ผีล่ากรรม ( บทที่ ๖ )

กระทู้สนทนา
บทที่   ๕     http://pantip.com/topic/31040932

(ขอบคุณทุกเสียง ทุกความรู้สึก ที่ส่งผ่านมาถึงผู้เขียนเรื่องนี้)





บทที่  ๖



          “คุณนิดครับ กัญออกไปธนาคารหรือครับ ผมผ่านมารอบหนึ่งแล้วไม่เห็นเธอเลย” เมธาวัฒน์ตัดสินใจเข้าไปนั่งสอบถามชนิษฐาถึงที่หน้าโต๊ะทำงาน

          “ไม่เห็นหน้าเจ้ากินข้าไม่ลงหรือไงคะคุณ” ชนิษฐาพูดยิ้ม ๆ มองดูนาฬิกาแขวนผนังเบื้องหน้าซึ่งบอกเวลา 10.20 น. แล้วจึงว่า “ยังไม่เที่ยงเลยค่ะ หิวแล้วหรือ”

              “เปล่าครับ ผมยังไม่หิว แต่ใจหวิว ๆ ที่ไม่ได้เห็นหน้ากัญ” ชายหนุ่มบอกพลางยกมือขึ้นกุมหน้าอกซ้ายของตัวเอง ใบหน้าขาวเรียวชื่นบานด้วยรอยยิ้มกว้างเห็นฟันขาวเรียงเรียบ

              “ต๊าย ดูท่าจะอาการหนัก ฉันว่าถ้ายายกัญแต่งงานกับคุณนี่อายุยืนถึงร้อยปีแน่นอน หัวเราะทุกวันหมอบอกว่าจะอายุยืนใช่มั้ยคะ” ชนิษฐาค่อนขอด แต่หัวเราะรื่นเริงกับท่าทางของชายหนุ่ม                    

           “ขอให้เป็นอย่างนั้นจริงเถอะครับ ถ้าผมได้แต่งงานกับกัญเมื่อไหร่ แล้วผมจะเอาหัวหมูมาแก้บนกับคุณ”

          “เอาผ้าสามสีมาผูกด้วยเลยดีมั้ย” ชนิษฐาพูดกลั้วหัวเราะ  “แหม ดีนะ ไม่มีมาลัยเจ็ดสีเจ็ดศอกมาให้ด้วย”

             “ถ้าคุณต้องการเดี๋ยวผมจัดให้ได้นะครับ”

              “พอเถอะคุณ ดิฉันไม่ได้เป็นเจ้าพ่อเจ้าแม่อะไรนะคะ ไม่ต้องเอามาให้ฉันหรอก” หญิงสาวค้อนให้ชายหนุ่ม แต่ริมฝีปากยังมีรอยยิ้ม

               “ตกลงกัญไปไหนหรือครับ” เมธาวัฒน์วกกลับเข้าเรื่องเดิม

              “เข้าไปจัดของที่ห้องเก็บวัสดุจ้ะ” ชนิษฐาบอกเสียงเรียบ รอยยิ้มจางหายไป  แต่เอียงศีรษะน้อย ๆ เม้มริมฝีปากพร้อมกับขมวดคิ้วเข้าหากัน “หายไปนานแล้วเหมือนกันนะ คุณตามเข้าไปดูสักหน่อยก็ดีค่ะ นิดจะละไปก็กลัวแขกเข้ามาแล้วไม่เจอใคร”

              “ครับ เดี๋ยวผมจะเข้าไปดูให้ ขอบคุณนะครับที่บอก” ชายหนุ่มค้อมศีรษะเล็กน้อยให้หญิงสาวก่อนลุกจากไป

             เมื่อถึงหน้าห้องเก็บวัสดุเมธาวัฒน์เห็นประตูห้องปิดสนิท ยื่นมือจับลูกบิดดูจึงรู้ว่าไม่ได้ล็อกไว้ เขาเปิดประตูก้าวเข้าไปภายในซึ่งสว่างด้วยแสงไฟ  รู้สึกแปลกใจเล็กน้อยที่ไม่มีเสียงความเคลื่อนไหวใด ๆ เลย

             “กัญครับ กัญอยู่ในนี้หรือเปล่า” เขาถามแล้วนิ่งรอครู่หนึ่ง  

          เมื่อไม่ได้รับคำตอบเขาก็ส่ายตามองหาหญิงสาวไปยังจุดต่าง ๆ

          “กัญครับ” เขารู้สึกไม่ไว้วางใจกับบรรยากาศของห้องจึงเรียกหาหญิงสาวซ้ำอีกครั้ง  พลางก้าวเท้าช้า ๆ เดินสำรวจตามช่องทางเดินระหว่างชั้นเหล็กเก็บของ  จนไปถึงมุมในส่วนลึกที่สุดของห้องเขาพบร่างของกัญญานอนเหยียดยาวอยู่บนพื้น

             “กัญ!” เมธาวัฒน์อุทานเสียงดัง ถลันเข้าไปนั่งลงข้างกายหญิงสาวเห็นใบหน้าหล่อนขาวซีดมีเหงื่อผุดขึ้นมาเต็มหน้าผาก ไรผมตรงขมับด้านขวายังปรากฏเลือดแดงคล้ำเป็นวงกว้าง

            เขารีบสอดแขนเข้าไปใต้ต้นคอกัญญา  ยกพยุงร่างของหล่อนเข้ามาไว้ในอ้อมกอดแนบกาย

            “กัญครับ กัญ” ชายหนุ่มเขย่าร่างหญิงสาวเบา ๆ เพื่อเรียกสติให้กลับคืนมา แต่หล่อนยังนอนแน่นิ่งทำให้เขาร้อนใจจนต้องคว้าสมุดเล่มบางจากพื้นขึ้นมาโบกลมช่วยอีกทางหนึ่ง

             กัญญาดูจะรู้สึกตัวขึ้นมาบ้างด้วยอาการลืมตาช้า ๆ แต่ยังไม่ทันไรเปลือกตากลับปิดสนิทลงดังเก่า

             “กัญ...กัญครับ นี่เมธเองนะ”

             หญิงสาวค่อย ๆ เผยอเปลือกตาขึ้นอีกครั้งจนเมธาวัฒน์แลเห็นตาดำหล่อนชัดเจน

             “เมธ ช่วยกัญด้วย!” หล่อนผวาเข้ากอดชายหนุ่ม

              “เกิดอะไรขึ้นหรือครับ” เขารีบถาม

              “ผีหลอก...ผีหลอกกัญค่ะ ผี...อยู่ในตู้” หญิงสาวบอกละล่ำละลัก

             เมธาวัฒน์จ้องมองตู้เอกสารหลายใบซึ่งฝาตู้ปิดสนิทด้วยความรู้สึกเย็นวาบภายในกาย

              “มันอยู่ในตู้นั้นค่ะเมธ...มันอยู่ในตู้” หล่อนพูดพลางชี้มือไปยังตู้เบื้องหน้า

              เขาไม่แน่ใจว่าภายในตู้นั้นจะมีอะไรอยู่จริงหรือไม่ แต่เขาอยากให้หล่อนคลายความกลัวจึงพูดปลอบใจหล่อน

             “ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมเข้ามาไม่เห็นมีอะไรเลย ผมอยู่กับกัญแล้ว ไม่ต้องกลัวนะครับ”

              “กัญเห็นจริง ๆ นะคะ มันอยู่ข้างในนั้น” หล่อนเสียงสั่นตัวสั่น

              เขาเป็นกังวลกับท่าทีของหล่อน อยากจะเดินเข้าไปเปิดฝาตู้ตรวจดู แต่คิดว่าบาดแผลของหล่อนน่าเป็นห่วงที่สุดในยามนี้

              “กัญบาดเจ็บ เราออกไปทำแผลกันก่อนนะครับ” เขาบอกพลางเหยียดกายลุกขึ้นยืนพร้อม ๆ กับช่วยพยุงร่างกัญญาให้ลุกขึ้นด้วย  พอหล่อนทรงตัวได้เขาก็พาเดินออกจากที่นั้นไปนั่งบนเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานของหล่อนเอง

             ชนิษฐามองหน้ากัญญาแล้วตาโตออกอุทานเสียงดัง

             “ยายกัญ เธอเป็นอะไรน่ะ!”

               “คุณนิดช่วยทำแผลให้เธอก่อนนะครับ คงจะเป็นลมแล้วไปกระแทกกับอะไรเข้า”

              ชนิษฐาลนลานหยิบกล่องยาชุดปฐมพยาบาลในตู้ด้านหลังถือออกมาวางบนโต๊ะแล้วลากเก้าอี้เข้าไปนั่งใกล้กัญญาที่ใบหน้ายังซีดเซียว

               “เมื่อคืนพักผ่อนน้อย หรือเมื่อเช้าไม่ได้กินข้าวเช้าจ๊ะ” ชนิษฐาซักถามพลางหยิบสำลีจากห่อมาแตะตรงขมับของเพื่อนสนิท “เอ ตอนเช้าเราก็ไปนั่งกินอาหารเช้าด้วยกันนี่นะ ไม่น่าหิวจนเป็นลม”

              “ฉันสบายดี  เป็นปกติดีทุกอย่าง แต่มีบางอย่างไม่ปกติอยู่ในตู้เก็บเอกสาร” กัญญาพูดโดยไม่มองหน้าชนิษฐา ใบหน้าหล่อนก้มต่ำมองมือตัวเองที่ประสานกันบนหน้าตัก

              “อะไรไม่ปกติ  ตู้เสียหรือไง” ชนิษฐาซักถามต่อ มือยังคงสาละวนเปลี่ยนสำลีซับเลือดตรงขมับของกัญญา

              “มีผีอยู่ในตู้นั้น มันออกมาหลอกฉัน” กัญญาบอกพลางเงยหน้ามองสบตาคู่สนทนา “เหมือนศพจมน้ำตาย บวมอืดน่าสะอิดสะเอียน มันอยู่ข้างในนั้น”

               “พระช่วย!” ชนิษฐาชะงักมือ ร้องอุทานแล้วดันเก้าอี้ตัวเองออกห่างจากเพื่อนสนิท

              เมธาวัฒน์คิดว่าชนิษฐาตกใจกับเรื่องที่กัญญาพูดถึง แต่เมื่อเห็นอาการมือสั่นค้างอยู่ในท่าเดิมของอีกฝ่ายเขาก็รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

             “มีอะไรหรือครับ คุณนิด”

               “คือ...คือว่า...” ชนิษฐาพูดกระอึกกระอัก “ยายกัญไม่ได้หัวแตกหรอกนะคะ ไม่มีบาดแผลอะไรเลย”

               “อย่าล้อเล่นนะครับคุณนิด แล้วเลือดมากจากไหน” ชายหนุ่มรู้สึกประหลาดใจไม่น้อยกับคำบอกเล่าของผู้ทำแผลให้กัญญา เขาลุกขึ้นเดินอ้อมหลังเก้าอี้ไปมองดูขมับด้านขวาของกัญญาซึ่งมิได้มีบาดแผลแต่อย่างใด !

              “เลือด...เลือดใคร...มา...มาจากไหนคะ  อย่าบอกนะว่า เลือด...ผะ...ผี” ชนิษฐาปากคอสั่น  ปล่อยสำลีเปื้อนเลือดหลุดจากนิ้วมือลงสู่พื้น

               เมธาวัฒน์พยายามคิดหาคำตอบด้วยเหตุผลอื่น แต่ก็หาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้

              “ว้าย! พระช่วย พระเจ้าช่วย ดูนั่นสิคะ” ชนิษฐาร้องลั่น ชี้นิ้วไปที่ก้อนสำลีบนพื้น  มันเปลี่ยนจากสีแดงชุ่มเลือดกลับกลายเป็นสีขาวสะอาดราวกับไม่เคยผ่านการใช้งาน

              ชายหนุ่มมองเห็นภาพนั้นแล้วประหลาดใจอยู่ไม่น้อย มองสำลีเปื้อนเลือดบนโต๊ะอีกกลุ่มหนึ่งก็เกิดปรากฏการณ์เดียวกัน

               กัญญาเงยหน้าสบตากับเมธาวัฒน์ หล่อนยกมือข้างหนึ่งไปบีบมือเขาจนแน่น

               “เขาไปแล้วมั้งครับ คงไม่มีอะไรแล้วละ” ชายหนุ่มพูดลอย ๆ พลางบีบมือหญิงสาวตอบ

                “ใครคะ ใครไปแล้ว” ชนิษฐารีบถาม

                เมธาวัฒน์ไม่รู้จะตอบว่าอย่างไร เขาจึงตอบเป็นกลาง ๆ ไปว่า “ก็...อย่างที่เราเข้าใจกันนั่นละครับ”

                กัญญาเม้มริมฝีปาก บีบมือชายหนุ่มอีกครั้งก่อนคลายมือออก แล้วหล่อนเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยสูดลมหายใจเข้ายาว ๆ

                “เมธกลับไปทำงานต่อเถอะค่ะ เดี๋ยวข้างบนจะวุ่นวายนึกว่าพนักงานหายตัวไปไหน” หล่อนบอกพลางก้มตัวเก็บก้อนสำลีบนพื้นขึ้นวางรวมกับอีกส่วนที่อยู่บนโต๊ะ กำทั้งหมดไว้ในมือแล้วลุกขึ้นนำไปทิ้งถังขยะหลังโต๊ะทำงาน

               ชายหนุ่มรู้ว่ากัญญาไม่ต้องการให้เขาเป็นห่วงกังวลกับหล่อนมากเกินไป เขาจึงเดินกลับขึ้นไปทำงานต่ออย่างเงียบ ๆ ถึงอย่างนั้นบางแวบความคิดเขาก็อดนึกถึงสีหน้าของหล่อนตอนฟื้นจากอาการหมดสติไม่ได้  คนเราจะต้องผ่านขีดขั้นความกลัวถึงเพียงไหนจนทำให้หมดสติลงได้ สิ่งที่ตามหลอกหลอนหล่อนนั้นคงไม่ธรรมดาเสียแล้ว

               เวลาผ่านไปจนใกล้เที่ยงวัน หญิงสาวผู้อยู่ในความคิดคำนึงของเมธาวัฒน์ส่งเสียงใส ๆ ผ่านมาทางโทรศัพท์ติดต่อภายใน นัดหมายถึงสถานที่กินอาหารกลางวันเรียบร้อยแล้วก็วางสายไป ทำให้เมื่อถึงเวลาพักกลางวันชายหนุ่มต้องเอ่ยปากแยกตัวออกมาจากเพื่อนร่วมงานซึ่งทานข้าวกลางวันด้วยกันประจำไปนั่งในศูนย์อาหารของห้างสรรพสินค้าฝั่งตรงข้ามบริษัท

                 ชนิษฐากับกัญญาเลือกสั่งราดหน้าเพราะไม่ต้องรอคิวนานเหมือนอาหารประเภทข้าวที่มีผู้รอเข้าคิวเป็นระเบียบบ้างยืนรวมกันเป็นกลุ่มบ้างตามหน้าร้านต่าง ๆ  เมธาวัฒน์เห็นภาพเหล่านั้นแล้วก็ตัดสินใจเลือกอาหารกลางวันแบบเดียวกับสองสาว เพราะเขาไม่ชอบการพาตัวเองเข้าไปเบียดเสียดในกลุ่มคนมาก ๆ

              กินอาหารกันหมดจานแล้วชนิษฐาก็เป็นผู้ตั้งกระทู้ถึงเหตุการณ์สยองขวัญของกัญญา

             “กัญ เธอคิดออกหรือยังว่าเลือดนั้นเป็นเลือดใครหรืออะไร”

              ผู้ถูกถามได้แต่เพียงส่ายหน้าเป็นคำตอบ

              “อาจจะเป็นเลือดหนู จิ้งจก หรือตุ๊กแกแถว ๆ นั้นโดนประตูตู้หนีบแล้วเลือดหยดใส่หน้าเธอหรือเปล่า”

               เมธาวัฒน์นึกขำกับความช่างคิดสรรหาคำตอบของชนิษฐา ซึ่งเขาเห็นว่าไม่มีทางเป็นไปได้เลย

               “ฉันไม่รู้ว่าเลือดใคร แต่สิ่งที่ฉันเจอคือผีแน่นอน” กัญญาพูดเสียงเบา “มันขู่จะเอาชีวิตฉันด้วยนะ”

               ชายหนุ่มอึ้งไปทันทีเมื่อกัญญาพูดจบ มองหน้าชนิษฐาเห็นมีอาการเช่นเดียวกับเขา และหล่อนยังเลิกคิ้วสูงทำตาโต

               “พูดแบบนี้เท่ากับบอกว่าเลือดนั้นเป็นเลือดผีน่ะสิ  นี่เธอทำให้ฉันกลัวห้องนั้นจนไม่กล้าเข้าไปแล้วนะ”

                 “ฉันพูดจริง ๆ นะนิด” กัญญากล่าวด้วยท่าทีจริงจัง

                “หรือว่าในตู้อาจจะมีผีสิง” ชนิษฐาแสดงความเห็น

                 “คุณนิดรู้ประวัติตู้พวกนั้นหรือเปล่าครับ” เมธาวัฒน์มุ่งประเด็นไปที่ตู้เอกสาร

                 “ก็รู้พอ ๆ กับยายกัญนั่นแหละค่ะ คุณอรุณีจัดซื้อใหม่ทั้งหมดเพราะนิดเห็นมีบิลรายการอยู่ในบัญชีทรัพย์สินของบริษัทด้วยค่ะ” ชนิษฐาชี้แจง “ถ้าเป็นของใหม่ก็ไม่น่าจะมีผีสิงนะคะ เพราะถ้ามีจริง ๆ พวกเราก็คงได้เจอกันมาบ้างแล้วก่อนหน้านี้”

                “น่าจะเป็นแบบนั้นนะครับ ส่วนมากของมือสองหรือเปลี่ยนเจ้าของมาหลายมือถึงจะมีเรื่องลึกลับอะไรทำนองนั้น” เขาตั้งข้อสังเกต

                “มันไม่ได้อยู่ในตู้หรอกค่ะ แต่มันไปได้ทุกที่ที่มันอยากไป” กัญญาพูดขึ้นบ้าง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่