ธุรกิจเครือข่าย (Network Marketing)
พอดีมีเพื่อนผมหลายคน เบื่องานประจำ เลยไปทำธุรกิจเครือข่าย
บ้างก็พออยู่ได้ บ้างก็กลับไปสมัครงานใหม่ ผมเองสมัยเด็กๆ ก็เคยไปนั่งฟังมาหลายที่มากๆ Amway, Herberlife, Agel ฯลฯ ผมว่ามันน่าตื่นตาตื่นใจในแผนธุรกิจเค้ามาก ก็เลยตัดสินใจลองสมัครสมาชิก แต่ก็พบว่า ยิ่งเราทำมาก กลับไม่ได้มากตามที่ควรจะเป็น คนได้กลับเป็นต้นสาย และตัวบริษัท (ผมกำลังพูดถึงเครือข่ายแบบหลายชั้น)
ซึ่งเค้าจะมีการชักชวนด้วย วิธีหลากหลายรูปแบบ เช่น
- จะได้เป็นห้วนส่วนทางธุรกิจ
- จะมีเงินเท่านั้นถ้าทำตามแผน
- จะมีอิสระทางการเงิน อันเร็วไว พร้อมกับเวลาในการใช้ชีวิต
- ทำงานที่ไหนก็ได้
- ไม่มีนายจ้าง
- โปรดัก ดีมากกกก มีการรีวิว คนที่ใช้ให้ไปฟัง
- เอาคนที่ รวยๆ มาพูดให้ดู ว่ารวยยังไงจาก ธุรกิจนี้
- ect.
ซึ่งผมเองสมัยนั้นก็คล้อยตาม จนลืมมองความเป็นจริง ว่าจริงๆ แล้วทุกบริษัทในโลกล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นมาก็เพื่อขายและทำกำไร การตลาดแบบเครือข่าย ก็เป็นเพียงช่องทางการตลาดหนึ่งของบริษัท เพื่อหวังผลกำไรจากการขาย โดยใช้ "คุณ" เป็นคนทำเงินให้บริษัท นั่นเอง
สำหรับคนที่เบื่องานประจำ นั้นจริงๆ แล้วธุรกิจเครือข่าย สามารถทำรายได้คุณได้จริงครับ ซึ่งเงินนั้นมักจะมาจากสามทางหลัก คือ
1) จากคนที่มาสมัครสมาชิก โดยคุณเป็นคนชวนมา (ต้องเสียค่าสมาชิก)
2) จากการใช้จ่ายซื้อของในองค์กร จากคนที่คุณชวนมาสมัครนั่นแหละ
3) จากการทำเช่นเดียวกันกับคุณ ของคนที่คุณชวนมา ต่อๆ ไปเรื่อยๆ
ลองมองดีๆ ไม่ว่าจะมีรายได้จากทางไหน คนได้ประโยชน์สูงสุดก็คือ บริษัทนั้นๆ โดยมีคุณเป็น พนักงานขาย ให้นั่นเอง
ผมไม่ได้จะมาบอกว่า ธุรกิจเครือข่ายนั้นไม่ดีนะครับ ผมแค่อยากให้ทุกคนมองถึงความเป็นจริงครับ สิ่งที่เค้าโฆษณาให้คุณฟังนั้น มีความเป็นไปได้ครับ
เช่น คุณอาจจะมีอิสระทางการเงิน หรือ อาจจะประสบความสำเร็จ
ถูกของเค้าครับ ที่ว่า ขายมากได้มาก ทำมากได้มาก เพราะลองคิดถึงจำนวนประชากรในไทยสิครับ สมมุติว่า คุณแค่ได้มาแค่ 1% คุณก็มีรายได้มหาศาลแล้วต่อเดือน
ที่ผมพูดว่าประชากรประเทศไทย ก็เพราะว่า ธุรกิจเครือข่ายส่วนใหญ่ มักขายได้กับทุกคนครับ คือ บริษัทที่ทำเครือข่ายมักจะขายโปรดักที่เป็น consumer นั่นเอง คือ สินค้าที่ใช้ได้กับทุกคน ดังนั้นการทำการตลาดแบบเครือข่ายจึงเป็นอีกช่องทางที่ดีของบริษัทครับ โดยบริษัทนั้นมีแต่ได้
เดี๋ยวจะลองอธิบายข้อดีข้อเสียสำหรับคนที่คิดจะทำให้อ่านกันดูครับ
ข้อดี
1) ทำมากได้มาก รายได้ไม่จำกัด
2) เมื่อทำได้แล้ว คนที่อยู่ต้นสายก็จะได้เงินคุณด้วย
3) ทำงานได้ทุกที ไม่จำกัดเรื่องเวลา สถานที่
4) ไม่มีเจ้านาย ไม่โดนด่า ไม่โดนบังคับ
5) ขณะเดียวกัน ก็มีคนหาเงินให้คุณด้วย จากปลายสายหรือคนที่คุณชวนมา
6) ลงทุนต่ำ (ผมไม่รู้ว่าจะเรียกว่าข้อดี ดีรึเปล่า เพราะผมไม่ได้มองมันว่าเป็นธุรกิจส่วนตัวของเรา แต่ข้อดีข้อนี้ บริษัทมักจะบอกไว้ ว่า ลงทุนเพียงแค่นี้ ก็ได้เป็นเจ้าของธุรกิจร่วมกับเรา)
ดังนั้นหมายความว่า เมื่อคุณขยัน เมื่อคุณหาคนมาซื้อหรือมาสมัครได้เยอะ คุณก็จะได้เงินเยอะตามผลตอบแทนที่บริษัทกำหนดให้
ข้อเสีย
1) ไม่มีสวัสดิการ
2) ไม่มีเงินเดือน มีแต่คอมมิสชั่น
3) ผลตอบแทนไม่สมดุล เช่น ต้นสายได้มากเกิน จากรายได้ที่คุณทำ (ในบางองค์กร)
4) เสียเพื่อน เนื่องจาก ประเทศไทยมีคน anti เรื่องเครือข่ายอยู่มาก
5) ต้องเสียเงินให้บริษัท ทั้งๆที่จะไปช่วยบริษัทขายของ
6) ขายยาก เนื่องจาก...หลายปัจจัย เช่น คุณไม่ได้มีหน้าร้าน คุณไม่ได้ฝึกมาเพื่อขาย คุณไม่ได้มีสถานที่ในการกระจายสินค้า ทางที่คุณจะขายได้ มีไม่กี่ช่องทาง คือ
6.1) ชวนไปฟัง ให้บริษัทจูงใจ
6.2) จากการบอกต่อ เนื่องจากสินค้าดีจริง
หลักๆน่าจะมีแค่นี้ เพราะคุณไม่ได้เป็นองค์กรหรือขายในนามองค์กร และคนที่คุณไปขายก็ไม่ใช่องค์กรเช่นกัน จึงทำให้ขายได้ยาก นอกจากสองทางนี้ อีกช่องทางหนึ่งก็คือการ knock door หรือ เข้าไปขายตรง กับคนที่คุณไม่รู้จัก ซึ่งประเทศไทยก็ Anti อยู่มากตามข้อ 4
ดังนั้นในมุมมองผม การเข้าไปรวมธุรกิจเครือข่าย ไม่ได้หมายความว่าคุณเป็นหุ้นส่วนกับบริษัทนั้นนะครับ แต่คุณแค่เข้าไปจ่ายเงินเพื่อเป็นพนักงานขาย โดยที่บริษัทนั้นๆ จะให้เงินปันผลจากการขายของคุณนั่นเอง ถูกครับที่เค้าบอกว่าไม่มีเจ้านาย รายได้ไม่จำกัด ไม่จำกัดเวลา ไม่จำกัดสถานที่ทำงาน แต่เช่นเดียวกัน บริษัทก็ไม่ได้ดูแลคุณเลย เช่น สวัสดิการ หรือ การช่วยเหลือต่างๆ ให้ไว้เป็นข้อคิดครับ///
#NetworkMarketing #ธุรกิจเครือข่าย By Chitpol M.
Network Marketing หรือ ธุรกิจเครือข่าย
พอดีมีเพื่อนผมหลายคน เบื่องานประจำ เลยไปทำธุรกิจเครือข่าย
บ้างก็พออยู่ได้ บ้างก็กลับไปสมัครงานใหม่ ผมเองสมัยเด็กๆ ก็เคยไปนั่งฟังมาหลายที่มากๆ Amway, Herberlife, Agel ฯลฯ ผมว่ามันน่าตื่นตาตื่นใจในแผนธุรกิจเค้ามาก ก็เลยตัดสินใจลองสมัครสมาชิก แต่ก็พบว่า ยิ่งเราทำมาก กลับไม่ได้มากตามที่ควรจะเป็น คนได้กลับเป็นต้นสาย และตัวบริษัท (ผมกำลังพูดถึงเครือข่ายแบบหลายชั้น)
ซึ่งเค้าจะมีการชักชวนด้วย วิธีหลากหลายรูปแบบ เช่น
- จะได้เป็นห้วนส่วนทางธุรกิจ
- จะมีเงินเท่านั้นถ้าทำตามแผน
- จะมีอิสระทางการเงิน อันเร็วไว พร้อมกับเวลาในการใช้ชีวิต
- ทำงานที่ไหนก็ได้
- ไม่มีนายจ้าง
- โปรดัก ดีมากกกก มีการรีวิว คนที่ใช้ให้ไปฟัง
- เอาคนที่ รวยๆ มาพูดให้ดู ว่ารวยยังไงจาก ธุรกิจนี้
- ect.
ซึ่งผมเองสมัยนั้นก็คล้อยตาม จนลืมมองความเป็นจริง ว่าจริงๆ แล้วทุกบริษัทในโลกล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นมาก็เพื่อขายและทำกำไร การตลาดแบบเครือข่าย ก็เป็นเพียงช่องทางการตลาดหนึ่งของบริษัท เพื่อหวังผลกำไรจากการขาย โดยใช้ "คุณ" เป็นคนทำเงินให้บริษัท นั่นเอง
สำหรับคนที่เบื่องานประจำ นั้นจริงๆ แล้วธุรกิจเครือข่าย สามารถทำรายได้คุณได้จริงครับ ซึ่งเงินนั้นมักจะมาจากสามทางหลัก คือ
1) จากคนที่มาสมัครสมาชิก โดยคุณเป็นคนชวนมา (ต้องเสียค่าสมาชิก)
2) จากการใช้จ่ายซื้อของในองค์กร จากคนที่คุณชวนมาสมัครนั่นแหละ
3) จากการทำเช่นเดียวกันกับคุณ ของคนที่คุณชวนมา ต่อๆ ไปเรื่อยๆ
ลองมองดีๆ ไม่ว่าจะมีรายได้จากทางไหน คนได้ประโยชน์สูงสุดก็คือ บริษัทนั้นๆ โดยมีคุณเป็น พนักงานขาย ให้นั่นเอง
ผมไม่ได้จะมาบอกว่า ธุรกิจเครือข่ายนั้นไม่ดีนะครับ ผมแค่อยากให้ทุกคนมองถึงความเป็นจริงครับ สิ่งที่เค้าโฆษณาให้คุณฟังนั้น มีความเป็นไปได้ครับ
เช่น คุณอาจจะมีอิสระทางการเงิน หรือ อาจจะประสบความสำเร็จ
ถูกของเค้าครับ ที่ว่า ขายมากได้มาก ทำมากได้มาก เพราะลองคิดถึงจำนวนประชากรในไทยสิครับ สมมุติว่า คุณแค่ได้มาแค่ 1% คุณก็มีรายได้มหาศาลแล้วต่อเดือน
ที่ผมพูดว่าประชากรประเทศไทย ก็เพราะว่า ธุรกิจเครือข่ายส่วนใหญ่ มักขายได้กับทุกคนครับ คือ บริษัทที่ทำเครือข่ายมักจะขายโปรดักที่เป็น consumer นั่นเอง คือ สินค้าที่ใช้ได้กับทุกคน ดังนั้นการทำการตลาดแบบเครือข่ายจึงเป็นอีกช่องทางที่ดีของบริษัทครับ โดยบริษัทนั้นมีแต่ได้
เดี๋ยวจะลองอธิบายข้อดีข้อเสียสำหรับคนที่คิดจะทำให้อ่านกันดูครับ
ข้อดี
1) ทำมากได้มาก รายได้ไม่จำกัด
2) เมื่อทำได้แล้ว คนที่อยู่ต้นสายก็จะได้เงินคุณด้วย
3) ทำงานได้ทุกที ไม่จำกัดเรื่องเวลา สถานที่
4) ไม่มีเจ้านาย ไม่โดนด่า ไม่โดนบังคับ
5) ขณะเดียวกัน ก็มีคนหาเงินให้คุณด้วย จากปลายสายหรือคนที่คุณชวนมา
6) ลงทุนต่ำ (ผมไม่รู้ว่าจะเรียกว่าข้อดี ดีรึเปล่า เพราะผมไม่ได้มองมันว่าเป็นธุรกิจส่วนตัวของเรา แต่ข้อดีข้อนี้ บริษัทมักจะบอกไว้ ว่า ลงทุนเพียงแค่นี้ ก็ได้เป็นเจ้าของธุรกิจร่วมกับเรา)
ดังนั้นหมายความว่า เมื่อคุณขยัน เมื่อคุณหาคนมาซื้อหรือมาสมัครได้เยอะ คุณก็จะได้เงินเยอะตามผลตอบแทนที่บริษัทกำหนดให้
ข้อเสีย
1) ไม่มีสวัสดิการ
2) ไม่มีเงินเดือน มีแต่คอมมิสชั่น
3) ผลตอบแทนไม่สมดุล เช่น ต้นสายได้มากเกิน จากรายได้ที่คุณทำ (ในบางองค์กร)
4) เสียเพื่อน เนื่องจาก ประเทศไทยมีคน anti เรื่องเครือข่ายอยู่มาก
5) ต้องเสียเงินให้บริษัท ทั้งๆที่จะไปช่วยบริษัทขายของ
6) ขายยาก เนื่องจาก...หลายปัจจัย เช่น คุณไม่ได้มีหน้าร้าน คุณไม่ได้ฝึกมาเพื่อขาย คุณไม่ได้มีสถานที่ในการกระจายสินค้า ทางที่คุณจะขายได้ มีไม่กี่ช่องทาง คือ
6.1) ชวนไปฟัง ให้บริษัทจูงใจ
6.2) จากการบอกต่อ เนื่องจากสินค้าดีจริง
หลักๆน่าจะมีแค่นี้ เพราะคุณไม่ได้เป็นองค์กรหรือขายในนามองค์กร และคนที่คุณไปขายก็ไม่ใช่องค์กรเช่นกัน จึงทำให้ขายได้ยาก นอกจากสองทางนี้ อีกช่องทางหนึ่งก็คือการ knock door หรือ เข้าไปขายตรง กับคนที่คุณไม่รู้จัก ซึ่งประเทศไทยก็ Anti อยู่มากตามข้อ 4
ดังนั้นในมุมมองผม การเข้าไปรวมธุรกิจเครือข่าย ไม่ได้หมายความว่าคุณเป็นหุ้นส่วนกับบริษัทนั้นนะครับ แต่คุณแค่เข้าไปจ่ายเงินเพื่อเป็นพนักงานขาย โดยที่บริษัทนั้นๆ จะให้เงินปันผลจากการขายของคุณนั่นเอง ถูกครับที่เค้าบอกว่าไม่มีเจ้านาย รายได้ไม่จำกัด ไม่จำกัดเวลา ไม่จำกัดสถานที่ทำงาน แต่เช่นเดียวกัน บริษัทก็ไม่ได้ดูแลคุณเลย เช่น สวัสดิการ หรือ การช่วยเหลือต่างๆ ให้ไว้เป็นข้อคิดครับ///
#NetworkMarketing #ธุรกิจเครือข่าย By Chitpol M.