ขอแชร์เรื่องเล่าและประสบกราณ์ตอนบวชคะ (ความเชื่อส่วนบุคคล)

ออกตัวไว้ก่อนว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นมาหลายปีแล้วคะคิดอยู่นานว่าจะแชร์ดีมั้ย
แต่จุดประสงค์ของการแชร์เรื่องนี้ก็คือ เราอยากมาแชร์สิ่งดีๆที่เกิดขึ้นในขณะนั้น ไม่ได้จะงมงายหรือโน้มน้าวอะไร
บอกก่อนว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องผี ไม่ใช่เดจาวู ไม่ใช่การฝันเห็น แต่เป็นสิ่งที่เห็นกับตาเกิดขึ้นตรงหน้า
และเรื่องที่เราเล่านี้ เป็นความจริงทุกประการ

เอาละคะ เริ่มจากย้อนไปเมื่อประมาณสัก 3-4 ปีที่แล้ว
เราเริ่มสนใจศีกษาพุทธศาสนามาได้สักระยะนึงแล้ว เรานับถือพระพุทธองค์เป็นสรณะสูงสุด
ช่วงนั้นมีเวลาว่าง เราก็จะตรงปรี่ไปที่วัดเพื่อบวชรักษาศีล 8 ทันที 3 วันบ้าง 7 วันบ้าง วัน-2วันก็มี
มีช่วงนึงช่วงนั้นมีเวลาว่างเยอะ เราเลยตัดสินใจไปบวชรักษาศีล8 ที่วัดๆนึง ในต่างจังหวัดไม่ไกลจากกรุงเทพมากนัก
ครั้งนี้เราตัดสินใจที่จะบวช 9 วันคะ
วัดนี้เป็นวันที่อยู่ท่ามกลางภูเขา คือมีภูเขาล้อมรอบ
เราไปกับ รุ่นพี่ผู้หญิงสมมุติว่าชื่อ พี่ B และ หลานของพี่ B (เป็นผู้ชาย) สมมุติว่าชื่อน้อง A น้อง A นี่เพิ่งจะอายุได้ 15 ปีเท่านั้น
ก็ไม่มีอะไรก็ ดำเนินไปตามปกติ ของผู้ที่ไปรักษาศีล
ตื่น ตี3 กว่าๆ อาบน้ำล้างหน้า ขึ้นทำวัตรเช้า ประมาณตี4 กว่าๆ ปกติดีคะ

จนมีอยู่วันนึงด้วยความที่ทำวัตรเช้าเสร็จแล้ว กวาดลานวัดเสร็จแล้ว ช่วยแม่ชีทานปอกสายไฟเสร็จแล้ว
ก็ว่างๆกัน พี่ B เลยชวนเราว่า เราไปห้องสมุดของวัดไปหาหนังสือมาอ่านกันดีมั้ย
เราก็ไปกันคะ หนังสือที่เรายืมมาอ่านก็คือ พุทธโอวาส3เดือนก่อนปรินิพพาน ส่วนพี่ B หนังสือที่ได้มาก็คือ
"100 ปี พรหมปัญโญ" (ชื่อประมาณนี้แหละคะ เป็นหนังสือคำสอนของหลวงปู่ดู่ วัดสะแก)
(เดี๋ยวหนังสือเล่มนี้จะมีบทบาททีหลังคะ เอ่ยไว้ก่อน)
เราเป็นคนอ่านหนังสือเร็วอยู่แล้ว พุทธโอวาสที่เรายืมมาจากห้องสมุด เราใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงก็อ่านจบ
ก็ไม่มีอะไรคะ พอตกเย็นก็ทำวัตรเย็นปกติ
จนเช้าอีกวันนึง หลังจากทำอะไรเสร็จหมดแล้ว เราก็เริ่มว่างอีกแล้ว
พี่ B เคยมาที่วัดนี้แล้ว เลยบอกว่า เธอชวนเจ้าA ขึ้นไปบนเขาสิ บนเขาจะมีถ้ำที่ท่านเจ้าอาวาสองค์ก่อนนู้นนนนนนนน
ถ่านชอบไปนั่งวิปัสสนาที่นั้น คนขึ้นไปเยอะอยู่ เธอยังไม่เคยไป ขึ้นไปกับเจ้า A สิ
เราก็ชวน น้อง A ขึ้นไปบนเขา

พอไปถึงถ้ำนี้ คนก็ขึ้นมาเยอะอยู่คะ เราก็เข้าไปในถ้ำ พอชมถ้ำเสร็จ เราก็ออกมา
แล้วพอดีได้ยิน คนเค้าคุยกันว่า เนี่ยเดินไปอีกหน่อยจะมีอีกถ้ำนึง
ถ้ำนั้นสวยมาก ถ้าเอาไฟไปส่องกับหิน หินจะเป็นประกายระยิบระยับ
เราได้ยินก็หูพึ่งสิคะ อยากไปชม แต่ บริเวณนั้นเป็นป่า ป่าจริงๆคะ ไม่มีทางเดินคอนกรีตเลย
มีแต่ต้นไม้ และ ต้นไม้ เป็นป่าเลยอะคะ
แล้วจะไปยังไงละเนี่ย คิดในใจ แล้วก็จังหวะพอดี กับมีลุงคนนึง มาบวชเหมือนกัน
แกพูดกับคนในกลุ่มของแกแหละว่าแกจะไปถ้ำนี้ เราได้ยินก็เลยเข้าไปคุยว่า เราสองคนขอไปด้วยได้มั้ย
ลุงแกก็โอเค ไม่มีปัญหาอะไร
เราก็เดินตามลุงแกไปคะ 2 จนถึงถ้ำที่ว่านั้น พอชมถ้ำเสร็จ ลุงกับคณะของแก
บอกเราว่าจะนั่งภาวนาในถ้ำนี้ก่อน เรากับน้องA จะนั่งด้วยกันมั้ย?
ตอนนั้นเราเห็นว่า ใกล้เวลาเพลแล้ว เดี๋ยวจะไม่ได้กินข้าว (เห็นแก่กิน) เราเลยบอกลุงว่า
เราจะกลับไปวัดแล้ว ลุงแกก็บอกทางกลับมา บอกว่า เดินออกไปจากถ้ำ เดินตรงไปเรื่อยๆ จะเจอกุฏิพระ ข้างๆกุฏิพระจะมีบันได
ลงไปที่วัด (ซึ่งทางที่บอกไม่ใช่ทางเดิมที่ขึ้นมาตอนแรกนะคะ )

แล้วเราเลยเดินออกมาจากถ้ำ น้อง A ก็เป็นคนนำทางเราไป สองข้างทางมีแต่ต้นไม้ ที่เหมือนๆกันเต็มไปหมด
เรากับน้อง A เดินตรงไปเรื่อยๆ ก็ไม่เจอกุฏิพระที่ลุงแกว่า
แต่กลับเจอป้ายไม้เล็กๆ ที่ติดอยู่กับต้นไม้ว่า "เขาวงกต"
เรากับน้อง A หยุดชะงัก เราบอกน้องA ว่า A พี่ว่าเรามาผิดทางแล้วละ เราหันหลังกลับกันเถอะ
แต่น้อง A บอกว่า พี่ครับผมว่าเราน่าจะลองเดินดูอีกหน่อย อาจจะเจอกุฏิพระก็ได้
ปรากฏน้อง A ไม่ฟังคำพูดเราเลยคะ เดินตรงเข้าไปทางที่เขียนบอกว่า เขาวงกต
เราก็ได้แต่เดินตามน้อง A ไป สองข้างทางมีแต่ต้นไม้สูงใหญ่ขึ้นหนาทึบ เราไม่มีมือถือ น้องA ก็ไม่มีมี
เราไม่ได้พกอุปกรณ์สื่อสารขึ้นมาเลย มีแต่ตัว ยิ่งเดิน ยิ่งลึกไปเรื่อยๆ เดินกันนานพอสมควร
ก็ไม่เจอ กุฏิพระ เจอแต่ต้นไม้หนาทึบ ทางเดินก็ลำบากขึ้นเรื่อยๆ
เราพยายามจะบอกน้อง A หลายครั้งว่า A เรากลับกันเถอะ หันหลังกลับเถอะนะ
แต่เหมือนน้อง A จะไม่ฟังเราทั้งสิ้น กลับมุ่งหน้าเดินตรงไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีจุดหมาย


เดี๋ยวมาต่อนะคะ เรื่องนี้ค่อนข้างยาวคะ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 4
หลังจากนั้นเราก็ไม่รู้จะหาคำตอบให้กับเรื่องนี้ยังไง ใครใคร่เชื่อก็เชื่อ ใครใคร่ไม่เชื่อก็ไม่เชื่อคะ เราไม่สามารถบังคับใครได้

หลังจากกลับลงมาที่วัดเหตุกราณ์ก็ปกติคะดำเนินไปเรื่อยๆ
อย่างที่บอกตั้งแต่แรก เราอ่านหนังสือพุทธโอวาสก่อนปรินิพพาน จบแล้ว
เราก็เลยถามพี่ B ว่า หนังสือ 100 ปี พรหมปัญโญพี่ B อ่านจบยัง พี่ Bบอกว่ายัง แต่ถ้าเราจะเอาไปอ่านก็เอาไปได้
เราเลยเอามาอ่านคะ

ก่อนหน้านี้เราเคยได้ยินชื่อ หลวงปู่ดู่ มา 1 ครั้ง จากสหายธรรมท่านนึง
เราจำไม่ได้ว่าเค้าเล่าเรื่องหลวงปู่ว่ายังไง แต่เรารู้แค่ว่า สมองเรา จำได้แต่ชื่อ "หลวงปู่ดู่" จำได้แม่นเลยทีเดียวคะ

พอเราเอาหนังสือเล่มนี้มาอ่าน ตั้งแต่อ่านหน้าแรก เราวางหนังสือเล่มนี้ไม่ลงเลยคะ
ตั้งแต่หน้าแรก ยันหน้าสุดท้าย เราอ่านไปขนลุกไป น้ำตาคลอๆ ด้วยความปิติตลอด
ยิ่งอ่านเรายิ่งรู้สึกศรัทธาท่านมาก มากจริงๆคะ คำสอนของท่านง่ายๆ เข้าใจง่าย แต่เป็นเรื่องจริง และกินใจที่สุด

พอเราอ่านจบ ความศรัทธาต่อหลวงปู่ เกิดขึ้นมากมายจริงๆ
ตั้งแต่ตื่น ในหัวเรานึกถึงแต่หลวงปู่ดู่ จะทำอะไร จะนึกถึงท่าน คำสอนท่านตลอด
จนครบกำหนด 9 วันที่บวช เราก็ลาสิกขาแล้วกลับกรุงเทพ
กลับมาเราก็ยังนึกถึงท่านตลอด คิดในใจก็ดีนะ อืม ถือว่า เป้นสังฆานุสติ ไปในตัว

จนมีอยู่วันนึง เรานั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ อยู่ดีๆ เราก็นึกขึ้นมาในหัวว่า

หลวงปู่คะ หนูก็ไม่รู้ว่าทำไมหนูถึงศรัทธาหลวงปู่ได้มากมายขนาดนี้
ทั้งๆที่หนูแค่เคยอ่านคำสอนของหลวงปู่แค่ครั้งเดียว
สังขารหลวงปู่หนูก็เกิดไม่ทัน สงสัยหนูคงไม่มีบุญพอที่จะได้พบเจอสังขารธรรมของหลวงปู่มั่งคะ

แล้วตอนนั้นเราสาบานได้เลยว่า หน้าเวปที่เราเปิด เรากำลังอ่านเรื่องของหลวงพ่อฤาษีอยู่
แล้วข้างๆหน้าเพจนั้น มีรูปหลวงปู่ดู่ เราก็เพิ่งเห็นเราเลยคลิกเข้าไป
ปรากฏว่าไปเจอ คำที่หลวงปู่เคยพูดเอาไว้ว่า

หลังจากข้าตายไปแล้ว ลูกศิษย์ที่ไม่เคยพบท่านไม่ต้องเสียใจ และน้อยใจในวาสนาไม่มีโอกาสพบข้า ท่านได้อธิษฐานไว้ว่า
ผู้ใดที่เคยสร้างบุญสร้างกุศลมากับข้า เคยเป็นศิษย์เป็นอาจารย์เป็นลูกเป็นหลาน
สร้างบุญกุศลมากับข้ามา แม้ในชาตินี้ไม่ได้พบสังขารธรรมของข้า
แต่พอพบเห็นหลักธรรมคำสั่งสอนของข้า แล้วเกิดศรัทธา
คนผู้นั้นแหละเคยสร้างบุญสร้างกุศลมากับข้า เคยเป็นศิษย์เป็นอาจารย์เป็นลูกเป็นหลานของข้า
ขอให้ตั้งใจปฏิบัติธรรมะภาวนาไตรสรณคมณ์
พุทธัง สรณัง คัจฉามิ ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ สังฆัง สรณัง คัจฉามิ
เวลาเหลืออีกไม่มากแล้ว รีบพากันปฏิบัติเพื่อจะได้ไว้เป็นที่พึ่งในภายหน้า
ข้าจะคอยช่วยศรัทธาข้าจริงนับถือข้าจริง
แกคิดถึงข้า ข้าก็คิดถึงแก แกไม่คิดถึงข้า ข้าก็คิดถึงแก ข้าอยู่ใกล้ ๆ แกจำไว้


พอเราเห็นประโยคนี้ที่หลวงปู่เคยพูดไว้
ความปีติมันมาจากไหนมากมายไม่รู้
ขนลุกไปทั้งตัว ทั้งตัวจริงๆ น้ำตาไหลอาบหน้าเลยคะ

เหมือนเราเพิ่งคิด เพิ่งถามหลวงปู่ไป หลวงปู่ก็เมตตาตอบคำถามของเรามา
มันอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญ หรือไม่บังเอิญ เราก็ไม่อาจทราบได้

แต่ คำสอนของหลวงปู่เราก็ได้ยึดถือปฏิบัติเป็นต้นมา
เหมือนเวลาที่เรามีความคิดไม่ดี คำสอนของหลวงปู่ก็จะวิ่งเข้ามาในหัวอัตโนมัติ
เวลาปฏิบัติกรรมฐาน ก็เหมือนมีหลักให้คอยจับเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งหลัก


สุดท้ายนี้ ก่อนหน้านี้ชีวิตเรา เคยทำเรื่องไม่ดีมาไว้เยอะ ถึงจะไม่ใช่เลวแบบสุดๆ
ก็ถือว่าเป็นเรื่องไม่ดี
ก่อนหน้านี้ไม่เคยสนใจในหลักศาสนา
แต่พอเริ่มศึกษา ก็เหมือนทำให้ชีวิต ความคิด ทัศนคติของเราเปลี่ยนไป
อะไรหลายๆอย่างในชีวิตเราเปลี่ยนไป ยิ่งเริ่มศึกษาธรรมมะลึกซึ้งขึ้น
ก็ค่อยๆเข้าใจความเป็นจริงของชีวิตมากขึ้น
มีสติกับตัวมากขึ้น
ต้องขอบคุณที่ชีวิตนี้อย่างน้อยเราได้เกิดมาเจอหลักธรรมคำสอนของพระพุทธองค์
ได้มาเจอคำสอนของครูบาอาจารย์ทั้งหลาย ถึงแม้จะเกิดไม่ทันสังขารธรรมของท่าน
แต่คำสอนแนวทางปฏิบัติที่ท่านทิ้งไว้
ก็เป็นประโยชน์อย่างมากมายมหาศาลให้กับคนรุ่นหลังคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่