เราได้ยินชื่อ
สุกี้ตี๋น้อย แล้วคิดถึงภาพร้านบุฟเฟต์คนแน่นทุกวัน แต่รู้ไหมครับว่า... “ตี๋น้อย” ก็เคยมีแบรนด์ลูกที่
ไม่สำเร็จ มาก่อน
ชื่อว่า
Teenoi Express
Teenoi Express เป็นร้านบุฟเฟต์สายพานแบบพรีเมียมราคาหัวละ 439 บาท มีเมนูอย่างเนื้อวากิว กุ้งแก้ว ลิ้นวัว เปิดสาขาแรกที่ Avenue Major รัชโยธิน
แต่ตอนนี้... ปิดตัวไปแล้ว และถูกแทนที่ด้วยแบรนด์ใหม่ชื่อ
Teenoi Gold ที่ไม่มีสายพานอีกต่อไป
คุณ
เฟิร์น-นัทธมน พิศาลกิจวนิช ผู้ก่อตั้งสุกี้ตี๋น้อยเล่าประสบการณ์ตรงในงาน “ลงทุนแมน SUMMIT 2025” ซึ่งถือเป็นเคสศึกษาน่าสนใจมากสำหรับคนทำธุรกิจอาหาร
💡 สรุป 3 บทเรียน จากเคส “Teenoi Express”
1. ชื่อแบรนด์ ต้องสะท้อน “Positioning” ให้ชัด
คำว่า “Express” ให้ภาพความเร็ว ความสะดวกซึ่งไม่สอดคล้องกับแนวคิด “พรีเมียมบุฟเฟต์” ที่ร้านต้องการสื่อลูกค้าหลายคนเลย “ไม่เข้าใจว่าแบรนด์นี้ขายอะไรแน่”สุดท้ายเลยปรับมาใช้ชื่อ “Teenoi Gold” แทน คำว่า Gold ให้ภาพลักษณ์หรูหรา ตรงกับตลาดพรีเมียมมากกว่า
2. ต้องตอบ “Emotional Benefit” ของลูกค้าได้
ลูกค้าของสุกี้ตี๋น้อยไม่ได้ต้องการแค่อิ่มหรือคุ้มแต่ยังต้องการ “ช่วงเวลาคุณภาพ” กับเพื่อนหรือครอบครัวโมเดลของ Teenoi Express ที่นั่งเป็นบาร์แถว ๆ เลยไม่ตอบโจทย์เท่าโต๊ะกลมที่นั่งคุยได้ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของแบรนด์ต้นฉบับ
3. ธุรกิจต้องคิดเผื่อ “การขยาย (Scale)” ตั้งแต่แรก
Teenoi Express ไม่ขาดทุน แต่ขยายยากเพราะรูปแบบร้านซับซ้อน ลงทุนสูง และต้องใช้พื้นที่มาก เลยตัดสินใจปิดและหันไปทำ “Teenoi Gold” ที่สามารถขยายสาขาได้จริงในอนาคต
สรุปสั้น ๆ
“Teenoi Express” อาจไม่สำเร็จในเชิงธุรกิจ แต่ถือเป็น “Learning Brand” ที่ทำให้ผู้บริหารได้เรียนรู้ว่า
ชื่อแบรนด์ต้องสื่อสารชัด, ต้องเข้าใจลูกค้า และต้อง Scale ได้จริง
ที่มา
BrandCase
Teenoi Express เคสที่ไม่สำเร็จของสุกี้ตี๋น้อย บทเรียนราคาแพงแต่มีคุณค่าของคนทำธุรกิจร้านอาหาร
ชื่อว่า Teenoi Express
Teenoi Express เป็นร้านบุฟเฟต์สายพานแบบพรีเมียมราคาหัวละ 439 บาท มีเมนูอย่างเนื้อวากิว กุ้งแก้ว ลิ้นวัว เปิดสาขาแรกที่ Avenue Major รัชโยธิน
แต่ตอนนี้... ปิดตัวไปแล้ว และถูกแทนที่ด้วยแบรนด์ใหม่ชื่อ Teenoi Gold ที่ไม่มีสายพานอีกต่อไป
คุณ เฟิร์น-นัทธมน พิศาลกิจวนิช ผู้ก่อตั้งสุกี้ตี๋น้อยเล่าประสบการณ์ตรงในงาน “ลงทุนแมน SUMMIT 2025” ซึ่งถือเป็นเคสศึกษาน่าสนใจมากสำหรับคนทำธุรกิจอาหาร
💡 สรุป 3 บทเรียน จากเคส “Teenoi Express”
1. ชื่อแบรนด์ ต้องสะท้อน “Positioning” ให้ชัด
คำว่า “Express” ให้ภาพความเร็ว ความสะดวกซึ่งไม่สอดคล้องกับแนวคิด “พรีเมียมบุฟเฟต์” ที่ร้านต้องการสื่อลูกค้าหลายคนเลย “ไม่เข้าใจว่าแบรนด์นี้ขายอะไรแน่”สุดท้ายเลยปรับมาใช้ชื่อ “Teenoi Gold” แทน คำว่า Gold ให้ภาพลักษณ์หรูหรา ตรงกับตลาดพรีเมียมมากกว่า
2. ต้องตอบ “Emotional Benefit” ของลูกค้าได้
ลูกค้าของสุกี้ตี๋น้อยไม่ได้ต้องการแค่อิ่มหรือคุ้มแต่ยังต้องการ “ช่วงเวลาคุณภาพ” กับเพื่อนหรือครอบครัวโมเดลของ Teenoi Express ที่นั่งเป็นบาร์แถว ๆ เลยไม่ตอบโจทย์เท่าโต๊ะกลมที่นั่งคุยได้ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของแบรนด์ต้นฉบับ
3. ธุรกิจต้องคิดเผื่อ “การขยาย (Scale)” ตั้งแต่แรก
Teenoi Express ไม่ขาดทุน แต่ขยายยากเพราะรูปแบบร้านซับซ้อน ลงทุนสูง และต้องใช้พื้นที่มาก เลยตัดสินใจปิดและหันไปทำ “Teenoi Gold” ที่สามารถขยายสาขาได้จริงในอนาคต
สรุปสั้น ๆ
“Teenoi Express” อาจไม่สำเร็จในเชิงธุรกิจ แต่ถือเป็น “Learning Brand” ที่ทำให้ผู้บริหารได้เรียนรู้ว่า ชื่อแบรนด์ต้องสื่อสารชัด, ต้องเข้าใจลูกค้า และต้อง Scale ได้จริง
ที่มา BrandCase