นับวันยิ่งอ่านสัญญาณออกมาได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น จากกลุ่มต่าง ๆ ดังนี้
1. นักวิชาการระดับ ดร. มีตำแหน่งอธิการบดีของสถานบันการศึกษา ครูอาจารย์ แพทย์ ฯลฯ (บางกลุ่ม)
เขาอาจมองว่าตัวท่านนั้นมีความรู้สูง รู้จักแยกแยะ มีคุณธรรม รู้ดีกว่าคนอื่น ๆ ... จึงรับไม่ได้ที่จะมี รบ จากพรรคที่ตาสีตาสาเลือกมา
อาจเพราะเขามองว่าคนการศึกษาน้อย ด้อยปัญญา ย่อมไม่รู้จักอะไรดีอะไรชั่ว ไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมนักการเมือง จึงโดนหลอกได้ง่าย
ดังนั้น ... หากอยากให้การเมืองพัฒนาไป ต้องตัดสิทธิ หรือ ริดรอนสิทธิคนกลุ่มนี้ลง ให้สิทธิในการเลือกตั้งน้อยกว่าพวกตน
จะได้ถ่วงดุลได้ เพราะ คนเหล่านี้มักจะเลือกคนไม่ดีมาเป็น สส มาเป็น รบ.
ดังนั้นบัญญัติกันไปเลย ว่า ในประเทศไทยเราจะมีระบบวรรณะแบบอินเดีย สิทธิเสรีภาพจะแยกกันตามวรรณะ
จะได้เลิกมโนกันไปเสียทีว่าเราอยู่ในสังคมที่มีสิทธิ เสรีภาพเท่าเทียมกัน ... จะได้ชัดเจนว่า คนกลุ่มไหนต้องการอะไร
และจะได้ให้สากลโลกชัดเจนไปเลยว่าบ้านเมืองเราเป็นอย่างไร (ไม่ต้องไปกลัว อินเดียยังทำได้เลย)
2. นักสิทธิมนุษยชน ... ก็ชัดเจนกันไปเลยว่า จะรักษาสิทธิให้คนแต่ละกลุ่มแตกต่างกัน (อ้างอิงตามข้อ 1 ก็อาจจะเรียกได้สิทธิว่าตามวรรณะ)
จะได้เลิกเพ้อฝันเสียทีว่าท่านเหล่านั้นมองคุณค่าความเป็นมนุษย์แตกต่างกัน จะเป็นเดือดเป็นร้อนหากกลุ่มวรรณะสูงถูกคุกคามต่อสภาพ
ความสุขความสะดวกสบาย ... จะคอยกดหัวกลุ่มที่ถูกมองว่าต้องด้อยต้องใช้แรงงานว่าอย่าตีตนเสมอ ... ทำตัวดี ๆ เดี๋ยวจัดกิจกรรมเอา
โน่นนี่นั่นไปแจกไปให้
สากลโลกเขาจะได้ชัดเจนว่าสิทธิมนุษยชนในบ้านเราเป็นอย่างไร ... อย่าเอาแต่แอบ
3. นักการเมือง สส สว เอากันให้ชัดไปเลยว่า ... ว่าไม่เห็นด้วยกับการเลือกตั้งแบบ 1 คน 1 สิทธิ 1 เสียง ... เพราะคิดว่าคนส่วนใหญ่ไม่พร้อม
ดังนั้นเราต้องให้มีผู้เพียบพร้อมด้วยวิชา ด้วยคุณธรรม มาคิด มาเลือกให้ ว่าอะไรดี อะไรไม่ดี
และสรุปกันไปเลยว่าในประเทศไทยการปกครองจะประกอบไปด้วย รัฐบาลจากการแต่งตั้ง + วุฒิสภาจากการแต่งตั้ง + ตุลาการจากการแต่ง
ตั้ง และ ทั้งหมดอยู่ภายใต้การกำกับของ ตลก (จะได้บรรจุชัดในตำราไปเลย เดี่ยวเด็กๆจะงงเอา)
4. อื่น ๆ
เมื่อกล้าทำกันมาขนาดนี้แล้ว กล้าไหมที่จะพูดตรง ๆ กันไปเลยว่าอยากให้เป็นแบบไหน ... อย่าเอาแต่อ้างว่า
เราเป็นประชาธิปไตย (แต่ ... )
ทุกคนมีสิทธิ มีเสรีภาพ (แต่ ... )
ไม่แน่นะ พอแสดงความต้องการชัดเจน อะไร ๆ อาจดีขึ้นก็ได้ ... หรือมันอาจเป็นระบบเป็นรูปแบบที่เหมาะกับเราจริง ๆ ก็ได้
เพราะตอนนี้คนในประเทศ(บางส่วน)ก็เริ่มสับสนละว่าตกลงเราปกครองแบบไหนหว่า สิทธิเสรีภาพ มีอยู่จริงไหมหว่า
ต่างประเทศยิ่งแล้วใหญ่ ... เดาทางกันไม่ถูกเลยว่า ตกลงแล้ว ผู้มีอำนาจในการจะทำสัญญาใันใครกันแน่หว่า ... เกิดตกลงกันได้แล้วกลายเป็นอ้าว มีคนมีอำนาจกว่าคัดค้านข้อตกลง ... จะทำยังไง
ขอร้องขอชัด ๆ ... เลยนะ (คุณสุเทพก็เริ่มชัดเจนละ ... แต่ยังไม่ได้ present ชัด ๆ เรียกคนมาชุมนุมเอาแต่บอกว่าล้มล้างระบอบทักษิณ ... ขอให้ชัดอีกนิดว่า แล้วจะมีระบอบแบบไหนมาแทน ... ไม่ใช่ตอบแค่ว่าไม่รู้ ... รู้แต่วันนี้ต้องล้มให้ได้ก่อน ... เอ่อคุณสุเทพครับคนเขาจะทุบบ้านสร้างใหม่เขาก็ต้องมีแปลนว่าแล้วจะสร้างบ้านใหม่แบบไหนมาแทน ทุบ ๆ ไปก่อนแล้วค่อยคิด เกิดมันสร้างมาแล้วยิ่งแย่กว่าเก่าล่ะครับ จะทำอย่างไร ... ที่คุณสุเทพถามหาว่าทำไมหลาย ๆ คนยังไม่ออกไปร่วมกับคุณ ผมว่าก็น่าจะตรงจุดนี้ปหละครับว่า แล้ว ต่อไปมันจะยังไง จะดีกว่านี้จริงหรือ ... คุณยังไม่นำเสนอมาเลยนะ)
ขอร้องบางท่านล่ะไหนๆก็ไหนๆ ... พูดออกมาเลยว่าต้องการการปกครองแบบไหน อย่ามาแอบอ้างอยู่หลังคำว่าประชาธิปไตยอีกเลย
1. นักวิชาการระดับ ดร. มีตำแหน่งอธิการบดีของสถานบันการศึกษา ครูอาจารย์ แพทย์ ฯลฯ (บางกลุ่ม)
เขาอาจมองว่าตัวท่านนั้นมีความรู้สูง รู้จักแยกแยะ มีคุณธรรม รู้ดีกว่าคนอื่น ๆ ... จึงรับไม่ได้ที่จะมี รบ จากพรรคที่ตาสีตาสาเลือกมา
อาจเพราะเขามองว่าคนการศึกษาน้อย ด้อยปัญญา ย่อมไม่รู้จักอะไรดีอะไรชั่ว ไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมนักการเมือง จึงโดนหลอกได้ง่าย
ดังนั้น ... หากอยากให้การเมืองพัฒนาไป ต้องตัดสิทธิ หรือ ริดรอนสิทธิคนกลุ่มนี้ลง ให้สิทธิในการเลือกตั้งน้อยกว่าพวกตน
จะได้ถ่วงดุลได้ เพราะ คนเหล่านี้มักจะเลือกคนไม่ดีมาเป็น สส มาเป็น รบ.
ดังนั้นบัญญัติกันไปเลย ว่า ในประเทศไทยเราจะมีระบบวรรณะแบบอินเดีย สิทธิเสรีภาพจะแยกกันตามวรรณะ
จะได้เลิกมโนกันไปเสียทีว่าเราอยู่ในสังคมที่มีสิทธิ เสรีภาพเท่าเทียมกัน ... จะได้ชัดเจนว่า คนกลุ่มไหนต้องการอะไร
และจะได้ให้สากลโลกชัดเจนไปเลยว่าบ้านเมืองเราเป็นอย่างไร (ไม่ต้องไปกลัว อินเดียยังทำได้เลย)
2. นักสิทธิมนุษยชน ... ก็ชัดเจนกันไปเลยว่า จะรักษาสิทธิให้คนแต่ละกลุ่มแตกต่างกัน (อ้างอิงตามข้อ 1 ก็อาจจะเรียกได้สิทธิว่าตามวรรณะ)
จะได้เลิกเพ้อฝันเสียทีว่าท่านเหล่านั้นมองคุณค่าความเป็นมนุษย์แตกต่างกัน จะเป็นเดือดเป็นร้อนหากกลุ่มวรรณะสูงถูกคุกคามต่อสภาพ
ความสุขความสะดวกสบาย ... จะคอยกดหัวกลุ่มที่ถูกมองว่าต้องด้อยต้องใช้แรงงานว่าอย่าตีตนเสมอ ... ทำตัวดี ๆ เดี๋ยวจัดกิจกรรมเอา
โน่นนี่นั่นไปแจกไปให้
สากลโลกเขาจะได้ชัดเจนว่าสิทธิมนุษยชนในบ้านเราเป็นอย่างไร ... อย่าเอาแต่แอบ
3. นักการเมือง สส สว เอากันให้ชัดไปเลยว่า ... ว่าไม่เห็นด้วยกับการเลือกตั้งแบบ 1 คน 1 สิทธิ 1 เสียง ... เพราะคิดว่าคนส่วนใหญ่ไม่พร้อม
ดังนั้นเราต้องให้มีผู้เพียบพร้อมด้วยวิชา ด้วยคุณธรรม มาคิด มาเลือกให้ ว่าอะไรดี อะไรไม่ดี
และสรุปกันไปเลยว่าในประเทศไทยการปกครองจะประกอบไปด้วย รัฐบาลจากการแต่งตั้ง + วุฒิสภาจากการแต่งตั้ง + ตุลาการจากการแต่ง
ตั้ง และ ทั้งหมดอยู่ภายใต้การกำกับของ ตลก (จะได้บรรจุชัดในตำราไปเลย เดี่ยวเด็กๆจะงงเอา)
4. อื่น ๆ
เมื่อกล้าทำกันมาขนาดนี้แล้ว กล้าไหมที่จะพูดตรง ๆ กันไปเลยว่าอยากให้เป็นแบบไหน ... อย่าเอาแต่อ้างว่า
เราเป็นประชาธิปไตย (แต่ ... )
ทุกคนมีสิทธิ มีเสรีภาพ (แต่ ... )
ไม่แน่นะ พอแสดงความต้องการชัดเจน อะไร ๆ อาจดีขึ้นก็ได้ ... หรือมันอาจเป็นระบบเป็นรูปแบบที่เหมาะกับเราจริง ๆ ก็ได้
เพราะตอนนี้คนในประเทศ(บางส่วน)ก็เริ่มสับสนละว่าตกลงเราปกครองแบบไหนหว่า สิทธิเสรีภาพ มีอยู่จริงไหมหว่า
ต่างประเทศยิ่งแล้วใหญ่ ... เดาทางกันไม่ถูกเลยว่า ตกลงแล้ว ผู้มีอำนาจในการจะทำสัญญาใันใครกันแน่หว่า ... เกิดตกลงกันได้แล้วกลายเป็นอ้าว มีคนมีอำนาจกว่าคัดค้านข้อตกลง ... จะทำยังไง
ขอร้องขอชัด ๆ ... เลยนะ (คุณสุเทพก็เริ่มชัดเจนละ ... แต่ยังไม่ได้ present ชัด ๆ เรียกคนมาชุมนุมเอาแต่บอกว่าล้มล้างระบอบทักษิณ ... ขอให้ชัดอีกนิดว่า แล้วจะมีระบอบแบบไหนมาแทน ... ไม่ใช่ตอบแค่ว่าไม่รู้ ... รู้แต่วันนี้ต้องล้มให้ได้ก่อน ... เอ่อคุณสุเทพครับคนเขาจะทุบบ้านสร้างใหม่เขาก็ต้องมีแปลนว่าแล้วจะสร้างบ้านใหม่แบบไหนมาแทน ทุบ ๆ ไปก่อนแล้วค่อยคิด เกิดมันสร้างมาแล้วยิ่งแย่กว่าเก่าล่ะครับ จะทำอย่างไร ... ที่คุณสุเทพถามหาว่าทำไมหลาย ๆ คนยังไม่ออกไปร่วมกับคุณ ผมว่าก็น่าจะตรงจุดนี้ปหละครับว่า แล้ว ต่อไปมันจะยังไง จะดีกว่านี้จริงหรือ ... คุณยังไม่นำเสนอมาเลยนะ)