สื่อดังจัด "มวยไทย" รั้งอันดับ 2 ศิลปะการต่อสู้อันตรายที่สุดในโลก แพ้อันดับ 1 ที่คนไม่ค่อยรู้จัก!



ศิลปะการต่อสู้ที่อันตรายที่สุด (Top 5 ศิลปะการต่อสู้ที่อันตรายที่สุด) จากเว็บไซต์ vocal.media

หลายคนมองศิลปะการต่อสู้ผ่านมุมของวินัย การควบคุมตนเอง และความงามทางกายภาพ
ไม่ว่าจะจากภาพยนตร์หรือเวทีการแข่งขัน แต่เบื้องหลังความสง่างามนั้น
มีจุดเริ่มต้นที่ดิบและจริงจังกว่าเสมอ นั่นคือการต่อสู้เพื่ออยู่รอด

ประวัติศาสตร์ของศิลปะการต่อสู้มักถูกหล่อหลอมด้วยเลือดบนสนามรบ การนัดประลอง และประสบการณ์จากนักรบรุ่นแล้วรุ่นเล่า
แม้ว่าศิลปะหลายแขนงจะพัฒนาเป็นกีฬาหรือการออกกำลังกาย
แต่บางระบบยังคงยึดมั่นในความดุดันดั้งเดิม ถูกออกแบบมาเพื่อยุติศัตรูอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

บทความนี้จะพาไปดู 5 อันดับศิลปะการต่อสู้ที่ถือว่ามีความอันตรายมากที่สุด 
โดยพิจารณาจากความร้ายกาจในสนามรบ ความเป็นไปได้ในสถานการณ์จริง และความสามารถทำลายล้างเมื่อปะทะจริง


1. Krav Maga — ศิลปะการต่อสู้จากอิสราเอล

จุดเด่น: ปลดอาวุธ, การโจมตีจุดอ่อน และการตอบโต้ที่ไร้ข้อจำกัด

Krav Maga (คราฟ มากา) ถูกออกแบบมาเพื่อใช้จริงในสถานการณ์อันตราย แนวคิดหลักคือทำให้ภัยคุกคามสิ้นสุดทันที
ไม่ยึดติดกับกติกาแบบกีฬา จึงมีการสอนเทคนิคที่ถือว่า "สกปรก" ในความหมายของศิลปะการต่อสู้แบบมีพิธี
เช่น การถีบอัณฑะ การกดคอ และการโจมตีจุดสำคัญ

เทคนิคเหล่านี้มีประสิทธิภาพสูงในสถานการณ์ฉุกเฉินและได้รับการนำไปใช้ในหน่วยงานความมั่นคงหลายแห่ง


2. Muay Thai — มวยไทย ศิลปะแปดแขนง

จุดเด่น: ศอก, เข่า, ช่วงชก และการควบคุมระยะใกล้

มวยไทย พัฒนามาจากศิลปะการต่อสู้บนสนามรบ ฝึกสภาพร่างกายอย่างเข้มข้นเพื่อทำให้ร่างกายเป็นอาวุธ
การโจมตีด้วยศอกและเข่าที่ระยะใกล้มีความรุนแรงสูง และการฝึกคอนดิชันทำให้ผู้ฝึกทนต่อการถูกตีหนักได้

ระบบนี้จึงมีความสามารถในการสร้างความเสียหายร้ายแรงทั้งในสังเวียนและสถานการณ์จริง


3. Lethwei — การต่อสู้แบบดิบจากเมียนมา

จุดเด่น: หัวชนได้, ชกเปลือยมือ และกติกาที่เน้นผลลัพธ์แบบน็อกเอาต์

Lethwei (เลตเว) โดดเด่นด้วยการใช้หัวชนเป็นอาวุธและการชกด้วยมือเปล่า ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บรุนแรง

การต่อสู้แบบนี้มักจบลงด้วยการน็อกเอาต์เท่านั้น ทำให้สังเวียนเต็มไปด้วยเลือดและการกระทบกระเทือนที่อาจยาวนานต่อผู้ถูกต่อย


4. Brazilian Jiu-Jitsu (BJJ) — การควบคุมบนพื้นและการบีบคอ

จุดเด่น: การล็อกข้อต่อ, การบีบคอ และการควบคุมตำแหน่ง

BJJ (บราซิเลียน ยูยิตสู) ไม่เน้นการชก แต่เน้นการควบคุมและการบังคับให้ยอมแพ้ด้วยการล็อกหรือบีบคอ
เทคนิคการหายใจที่ถูกปิดกั้นสามารถทำให้คู่ต่อสู้หมดสติได้ภายในเวลาอันสั้น

ในสถานการณ์จริงการควบคุมลักษณะนี้อาจนำไปสู่การเสียชีวิต
หากใช้อย่างไม่ระมัดระวังหรือไม่มีการปลดล็อกเมื่อคู่ต่อสู้ไม่สามารถส่งสัญญาณยอมแพ้ได้


5. Silat — ศิลปะอาวุธแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

จุดเด่น: อาวุธมีคม, การเคลื่อนไหวลวงตา และการโจมตีจุดสำคัญ

ซิลัต รวมหลายสำนักที่สอนการใช้อาวุธมีคม เช่น กริช หรือมีดคารัมบิท
พร้อมท่าโจมตีที่เน้นการตัดเส้นเลือดหรือทำลายการทำงานของข้อต่อ

นอกจากนี้ยังสอนฝึกการโจมตีแบบลับๆ และการลอบสังหาร
ซึ่งทำให้ซิลัตมีความอันตรายในบริบทของการสู้แบบใกล้ชิด

บทสรุป

ศิลปะการต่อสู้ทั้ง 5 ประเภทนี้สะท้อนให้เห็นว่า "ศิลปะการต่อสู้ที่อันตรายที่สุด" 
มักเกิดจากความต้องการเอาชีวิตรอดและความจำเป็นของการสู้รบ

เมื่อฝึกฝนอย่างถูกต้อง ศิลปะเหล่านี้ให้ทั้งทักษะการป้องกันตัวและความสามารถเชิงยุทธวิธี
แต่ก็ต้องเข้าใจถึงหน้าที่และความรับผิดชอบในการใช้อาวุธทางร่างกาย การฝึกกับครูผู้เชี่ยวชาญและการใช้อย่างมีจริยธรรมเป็นสิ่งจำเป็นเสมอ
แหล่งที่มา : sanook.com

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่