ผีล่ากรรม ( บทที่ ๑๒ )

กระทู้สนทนา
บทที่ ๑๑    http://pantip.com/topic/31290190

ขอบคุณทุกเสียง ทุกความรู้สึกที่ส่งผ่านมาถึงผู้เขียนเรื่องนี้





บทที่  ๑๒



       เช้าวันอาทิตย์ กัญญาจัดการหาช่างซ่อมประตูรั้วหน้าบ้านเสร็จเรียบร้อยแล้ว หล่อนขับรถไปโรงพยาบาลเพื่อฟังผลอาการของบิดา ซึ่งเขายังปวดศีรษะอยู่ไม่หาย และมีรอยฟกช้ำที่ใบหน้ากับลำตัว ปรากฏขึ้นมาพร้อมกับความเจ็บปวดในตำแหน่งที่ฟกช้ำ นายแพทย์ผู้ดูแลยังให้นอนโรงพยาบาลต่ออีกระยะหนึ่ง

       หล่อนนั่งอยู่เป็นเพื่อนมารดาพักใหญ่ จึงได้บอกความประสงค์ที่จะเดินทางไปวัดศรีมงคล และเมื่อถูกซักถามถึงเหตุผล กัญญาก็ตอบตามตรงว่ามีธุระอยากไปพบแม่ชีอัมพร หากหล่อนมิได้ชี้แจงถึงเหตุผลแท้จริง

      หญิงสาวขับรถเข้าไปจอดในบริเวณลานวัด รีบเดินไปยังสระบัวท้ายวัด มีอันต้องประหลาดใจขึ้นมาอีกวาระหนึ่ง เมื่อพบต้นกับต่อกำลังนั่งคุยกันอยู่ที่ม้าหินโคนต้นไทร

      “มาวัดทำอะไรกันคะ พี่ต้น พี่ต่อ” กัญญาเข้าไปทักทาย

      สองหนุ่มไม่ได้ตอบคำถามของหญิงสาว หากตั้งคำถามกลับมาทันที

      “ลุงพลเป็นยังไงบ้างครับ เมื่อเย็นวานพี่ได้ยินชาวบ้านพูดกัน รีบวิ่งเข้าไปดูที่บ้านน้องกัญ แต่ป้า ๆ แถวนั้นบอกว่าไปโรงพยาบาลแล้ว ก็เลยได้แต่ช่วยกันยกประตูเหล็กปิดบ้านไว้ให้” ต้นพูด

       “สงสัยจะเป็นข่าวดังไปทั้งซอย” กัญญาบอกยิ้ม ๆ ทรุดตัวนั่งบนม้าหิน “หมอยังให้นอนโรงพยาบาลดูอาการอยู่ค่ะ แต่ก็คงไม่เป็นอะไรมาก เพราะไม่มีบาดแผลอะไร”

       “ไม่ใช่เลือดออกข้างใน หรือกะโหลกร้าวอะไรนะครับ” ต่อพูดหน้าเจื่อน ๆ

       “ตรวจดูแล้วไม่พบอะไรผิดปกติค่ะ”

      “โชคยังดีว่าเหล็กประตูบ้านไม่ใช่เหล็กตันหรืออัลลอยนะครับ ของหนัก ๆ แบบนั้นเล่นงานเจ้าของบ้านจอดคาที่มาเยอะแล้ว ขอให้ลุงพลหายวันหายคืน จะได้กลับบ้านเร็ว ๆ นะครับ” ต้นกล่าว

        “น้องกัญเห็นพี่ชายผมพูดแจ้ว ๆ แบบนี้ เพิ่งรอดตายมาอย่างหวุดหวิดเหมือนกันนะครับ” ต่อยกข้อศอกกระทุ้งเอวพี่ชายเบา ๆ อย่างสัพยอก

        “อ้าว มีอุบัติเหตุอะไรเหมือนกันหรือคะ”

        “อย่าพูดเลยน่า ต่อ” พี่ชายรีบปรามน้องชาย

       หญิงสาวคิดว่าเป็นเรื่องส่วนตัวที่สองหนุ่มคงไม่อยากกล่าวถึง ก็มิได้ซักไซ้อันใดต่อ หล่อนยกข้อมือดูนาฬิกาและเอ่ยขอตัวกับชายหนุ่ม

       “กัญขอตัวก่อนนะคะ มีเรื่องจะต้องเข้าไปหาแม่ชีค่ะ”

       “อย่าบอกนะครับว่า จะไปหาแม่ชีตาเห็นน่ะครับ ผมกับพี่ต้นก็กำลังจะเข้าไปหาท่านอยู่พอดี”

       คำพูดของต่อทำให้หญิงสาวรู้สึกสะดุดใจ ช่างเป็นเหตุบังเอิญถึงสองครั้งสองคราในการมาพบกับพวกเขาที่เกี่ยวเนื่องด้วยแม่ชีอัมพร

       “งั้นก็เข้าไปพร้อมกันเลยนะครับ” ต้นชักชวนพลางลุกขึ้นยืน “นี่พวกผมยังนั่งมองหาเพื่อนอยู่ กลัวว่าเข้าไปแล้วท่านจะไล่กลับบ้านแบบคราวที่แล้ว”

       กัญญาเดินเรื่อย ๆ ตามหลังสองหนุ่มเข้าสู่เขตที่พำนักของแม่ชี พอได้พบหน้าแม่ชีอัมพร ท่านก็เอ่ยทักขึ้นด้วยถ้อยคำที่อยู่ในความคิดของกัญญา

       “บังเอิญมาพร้อมกันอีกแล้วซีนะ เมื่อคราวก่อนนี้ฉันจำได้ว่า สองบ้านนี้ก็บังเอิญมาพร้อมกัน” แม่ชีอัมพรทัก ใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส “วันนี้มาธุระอะไรกันอีกล่ะ”

       “เรื่องเก่าละครับ” ต้นตอบเสียงเบา “ไม่รู้ว่าท่านจะจำได้หรือเปล่านะครับ”

       “ความจำฉันเลอะ ๆ เลือน ๆ ตามวัย แต่อดีตผ่านไปแล้วก็ช่างมันเถอะ หวนคิดถึงมันก็ไม่ช่วยอะไรดีขึ้น มาว่าเรื่องวันนี้กันดีกว่า” แม่ชีมองหน้าผู้มาเยือนทั้งสาม

       “มันกลับมาเล่นงานผมหนักเลยครับ คราวนี้มาร้าย จะเล่นงานกันให้ถึงตายทีเดียว” ต้นเล่าเรื่องของตัวเอง

       “หน้าตามันเป็นยังไงล่ะ มาให้เห็นหน้า เห็นตัวกันชัด ๆ ยังงั้นเลยหรือ”

       กัญญาบอกตนเองว่า หล่อนมิได้คิดเข้าข้างตัวเองเลย ขณะมองดูผู้ทรงศีลแปดซึ่งนั่งอยู่เบื้องหน้า สายตาของท่านจับจ้องมาที่หล่อนบ่อยครั้งเป็นพิเศษ แม้เมื่อสนทนาอยู่กับชายหนุ่มทั้งสอง

       “ครับ คราวนี้มาแบบเห็นตัวจะ ๆ เลยครับ เป็นผีผู้หญิงห่มผ้าแถบ นุ่งโจงกระเบน” ต้นบอกด้วยท่าทางขยาด ๆ “มันโผล่มาบีบคอผมถึงในห้องนอน บอกว่าจะฆ่ากันให้ตาย”

      หญิงสาวนิ่วหน้า ความสงสัยผุดขึ้นในใจ หล่อนฟังเรื่องราวของต้นแล้วนึกไปถึงวิญญาณร้ายที่ตนเองได้เผชิญหน้า มีลักษณะการแต่งกายเหมือนกับที่เขาได้บอกกับแม่ชี หล่อนมองหน้าแม่ชีอัมพร เห็นท่านจ้องมองหล่อนอยู่ก่อนแล้ว และยิ้มกว้างขึ้นกว่าเก่า

       “ก็เห็นยังไม่ตายนี่ ยังอยู่สบาย ถึงมานั่งอยู่ตรงนี้กันได้” แม่ชีอัมพรกล่าวเนิบ ๆ

       “ถ้าผมไม่เข้าไปดูพี่ชาย ก็อาจตายไปแล้วนะครับ” ต่ออธิบายเสริมขึ้น “ตอนผมเข้าไปเจอพี่ เขานอนตาค้างเหมือนจะไม่หายใจแล้วด้วยครับ เขย่าตัวเรียกชื่อกันอยู่พักหนึ่ง ถึงได้สูดหายใจฟื้นขึ้นมา”

       “คนชะตายังไม่ถึงฆาต ยังไงก็ไม่ตายง่าย ๆ หรอก” แม่ชียิ้มในหน้า

       “ผมว่าผมรอดตายเพราะท่านนะครับ ตอนที่ผมโดนบีบคอหายใจไม่ออก ผมนึกถึงพุทโธ นึกถึงพระตามที่ท่านบอกไว้ครั้งก่อน”

       “วันนี้ก็เลยกลับมาหาฉัน” แม่ชีอัมพรพูดดักคอ

        ต่อหันมองหน้ากัญญาและถามขึ้นว่า

        “น้องกัญมาธุระเรื่องอะไรหรือครับ”

        หญิงสาวฟังแล้วไม่รู้จะตอบคำถามนั้นอย่างไร แต่แม่ชีอัมพรกลับเป็นผู้ตอบขึ้นเสียเอง

         “รายนั้นก็มาเรื่องเดียวกับพวกเธอนั่นแหละ”

         “เรื่องผีเหมือนกันหรือครับ น้องกัญ” ต้นหันขวับมาถาม นิ่งไปครู่หนึ่งราวกับใช้ความคิดแล้วจึงพูดต่อ “วันก่อนเห็นคุณป้ายังพูดถึงอยู่เหมือนกัน”

         “ใช่ค่ะ” กัญญาตอบรับแต่มิได้ขยายความ

        “วันนี้กลับมาหาฉัน ต้องการอะไรกัน” ผู้ทรงศีลแปดตั้งคำถาม

        “ขอท่านเมตตาชี้แนะ หาทางแก้ไขให้ด้วยเถอะครับ” ต้นยกมือประนม

         “ฉันบอกพวกเธอตั้งแต่คราวก่อนแล้ว แต่ก็ไม่มีใครฟัง” แม่ชีพูดเนือย ๆ

         “ถือศีลอยู่วัดอย่างงั้นหรือเจ้าคะ” กัญญาถามขึ้นก่อนใคร

          แม่ชีอัมพรยิ้มกว้าง นัยน์ตาเป็นประกายแจ่มใส

       “ทาน ศีล ภาวนา นั้น การเจริญภาวนาเป็นบุญใหญ่ที่สุดในสามข้อนี้ พวกเธอจงไปถือศีลภาวนาสร้างสมบุญให้ตัวเอง แล้วก็เผื่อแผ่อุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรเขาไปเสีย อะไร ๆ ก็จะได้ดีขึ้น”

         “คราวนี้ผมคงต้องยอมเข้าวัดแล้วมังครับ” ต้นพูด “ผมค้าขายกลางคืน มัวแต่นั่งคอยระแวงความมืด อยู่ไม่เป็นสุขเลยครับ”

         ต่อหัวเราะตามหลังคำพูดของพี่ชาย

        “อย่ามาหัวเราะนะต่อ ถ้านายเจอเข้ามั่ง สงสัยจะรีบวิ่งแจ้นเข้าโบสถ์เลยมั้ง ไม่ใช่แค่เข้าวัดหรอก”

        “ผมก็เคยเจอมาแล้วนะครับ แต่ไม่หนักหนาเท่าพี่”

         กัญญาพิจารณาดูตัวเอง หล่อนผ่านเรื่องลี้ลับ ทั้งเหตุการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้นกับคนในครอบครัว และวิญญาณร้ายนั้นยังได้ประกาศจะเอาชีวิตหล่อนให้ได้ หล่อนเองก็คงถึงเวลาต้องเข้าวัดสร้างสมบุญบารมีเช่นกัน

         หล่อนมิได้คิดว่าการเข้าวัดครั้งนี้ทำไปเพื่อลบล้างกรรม หรือหวังจะให้วิญญาณร้ายนั้นให้อภัยหล่อนจนวางมือเลิกราไป หากแต่หล่อนต้องการทำเพื่ออุทิศผลบุญให้ดวงวิญญาณที่อาฆาตผูกพันกันมาได้พบกับความสงบเย็น หล่อนบอกตัวเองว่านั่นคือจุดประสงค์สำคัญที่หล่อนจะเข้าวัดปฏิบัติธรรม ส่วนเรื่องผลของบาปกรรมเคยกระทำมานั้น หล่อนขอยอมรับผลทุกสิ่งที่จะติดตามมา

       “เริ่มเมื่อไหร่กันดีล่ะ” แม่ชีอัมพรถามขึ้น

       “วันนี้เลยเจ้าค่ะ” กัญญาตอบหนักแน่นเร็วไว เวลาแห่งความตายไม่เคยรอท่าใคร แล้วไยที่หล่อนจะต้องผัดผ่อนรอเวลาแห่งการกระทำกรรมดี

       “พวกผมก็ขอเริ่มวันนี้เหมือนกันครับ” ต้นบอก

      “ฉันขออนุโมทนากับจิตอันเป็นกุศลของทุกคนนะ ดีแล้ว ถูกแล้ว สาธุ สาธุ” แม่ชีกล่าว ใบหน้ายิ้มละไม

       “แล้วจะต้องทำยังไงบ้างคะ” กัญญาถาม

        “เตรียมชุดขาวกับของใช้ส่วนตัว มาแจ้งกับทายกหน้าวัดได้เลย เรื่องที่หลับที่นอนไม่ต้องห่วง ทางวัดมีส่วนที่พักให้ผู้มาถือศีลอยู่วัด
เพราะหลวงพ่อท่านสอนปฏิบัติตลอดอยู่แล้ว ถ้าพวกเธอไม่สะดวกวัดนี้ จะไปวัดไหนก็ได้นะ เดี๋ยวจะหาว่าฉันชักชวนคนเข้าวัดนี้เท่านั้น”

        “ที่นี่ก็สะดวกละครับ ใกล้บ้านดีด้วย อะไรก็พร้อมไปหมด” ต้นว่า

        หญิงสาวเห็นควรด้วยเช่นนั้น หล่อนกราบลาแม่ชีอัมพรออกมาพร้อมกับชายหนุ่มทั้งสอง โดยไม่หลงเหลืออะไรติดค้างอยู่ในความรู้สึก เพราะหล่อนมาพบแม่ชีอัมพรครั้งนี้ ก็มิได้มีจุดประสงค์อันใดเป็นพิเศษ หากเพียงแค่มาตามคำบอกของท่านเท่านั้น

       จิตใจของหล่อนยามนี้ปราศจากความห่วงกังวลกับเรื่องราวในอดีตชาติอย่างสิ้นเชิง หล่อนไม่คิดอยากค้นหาคำตอบอะไรเพิ่มเติม นอกจากสิ่งที่ได้รู้เห็นมาแล้ว หล่อนคิดว่าเป็นการเสียเวลาเปล่าที่จะไปขุดค้น รื้อฟื้น เรื่องอดีตส่วนตัวอันมิได้เป็นประโยชน์แก่สังคมวงกว้างแต่อย่างใด

        ชีวิตคนต้องเดินหน้า ค้นหาสิ่งที่สร้างความเติบโตทางจิตวิญญาณ มากกว่าการยึดติดหรือจมอยู่กับอดีต ซึ่งสร้างความเจ็บปวดและเป็นตัวถ่วงไม่ให้ก้าวไปสู่หนทางสายใหม่ที่ดียิ่งขึ้น
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่