จะสอนลูกสอนหลานยังไงดี ทำไมคนสมัยนี้ใช้เงินเป็นเบี้ยเป็นหอยเลย...

ผมไม่มีลูก มีแต่หลาน (เพียบ) ... แต่ละคนไม่รู้พี่ๆ น้อง ๆ ผมเขาสอนลูกกันยังไง
บางคนเพิ่งเรียนจบเงินเดือน 12000 .. ทำงานได้ปีกว่า ๆ ตอนนีมีหนี้บัตรเครดิตเกือบ แปดแสน ...
บริษัทบัตรเครดิตมันปล่อยอะไรไม่ดูเลย?
แถมหลานเรามันก็ฟุ้งซะ.... กับข้าวกับปลาที่บ้านไม่กิน
ต้องกินร้านอยู่ในห้าง (ไม่ใช่ฟู้ดคอร์ทนะ ... - - ") "ทุกมื้อ" ....
กาฟงกาแฟ ไม่ต้องพูดถึง ตาบัก ดูดสองทีมันก็ทิ้ง ... เวรกรรม ...

วันหยุดต้องไป ตจว
ถ้าหยุดยาว ต้องมี ฮ่อง สิง  เป็นอย่างน้อย
หลานผมเป็นแบบนี้เกือบทุกคน

พอถาม ก็บอกว่า ใคร ๆ ก็ทำกัน (หมายถึงในที่ทำงาน)

ถามจริง ๆ ชีวิตใน Office มันแข่งกันขนาดนี้เลยหรือครับ
เมื่อวานเทศน์ให้พวกมันฟัง
บอกอาเจ๊กมีรายได้เดือนนึงมากกว่าพวกเรายี่สิบเท่า
มีเงินเก็บมากกว่าพ่อแม่พวกเอ็งรวมกันเป็นสิบเท่า
อาเจ๊กยังไม่กล้ากินของที่พวกเอ็งกินเลย (สงสัยบุญไม่ถึง)

นาน ๆ ก็ไปเที่ยว ตปท สักที แต่เวลาเที่ยวก็ใช้เงินเกือบล้านนะ ... เอาให้เต็มที่ แต่นาน ๆ ที 2-3 ปี หนนึง...

มันก็นั่งฟังกันแบบเซ็ง ๆ  .... บรรดาพี่น้องเราที่เป็น พ่อแม่ พวกนี้ ก็นั่งก้มหน้า
ไม่รู้จะทำไง .... ได้ยินหลานคนนึงบอกประมาณว่า

หวังมรดกจากเราเสียอีก (เพราะเราไม่มีลูก)
เลยบอกไปว่า ถ้าเจ๊กเกษียณเมื่อไร จะขายที่ดิน บ้านให้หมด
แล้วไปเช่าอพาร์ตเม้นท์ (หรู ๆ) อยู่ แล้วจะใช้เงินให้เต็มเหนี่ยว
เหลือเท่าไรก็เป็นของพวกเอ็ง ... ซึ่งคงเหลือไม่เยอะ

บรรดา แม่ ๆ ก็ทำหน้าเซ็งเป็นแถบ

.....จนปัญญาจริง ๆ ไม่รู้จะสอนยังไง....
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 39
ที่บ้านอยู่ มีลูก 3 คนคะ เด็กผู้ชายหมดเลย ลูกคนโตม.3ได้โรงเรียน 90 บาท บางครั้งมีอาหารเช้า กินกลางวัน นม และ อาหารเย็น คนกลางป.3ได้ไป 30 บาท กินกลางวันกับโรงเรียน ที่เหลือกิน ขนมและข้าวตอนเย็น คนเล็ก อยู่ อ.3 ไม่ได้ไปโรงเรียนสักบาท อยู่บ้านถ้าจะใช้เงิน จะขอพ่อ แม่ทุกครั้งเพื่อได้รับการพิจารณาว่าควรซื้อหรือไม่ ส่วนของอื่นถ้า อยากได้เช่นหนังสือ เค้าจะใช้เงินเก็บของเค้าเอง แต่ก็ต้องขอพ่อแม่ก่อน  พอปิดเทอม ก็ส่งไปทำงานขายของกับร้านของอา ขายเสื้อผ้าเด็ก หรือร้านอาหารของพี่สาว เค้าได้ติ๊บกลับมาดีใจมือไม้สั่นว่าหาเงินได้แล้ว บางครั้งก็รับจ๊อบ ทาสีห้องเช่าของอาม่า โดยมีพ่อเป็นหัวหน้า ทั้งหมดทั้งมวล เราแค่อยากสอนให้ลูกรู้จัก คุณค่าขอเงินว่าเงินแต่ละบาท ไม่ได้หามาง่ายๆ ให้รู้จักเจอสังคม ให้รู้จักสร้างวิธีคิดแบบใหม่ๆ ให้เปลี่ยนมุมมองเดิมๆ ของแบบนี้อยู่ที่พ่อแม่สอนจริงๆ ตอนไปทาสี รปภ. แม่บ้าน และคนดูแลตึก แซวกันใหญ่ว่าทากันเองเลยเหรอ เราก็บอกว่าอยากสอนลูก ก็เขิลนิดหน่อย แต่ช่วงเวลาที่ทาสีนั้นดีมาก แม่ พ่อ ลูก ได้ทาสี มีกิจกรรม สร้างสรรค์ และสอน อะไรต่างๆ เยอะแยะมากมาย ลูกก็เข้าใจชีวิตตัวเองและคนอื่นได้ดีขึ้น เรากับลูกอยากให้ปิดเทอมเร็วๆ ลูกจะได้ออกไปผจญภัยต่อ สิ่งที่เรามักจะสอนลูกเสมอก็คือว่า ตัวเราโชคดีที่บ้านเราพอมีฐานะ ไม่ต้องลำบากอะไร คนอื่นเค้าต้องลำบากได้เงินมาไม่มาก แต่ต้องใช้กินปะทังชีวิต เป็นอย่างนั้นเราต้องรู้จักคุณค่าของของ และคุณค่าของเงิน ทำให้ทุกอย่างมีคุณค่าที่สุด อย่าดูถูกคนที่ด้อยกว่าเราคะ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
เพื่อนลูกเรา ป.1 ได้เิงินไปโรงเรียนวันละ 100 โอ้แม่เจ้า เราถามมีเหลือไหม เขาบอก ยี่สิบ สามสิบบาท ลูกเราได้ไปโรงเรียนวันละ 20 แถมต้องเหลือมาหยอดกระปุกด้วย เพราะโรงเรียนมีอาหารกลางวัน อาหารว่าง และ นมโรงเรียนแล้ว  แต่ถ้าเราต้องซื้ออะไรที่เขาอยากได้ เขาก็จะถูกหักเงิน อย่างเช่น เมื่อสองเดือนก่อน เขาอยากได้ลองเท้าฟุตซอล เพราะอยากเรียน ฟุตซอล  550 เราจะบอกลูกว่า ม่ามี้ไม่มีตังนะ แต่ถ้าหนูอยากได้ แม่ต้องหักค่าขนมหนูมาคืนนะ  เราหักเงินค่าขนมเขาสองเดือนเต็มๆ เขาได้เงินไปโรงเรียนวันละ 10 บาท อย่างถ้าลูกเราตั้งใจทำการบ้านเราให้รางวัลด้วยการพาไปเซเว่น ให้ลูกเลือกได้ 1 อย่าง ถ้าเกิน 20 ไปเลื่อกมาใหม่  แถมก่อนจ่ายตัง ลูกเราต้องท่องสูตรคูณให้เราฟังด้วย ไม่งั้นเราไม่จ่าย เราค่อนข้างจะเข้มงวดกับลูก
ความคิดเห็นที่ 6
มันเป็นแบบที่คุณพูดจริงๆ ยุคมันเปลี่ยนไปจนสมองกลับ ไม่รู้จักคิด ไม่รู้จักประหยัดอดออม ไม่รู้จักความเพียงพอการใช้จ่าย เงินเดือนเพิ่งจบบางคน 12,000.-จะคิดว่ามากเหลือเกิน ซื้อมือถือ ซื้อรถ ทุกวันนี้รถวิ่งในท้องถนนกว่า 90% หนี้ทั้งนั้น เงินหมุนเวียนในตลาดไปอยู่กับนายทุน เศรษฐกิจมวลรวม พังหมด การค้าฝืดเคือง  นอกจากนี้การศึกษาที่แข่งกันไม่ได้เพื่อความรู้ความสามารถแบบจีนยุคเก่าสอบจอหงวน กลายเป็นเพียงแค่เอากระดาษปริญญาบัตรเพื่อไปหาเงินทางลัด บางคนคิดเลขในใจไม่เป็น ต้องอาศัยเครื่องคิดเลข และบางคนภาษาไทยเขียนผิด นับวันจะเพิ่มขึ้น รวมทั้งจะขาดความอดทน ไปทำงานที่ใดมักจะมีปัญหากับเพื่อนร่วมงาน  ทานอาหารใช้แต่เงินเพื่อความหรู ตามห้างสรรพสินค้า ซึ่งต้องจ่ายแพงกว่ามาก ที่เคยเห็นไปถ่ายเอกสารแค่1ใบ 2.-บาทต่อราคากับพ่อค้าไม่ยอมถ่าย เด็กทุกวันนี้ขาดความอบอุ่นทางใจ ขาดผู้ชี้แนะที่ดี ขอชมว่าคุณเป็นอาเจ็กที่ดีมาก สมควรเป็นแบบอย่างที่ดี แต่ทำใจเถิด กรรมใดใครก่อให้เขาแก้ปัญหาที่อาจเกิดในเวลาข้างหน้าเอง
ความคิดเห็นที่ 16
ขอตอบแทนหลานเจ๊กก่อนนะคะ เพราะเราเคยเป็น แหะแหะ ใช้เงินเกินตัวอะคะ เพราะเราถือว่าเดี๋ยวก็มีคนช่วย ใช้ไปเถอะ อยากได้ อยากมี อยากทำเหมือนคนอื่น ไงหละพอไม่ไหว แม่จ๋าช่วยหนูด้วย แม่ช่วยคะ แต่ก็มีบ่นๆๆๆ
ครั้งแรกเสร็จ อย่าคิดนะว่าเข็ด คราวนี้ไม่กล้าอ้อนแม่หละ หันไปหา พี่ชาย พี่จ๋าช่วยหนูด้วย พี่ก็ช่วยอีกแต่ครั้งนี้ทำสัญญาและให้รายงานพฤติกรรมการใช้เงิน และที่สำคัญ แม่ร้องไห้ คราวนี้หละความสุขของเราแป๊บบบบบนึง ทำแม่เราร้องไห้และทุกข์นาน หยุดเลยคะพฤติกรรมใช้เงินเกินตัว
ช่วงนั้นเพื่อนที่เคยเที่ยว กิน ด้วย บอกเราเปลี่ยนไปไม่มีเวลาให้เหมือนเดิม (จริงๆตรูไม่มีเงินเหมือนเดิมเฟร้ย)
ทางแก้ของเจ๊กคือ ต้องให้หลานรู้ซึ้งว่า ชีวิตไม่มีทางที่จะมีคนช่วยตลอดๆ เพราะเขารู้ว่าเจ๊กจะช่วยไงคะ พ่อ แม่ ของหลานๆเจ๊กก็ต้องไปบอกด้วยนะคะ ไม่งั้นก่อหนี้เพิ่มอีกแน่นอน

สู้ๆคะ
ความคิดเห็นที่ 8
ทำใจค่ะเพราะพ่อแม่สอนมาอย่างไรโตมาก็เป็นอย่างนั้น
มาบอกมาสอนกันตอนนี้อาจจะสายเกินไป บ่นมากไป
หลานๆก็รำคาญกันเปล่าๆ เราอาจจะเป็นคนหนึ่งนะคะ
ที่คิดต่างจากสังคมสมัยนี้ เราอาชีพทำสวนค่ะ ตอนเด็กๆ
แม่จะสอนให้เราช่วยทำงาน ทั้งงานบ้าน งานสวนแบบเล็กๆน้อยๆ
ตอนเด็กๆก็ไม่ชอบหรอกค่ะ อยากดูทีวี อยากไปเล่น แต่แม่สอนว่า
แม่ทำงานมาเหนื่อยแล้วเราต้องช่วยกัน เวลาอยากได้อะไรไม่ง่ายเลย
อยากได้จักรยาน หาร2กับแม่ค่ะ แม่ช่วยครึ่งเราที่เหลือออกเอง
แล้วของทุกอย่างก็จะทำแบบนี้ด้วย เราช่วยแม่ทำกับข้าว ล้างจาน
ทำงานบ้าน ให้ข้าวหมา ทุกคนมีหน้าที่ๆต้องทำค่ะ อยากไปเที่ยว
ไปได้แต่งานเสร็จก่อนแล้วจะไปไหนก็ไปอย่ากลับดึกนะ
พ่อสอนให้ตื่นเช้า เพราะเราจะมีเวลามากกว่าคนอื่นอีกหลายชั่วโมง
พอเรียนมหาลัยต้องมาอยู่หอ งกจัด เพราะค่าไฟค่าน้ำค่าเช่าหอแพงมากก
เปิดน้ำทีมิเตอร์แทบไม่หมุน ปิดไฟทุกดวงที่ไม่ใช้ หาเพื่อนเยอะๆ
เพื่อแชร์ค่าหอให้จ่ายน้อยที่สุดต่อเดือน จนเรียนจบพ่อถามรถยนต์สักคันไหมลูก
เรามานั่งคิด มีรถก็ต้องผ่อน ค่าน้ำมัน ประกันอีก ซื้อเร็วก็เก่าเร็ว
เวลาไปจอดก็พะวง ใครจะมาขูดรถเราไหม จะหายไหมโอ้ย ไม่เอาดีกว่า
ทนนั่งรถโดยสาร สบายใจ
ทุกวันนี้เราแต่งงานมีครอบครัวแล้ว ก็ยังทำตัวแบบเดิม สบายๆง่ายๆ
ไม่เรื่องมากทั้งๆที่รายได้ต่อปีจะทำตัวฟุ้งเฟ้อทุกวันก็ได้ แต่เราไม่ทำ
เราอยากกินกาแฟแพงๆเราก็กินนะคะ แต่กาแฟโบราณแก้วละ20บาท
ก็ทานอร่อยไม่แพ้กันหรอกค่ะ เราเห็นเด็กวัยรุ่นส่วนใหญ่ชอบทำตัวหรูๆ
ใช้ของแพงๆ เข้าร้านที่วัยรุ่นนิยมเข้ากัน ก็เข้าใจนะคะว่าอยากได้การ
ยอมรับจากสังคม แต่คุณยังใช้เงินพ่อแม่อยู่ เหนื่อยนะคะการหาเงิน
แต่เวลาใช้เงินนี่เร็วเหมือนกระพริบตา
บ้านเรามีนโยบายไม่หาหนี้เข้าบ้านค่ะ การมีหนี้จะทำให้บ้านร้อนขึ้น
บรรยากาศมาคุๆ คนจะร้อนพร้อมทะเลาะกัน และที่สำคัญ
กินข้าวไม่อร่อยเลยค่ะ
เมื่อก่อนเรามีบัตรเครดิตนะคะตอนไปทำงานต่างประเทศ ค่าเงินต่างจาก
เมืองไทยมากค่ะ เดี๋ยวมาเล่าต่อค่ะถ้าอยากอ่านอีก
ความคิดเห็นที่ 105
คนรวยเขาไม่ใช้เงินฟุ่มเฟืองจริงค่ะอาเจ็ก นู๋อายุ24ปี มีรายได้ เกือบแสน สามารถเลี้ยงพ่อแม่ได้ เป็นพนักงานใ
ธนาคารแค่หนึ่ง (ฐานะที่บ้านเคยจนมาก่อนค่ะ) ยังไม่กล้าเดินเข้าสตาร์บัคเลยค่ะ ไม่คิดใช้เงินในอนาคตค่ะ เวลาซื้ออะไรต้องคิดแล้วคิดอีกค่ะ เก็บเงินไปลงทุน ให้เงินต่อเงินดีกว่าค่ะ นู๋ว่านิสัยการใช้เงินเปลี่ยนกันได้นะค่ะ ยังไม่สายสำหรับหลานอาเจ็กหลอกค่ะ สังคมภายนอกเป็นเพียงภาพลวงตาค่ะ ถ้าหลานอาเจ็กเข้าใจมัน รู้จักวิธีการใช้เงินอย่างถูกต้องค่ะ มหาลัยวิทยาลัยไม่มีวิชาการใช้เงินให้เป็นสอนกันค่ะ อยู่ที่พื้นฐานเด็กแล้วละค่ะ ต้องให้เขารู้จักความลำบากค่ะ ถ้าเป็นนู๋นะ เงินที่อาเจ็กเหลือจะเอาไปบริจาคให้เด็กด้อยการศึกษาที่เค้าเห็นคุณค่าของเงินดีกว่าค่ะ ดีกว่ามาให้ความหวังหลานว่าจะเอามกดก นู๋ว่าบัครเครดิต บัตรกดเงินสด ถ้าไม่มีความอยากของคนมันก็ไม่สามารถทำไรได่หรอกค่ะ จะไปโทษมันก็ไม่ได้ เพราะมันอยู่เฉยๆ แต่คนกลับไปกดมันออกมาใช้ ยับยั้งใจตัวเองไม่อยู่ มันก็จะเป็นหนี้ไปตลอดชีวิตค่ะ บางคนทำธุรกิจใหญ่โต แต่ภาระหนี้เยอะมากมายก็มีค่ะ นู๋ทำงานในธนาคารรู้และเข้าใจเลยค่ะว่าคนที่เป็นหนี้มันทุกข์มาก
มาดูกันว่าคนรวยใช้เงินยังไงคะ [นู๋เป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือเกี่ยวกับคนรวย การเงินค่ะ]
น.พ. ยรรยง หรือ ง
ผู้ มีทรัพย์สินเป็น เงินสด และหุ้นรวมกันไม่ต่ำกว่าพันล้านบาท
“วิถีชีวิตของผม ง่ายๆ เรียบๆ แต่งตัวธรรมดาๆ ไม่ได้ใช้ของแบรนด์เนม
ชอบใส่รองเท้าแตะ นาฟิกาก็ใส่ไซโก้ เรือนละแปดพัน
ไม่เคยใส่โรเลกซ์ (ปลอมแบบจอ) ราคาเหยียบแสนเลย
ผมว่าคุณค่าผมมี มากกว่าสิ่งของ เหล่านั้นเยอะ คนที่เค้าจะชื่นชมผม
ก็ควรชื่นชมความ รู้ความสามารถ และนิสัยมากกว่าสิ่งภายนอกเห ล่านั้น
รถ ก็ขับวอลโว่ 850 เก่าๆ ขับมาแปด ปีแล้ว เอาแค่พอขับได้ก็พอ

จอร์จ โซรอส
…นั่ง รถแท็กซี่ไปทำงาน เค้าให้เหตุผลว่า
“ผมทำรายได้จากเงิน ลงทุนได้ประมาณ 36% ต่อปี
ถ้าผมซื้อรถ 1 คันราคา 1 ล้าน ใช้ไปได้สิบปี แล้วขายเป็นเศษเหล็ก
รถคันนี้ไม่ได้มี มูลค่า 1 ล้าน แต่เป็น 32 ล้าน เทียบกับว่าเอาไปลงทุน
คิดอย่างนี้แล้วผม ก็เลยซื้อไม่ลง”

ดร. นิเวศน์
ผู้มี พอร์ตหุ้นไม่ต่ำ กว่าร้อยล้าน …. ผมชอบเดินจ่ายตลาด เองวันเสาร์เย็นๆ กะครอบครัว
รถถ้าไม่ได้อยู่ใน หน้าที่การงานผู้ บริหารก็คงจะไปใช้ รถญี่ปุ่นแล้ว พวกนี้เป็นเศษเหล็ก
ยิ่งเวลาผ่านไปราคา ยิ่งตกลง….เที่ยว เมืองนอกก็ใช้ Economic Class ตลอด ”
ไม่ต้องแพงเว่อร์ วันหยุด เสาร์-อาทิตย์มัก จะไปดูหนัง เดินเล่นห้าง แค่นั้น
หรือไม่ก็เข้า ป่า..ผมชอบเที่ยว ป่าแบบ Backpack เมืองนอกไม่ชอบ เที่ยว
ไปไกลสุดก็ สิงคโปร์

ชาย ชาวอินเดียคน หนึ่ง
เดิน เข้าไปในธนาคาร กลางเมือง นิวยอร์ค ถามหาเจ้าหน้าที่สินเชื่อ
ชายคนนี้บอกกับ เจ้าหน้าที่สิน เชื่อว่า เขาจะต้องไปทำธุระที่ประเทศอินเดีย ประมาณ 2 สัปดาห์
ก็เลยจะขอกู้เงิน สัก 170,000 บาท เจ้าหน้าที่สิน เชื่อบอกกับเขา ว่า การกู้ยืมเงินจะต้องมี
หลักทรัพย์ค้ำ ประกัน ดังนั้นชายชาวอินเดียยื่นกุญแจรถเฟอร์รารี่รุ่นใหม่ล่าสุดที่จอดอยู่หน้า ธนาคาร
พร้อมกับเสนอให้ ใช้รถคันนี้เป็น หลักทรัพย์ค้ำ ประกัน เจ้าหน้าที่สินเชื่อจึงตกลงให้กู้เงินโดยใช้
รถ ค้ำประกัน ผู้จัดก ารธนาคาร กับเจ้าหน้าที่ สินเชื่อ ต่างก็ขบขันชายชาวอินเดียที่! เอารถเฟอ ร์รารี่ราคา 8,500,000 บาท มาค้ำประกันเงินกู้ เพียงแค่ 170,000 บาท หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ธนาคารก็
นำ รถเฟอร์รารี่ขับ เข้าไปจอด ที่ลานจอดรถชั้นใต้ดินของธนาคาร
สอง สัปดาห์ผ่านไป ชายชาวอินเดียก็กลับมาที่ธนาคาร
พร้อมด้วยเงิน 170,000 บาท และดอกเบี้ยอีก 500 บาท นำมาชำระคืนให้กับธนาคาร
เจ้า หน้าที่สินเชื่อ พูดว่า “ท่านครับ เรารู้สึกดีใจมาก ที่คุณจัดการธุระ ของคุณได้เสร็จ เรียบร้อย
และ การกู้เงินใน ครั้งนี้ก็เสร็จ สิ้นไปได้ด้วยดี แต่ผมสงสัยอะไร นิดหน่อย ตอนที่คุณไปแล้ว เราได้เช็ค ประวัติของคุณดู ก็พบว่าคุณร่ำรวย เป็นอภิมหาเศรษฐี คนหนึ่งเลย
แต่ ทำไมคุณถึงต้องมา กู้เงินกับเราแค่ 170,000 บาทด้วย ล่ะครับ”
ชาวชาว อินเดียตอบกลับไป ว่า “ไม่มีที่ไหนในนิวยอร์คอีกแล้ว ที่ผมจะสามารถจอดรถ ทิ้งไว้
ได้ถึง 2 สัปดาห์ ด้วยเงินเพียง 500 บาท พร้อมกับความมั่นใจเต็มร้อยว่ารถผมจะไม่หาย”
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่