา โดยทั้งห้องก็ตั้งใจฟังเราอธิบาย ไม่มีใครหัวเราะเยาะความคิดเรา แต่พยายามทำความเข้าใจมุมมองของอีกฝ่าย
แต่ในเอเชีย (และที่ไทยค่อนข้างเปลี่ยนช้ากว่าเพื่อน) ผมจำได้ตอนเด็กๆผมใช้วิธีเดาใจอาจารย์ หรือเพื่อนส่วนใหญ่ตอบอะไร ถึงเราคิดว่าผิดก็ตอบไปพร้อมๆกับเค้า เพราะกลัวโดนหัวเราะ กลัวโดนหาว่า "โง่" ไมไม่คิดเหมือนกรู คิอมาได้ไงว่ะ!!
มนุษย์ถูกสร้างมาให้แตกต่างและมันเป็นสิ่งที่ดี หากทุกๆคนคิดเหมือนกันหมดคงไม่มี Albert Einstein Steve Jobs และคนดังอื่นๆอีกมากมาย ที่เห็นต่างจากคนอื่น
สรุปประเทศไทยคงไม่เหมาะกับประชาธิไตย ถ้ายังไม่มีระบบมาคัดกรองเสียงส่วนมากได้ดีกว่านี้ (จะเป็นระบอบไหนผมก็ไม่มีคำตอบ) เข้าใจเลยว่าฝ่ายคุณสุเทพไม่มีทางเลือกและทำเพื่อประเทศ และผมเองก็ไม่ happy กับการกระทำของรัฐบาลเหมือนกันที่มี agenda แฝง
แต่ต้องหาวิธีขจัดความเกลียดชังนี้ออกไปจากใจคนไทยทุกคนในระยะยาว หันมาเคารพความคิดต่าง ผมก็ไม่มีบทสรุป แต่เรื่มจากตัวเองละกัล -*-
ช่วยกันหยุดวัฒนธรรมนี้กันเถอะ
ด้วยความรู้ระบอบประชาธิปไตยอันน้อยนิด หากไม่ถูกขออภัย
ส่วนตัวผมคิดว่าทุกระบบมีช่องโหว่ และระบอบประชาธิปไตยเป็นระบอบที่ให้ความสำคัญกับเสียงข้างมาก ซึ่งถ้าถูกใช้กับประเทศที่มีคนไม่ดีมากกว่าคนดี ก็อาจทำให้คนไม่ดีอำนาจในการทำผิดอย่างชอบธรรม หากเค้าสามารถคุมเสียงข้างมากได้ (หรือ lobby ฝ่ายที่คานอำนาจได้) ซึ่งกำลังเกิดกับประเทศไทยที่รัฐบาลคุมเกมในสภาได้แบบเบ็ดเสร็จเพื่อกำลังจะบรรลุเป้าหมายตัวเอง (ซึ่งรัฐบาลดีก็ดีไป แต่ถ้าไม่ดีละ??!!) ซึ่งเมื่อเป็นอย่างนี้ทำให้ฝ่ายตรงข้ามจำเป็นต้องตอบโต้นอกสภา และมันก็เป็นสิทธิ์ของฝ่ายตรงข้ามเช่นกัน
ที่ไม่ชอบและเป็นมาเนิ่นนานคือวัฒนธรรมพวกมากชนะ (ทั้งแดงทั้งเหลืองก็ทำกันทั้งคู่ และกลุ่มไหนๆที่กำลังจะมีมาอีก ในช่วงชีวิตเราจะเจออีกกี่สี) ถึงครั้งนี้คุณสุเทพชนะ ต่อไปเดี๋ยวแดงก็มาอีก (ทีใครทีมัน)
และวัฒนธรรมการใช้สื่อปลุกปั่น ที่ผ่านมาทั้งสองฝ่ายมีการใช้สื่อเพื่อปลุกปั่นประชาชน ซึ่งเนื้อหาของสื่อแฝงไปด้วยอารมณ์ความเกลียดชัง ทำให้สังคมแตกแยกเป็นสองฝ่ายชัดเจน มีช่อง Cable เป็นของตัวเอง และยังพยายามให้สื่อกระแสหลักเป็นฝั่งตัวเองอีก อันนี้เค้าใช้กันในสงคราม หรือเราอยู่ในสงครามตลอดมา เพียงแต่ไม่รู้ตัว??
เราต้องช่วยกันเปลี่ยนความเกลียดชังนี้เป็นการเคารพความคิดที่แตกต่างซึ่งเป็นสิ่งที่ขาดไปในสังคมเราทุกหย่อมย่าน พยายามเปลี่ยนเสียงที่อยู่ในใจว่า แดงแมร่งโง่ หรือคนไปกับสุเทพแมร่งโง่ มาเป็นการเคารพต่อความคิดซึ่งกันและกัน
ตอนผมเรียนเมืองนอก หลายๆ วิชาไม่มีคำตอบสุดท้ายแต่อาจารย์ให้แต่ละคน อธิบายเหตุผลว่าทำไมเราถึงคิดอย่างงั้น อาจารย์จะคอยหาจุดอ่อนของความคิดเรา โดยทั้งห้องก็ตั้งใจฟังเราอธิบาย ไม่มีใครหัวเราะเยาะความคิดเรา แต่พยายามทำความเข้าใจมุมมองของอีกฝ่าย
แต่ในเอเชีย (และที่ไทยค่อนข้างเปลี่ยนช้ากว่าเพื่อน) ผมจำได้ตอนเด็กๆผมใช้วิธีเดาใจอาจารย์ หรือเพื่อนส่วนใหญ่ตอบอะไร ถึงเราคิดว่าผิดก็ตอบไปพร้อมๆกับเค้า เพราะกลัวโดนหัวเราะ กลัวโดนหาว่า "โง่" ไมไม่คิดเหมือนกรู คิอมาได้ไงว่ะ!!
มนุษย์ถูกสร้างมาให้แตกต่างและมันเป็นสิ่งที่ดี หากทุกๆคนคิดเหมือนกันหมดคงไม่มี Albert Einstein Steve Jobs และคนดังอื่นๆอีกมากมาย ที่เห็นต่างจากคนอื่น
สรุปประเทศไทยคงไม่เหมาะกับประชาธิไตย ถ้ายังไม่มีระบบมาคัดกรองเสียงส่วนมากได้ดีกว่านี้ (จะเป็นระบอบไหนผมก็ไม่มีคำตอบ) เข้าใจเลยว่าฝ่ายคุณสุเทพไม่มีทางเลือกและทำเพื่อประเทศ และผมเองก็ไม่ happy กับการกระทำของรัฐบาลเหมือนกันที่มี agenda แฝง
แต่ต้องหาวิธีขจัดความเกลียดชังนี้ออกไปจากใจคนไทยทุกคนในระยะยาว หันมาเคารพความคิดต่าง ผมก็ไม่มีบทสรุป แต่เรื่มจากตัวเองละกัล -*-