กระทู้ก่อนหน้านี้ได้คุยกันเรื่องนิพพานเป็นอนัตตาแต่บางคนก็แย้งว่าเป็นอัตตาและบ้างก็ว่านิพพานเป็นนิพพาน
เออแล้วเขียนกระทู้นี้ขึ้นมาเพื่ออะไรหรือ!?เอาแบบถามเองตอบเองแบบนี้ล่ะว่ามันยากตรงไหนเรื่องอนัตตานี่!
พวกที่เข้าใจว่าอนัตตาใช้สำหรับสิ่งที่เป็นสังขารธรรมเท่านั้นจะยกแต่พระสูตรที่ว่าสิ่งใดไม่เที่ยงสิ่งนั้นเป็นทุกข์
ดังนั้นสิ่งนั้นเป็นอนัตตาพูดแบบนี้ไม่มีทางผิดพูดทุกวันก็ไม่มีทางผิดเพราะสิ่งใดไม่เที่ยงสิ่งนั้นเป็นทุกข์ย่อมเป็นอนัตตาอยู่แล้ว
เพราะทุกขังนี่มันมีความหมายว่าทนอยู่ไม่ได้ดังนั้นมันจึงไม่มีมีตัวตนจริงๆขันธ์ห้าไม่เที่ยงเป็นทุกข์ย่อมเป็นอนัตตาด้วยแน่นอน
แต่อนัตตามันมีความหมายว่าอะไรตามศัพท์ตามอรรถมันมีความหมายว่า"ไม่มีอัตตา"ดังนั้นขันธ์ห้าเป็นอนัตตาถูกต้อง
แต่ถ้าท่านเข้าใจเรื่องอนัตตาจากเพียงแค่ว่าสิ่งใดเป็นทุกข์คือทนอยู่ไม่ได้สิ่งนั้นเป็นอนัตตาผมว่าท่านพลาดและไม่รู้จริงเรื่องอนัตตา
ผมยกตัวอย่างเรื่องน้ำกับความเย็นถามว่าน้ำกับความเย็นนี้เป็นอนัตตาเพราะอะไรคำตอบก็คือเรารู้ว่าน้ำไม่มีตัวตนจริงไม่ใช่เพราะมัน
มีความทุกข์แต่เป็นเพราะว่าวิทยาศาสตร์เจริญขึ้นเราจึงแยกน้ำออกแล้วพบว่ามันเกิดจากการรวมตัวกันของก๊าซอ็อกซิเจนกับไฮโดเจน
ส่วนความเย็นวิทยาศาสตร์ก็ว่าไม่มีโลกนี้มีแต่ความร้อนโดยร้อนน้อยคือความเย็น
ไม่เห็นต้องเอาพระสูตรนั้นมาจับเลยว่ามันอนิจจังทุกขังอนัตตา
ถามว่านิพพานเป็นอนัตตาเพราะอะไรคำตอบก็เพราะว่านิพพานไม่มีอัตตาหรือเป็นมหานครแยกต่างหากไปจากวัฏฏะสงสาร
และในวิปัสสนาญานนิพพานธาตุก็ไม่ได้อยู่แยกไปจากจิตธาตุรู้เลยแต่ก็มิใช่จิต นิพพานเป็นบรมสุขเพราะวัฏฏะดับในพระนิพพานธาตุ
สิ่งที่ผมไม่อยากพบมากเลยทำนองอัตตาและอนัตาแบบพุทธเพราะมันไม่มีจริงพุทธองค์ไปยืมเขามาทั้งหมดมันเป็นภาษาชาวบ้าน
ตั้งแต่พุทธกาลแล้วทั้งสองคำนี้พวกพรามเขาเข้าใจเรื่องรูปเวทนาสัญญาสังขารเป็นทุกข์เป็นอนัตตามานานแล้ว
แต่เชื่อว่าวิญญาณขันธ์เป็นอัตตาดังนั้นพุทธองค์จึงสอนให้เข้าใจใหม่ว่าขันธ์ห้าทั้งหมดเป็นอนิจจังทุกขังและอนัตตา
..อนัตตา..คือ..อะไรเอย
เออแล้วเขียนกระทู้นี้ขึ้นมาเพื่ออะไรหรือ!?เอาแบบถามเองตอบเองแบบนี้ล่ะว่ามันยากตรงไหนเรื่องอนัตตานี่!
พวกที่เข้าใจว่าอนัตตาใช้สำหรับสิ่งที่เป็นสังขารธรรมเท่านั้นจะยกแต่พระสูตรที่ว่าสิ่งใดไม่เที่ยงสิ่งนั้นเป็นทุกข์
ดังนั้นสิ่งนั้นเป็นอนัตตาพูดแบบนี้ไม่มีทางผิดพูดทุกวันก็ไม่มีทางผิดเพราะสิ่งใดไม่เที่ยงสิ่งนั้นเป็นทุกข์ย่อมเป็นอนัตตาอยู่แล้ว
เพราะทุกขังนี่มันมีความหมายว่าทนอยู่ไม่ได้ดังนั้นมันจึงไม่มีมีตัวตนจริงๆขันธ์ห้าไม่เที่ยงเป็นทุกข์ย่อมเป็นอนัตตาด้วยแน่นอน
แต่อนัตตามันมีความหมายว่าอะไรตามศัพท์ตามอรรถมันมีความหมายว่า"ไม่มีอัตตา"ดังนั้นขันธ์ห้าเป็นอนัตตาถูกต้อง
แต่ถ้าท่านเข้าใจเรื่องอนัตตาจากเพียงแค่ว่าสิ่งใดเป็นทุกข์คือทนอยู่ไม่ได้สิ่งนั้นเป็นอนัตตาผมว่าท่านพลาดและไม่รู้จริงเรื่องอนัตตา
ผมยกตัวอย่างเรื่องน้ำกับความเย็นถามว่าน้ำกับความเย็นนี้เป็นอนัตตาเพราะอะไรคำตอบก็คือเรารู้ว่าน้ำไม่มีตัวตนจริงไม่ใช่เพราะมัน
มีความทุกข์แต่เป็นเพราะว่าวิทยาศาสตร์เจริญขึ้นเราจึงแยกน้ำออกแล้วพบว่ามันเกิดจากการรวมตัวกันของก๊าซอ็อกซิเจนกับไฮโดเจน
ส่วนความเย็นวิทยาศาสตร์ก็ว่าไม่มีโลกนี้มีแต่ความร้อนโดยร้อนน้อยคือความเย็น
ไม่เห็นต้องเอาพระสูตรนั้นมาจับเลยว่ามันอนิจจังทุกขังอนัตตา
ถามว่านิพพานเป็นอนัตตาเพราะอะไรคำตอบก็เพราะว่านิพพานไม่มีอัตตาหรือเป็นมหานครแยกต่างหากไปจากวัฏฏะสงสาร
และในวิปัสสนาญานนิพพานธาตุก็ไม่ได้อยู่แยกไปจากจิตธาตุรู้เลยแต่ก็มิใช่จิต นิพพานเป็นบรมสุขเพราะวัฏฏะดับในพระนิพพานธาตุ
สิ่งที่ผมไม่อยากพบมากเลยทำนองอัตตาและอนัตาแบบพุทธเพราะมันไม่มีจริงพุทธองค์ไปยืมเขามาทั้งหมดมันเป็นภาษาชาวบ้าน
ตั้งแต่พุทธกาลแล้วทั้งสองคำนี้พวกพรามเขาเข้าใจเรื่องรูปเวทนาสัญญาสังขารเป็นทุกข์เป็นอนัตตามานานแล้ว
แต่เชื่อว่าวิญญาณขันธ์เป็นอัตตาดังนั้นพุทธองค์จึงสอนให้เข้าใจใหม่ว่าขันธ์ห้าทั้งหมดเป็นอนิจจังทุกขังและอนัตตา