KP Warriors ตอนที่ 4 : เพลิงแห่งความยุติธรรม การตัดสินใจอีกครั้งของเรย

กระทู้สนทนา
ณ พิพิธภัณฑ์ของโรงเรียนไนท์เบลด
         ภายในห้องโถงใหญ่แห่งพิพิธภัณฑ์ในยามเย็นที่แสงแดดเริ่มเป็นสีอ่อนๆ ข้างในนั้นเต็มไปด้วยเสียงพูดคุยอื้ออึงมาจากผู้คนที่มาชุมนุมกันในที่นี้ บรรดาอาจารย์ของโรงเรียน นักเรียนจากสภานักเรียน และเหล่าสารวัตรนักเรียนของโรงเรียนไนท์เบลด
          สิ่งที่นำพาพวกเขาทั้งหลายเหล่านั้นมาที่แห่งนี้ก็คงจะไม่ใช่เรื่องอื่นใด แน่นอนว่าสิ่งที่พวกเขากำลังสนใจนั่นก็คือสิ่งของที่หายไปแล้วกลับมาอยู่ในโหลแก้วอย่างเป็นปริศนาได้อย่างไร แหวนในตำนานแห่งไนท์เบลด
          ฟุยุสึกิอาจารย์ประจำวิชาหมวดสังคมที่เธอเป็นเวรเฝ้าพิพิธภัณฑ์ในเย็นวันนี้ ภายใต้แว่นตาเลนส์ใสนั้นเธอมีสีหน้าที่เคร่งเครียดมากกว่าเดิม เมื่อเธอมาทราบว่าแหวนกลับมาโดยที่เธอคลาดสายตาคนที่นำแหวนมาไว้ที่นี่ไปได้

         "แหวนกลับมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง มีใครรู้หรือเปล่า" อาจารย์ที่ใส่เสื้อเชื้ดสีน้ำตาลท่านหนึ่งพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ดูลุกลี้ลุกลน พร้อมกับชี้นิ้วไปยังแหวนที่ตั้งอยู่ในตู้กระจกตรงหน้าของเขา แต่คำตอบที่เขาได้มานั้นคือการสายหน้าไปมาของบรรดาอาจารย์และนักเรียน

         "ไม่มีใครรู้เลยอย่างนั้นเหรอ เป็นไปได้ยังไง ต้องมีใครสักคนเห็นบ้างสิ!..." เขายังคงยืนยันอยากได้คำตอบจากคำถามนั้นของตัวเอง

         "งั้นก็หมายความว่า คำทำนายของโรงเรียนตอนนี้กลายเป็นจริงแล้วอย่างนั้นเหรอ" อาจารย์คนหนึ่งว่าขึ้นมา เขาใส่เสื้อกราวของหมวดวิทยาศาสตร์ที่เอาไว้ใช้สำหรับเข้าห้องแล็บ หัวของเขาล้านและผมที่เหลือของเขาก็ฟูฟอดเหมือนกับคนที่มีเรื่องให้คิดอยู่ตลอดเวลา มือสองข้างของเขาตอนนี้กุมกันไว้แล้วบีบไปมาเหมือนกับคนที่เป็นกังวนอยู่ตลอดเวลา

         "...อย่าพูดบ้าๆนะ มันจะเป็นอย่างนั้นไปได้ยังไงกันเล่า ที่ผ่านมาก็ไม่มีใครทำได้เลยสักคนไม่ใช่เหรอ การคัดเลือกนั่นน่ะ" จู่ๆอาจารย์ที่ใส่เสื้อเชิดสีฟ้าอีกคนที่อยู่ใกล้ๆตวาดขึ้นมา

         "จริงด้วย ไม่เคยมีใครทำให้มันแตกได้เลย ไอ้ดินหรืออะไรที่เคยเกาะอยู่น่ะ แล้วดูตอนนี้สิ... เงาวาววับ สวยงามขนาดนี้ ต้องใช้แน่ๆ ต้องเป็นเขาแน่ คนที่ทำให้แหวนคืนชีพขึ้นมาอีกครั้งน่ะ"
         อาจารย์สอนวิชาพละพูดขึ้นมา แม้เขาจะพึ่งเข้ามาได้ไม่นานนักแต่ก็ยังพอจับใจความสำคัญของประโยคที่แล้วได้




          และการสนทนาที่ทำให้บรรยากาศภายในห้องโถงใหญ่ของพิพิธภัณฑ์ดูวุ่นวายยังคงดำเดินต่อไป ยิ่งพวกเขายิ่งหาข้อสรุปมากเท่าไร เรื่องนี้ก็กลับจะกลายเป็นเรื่องที่นอกเหนือจากข้อเท็จจริงไปมากเท่านั้น
         เสียงพูดคุยยังคงดังไปอยู่อย่างนั้นจนพวกเขาไม่ได้สังเกตคนสามคนที่กำลังจะเข้ามาใหม่ว่าเป็นใคร

          "หรือจริงๆแล้วมันอาจจะไม่ใช่อย่างที่พวกคุณกำลังคิดอยู่ก็ได้นะครับ" เพราะเสียงจากสารวัตรนักเรียนคนหนึ่งที่กำลังเดินเข้ามาทำให้พวกเขาต้องหันไปยังต้นเสียงนั้น


         นักเรียนที่ใส่ชุดนักเรียนของไนท์เบรดที่มีตราของสารวัตรนักเรียนเป็นรูปโล่สีขาวกับดอกกุหลาบติดอยู่ตรงปกคอเสื้อทางด้านซ้าย นี่คือสัญลักษณ์ของสารวัตรนักเรียนประจำโรงเรียนไนท์เบลด เขาเป็นผู้ชายที่มีใบหน้ารูปไข่ คางแหลม ไว้ผมลากไซสีดำและทำผมหน้าม้าแหวกกลาง ดวงตาสีน้ำตาล ผิวสีไข่ไก่
         เขาเดินมาพร้อมเพื่อนของเขาอีกหนึ่งคน และหัวหน้าสารวัตรนักเรียนที่เดินนำหน้าพวกเขาอีกหนึ่งซึ่งเขาดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการโรงเรียนฝ่ายปกครอง

       ใบหน้าของเขาเรียวยาวและดูอ่อนกว่าวัยมาก แม้อายุของเขาจะย่างก้าวเขาเลขสามแล้ว ผมสีดำของเขายาวหยักศกถึงแผ่นหลังของเขา นัยน์ตาสีน้ำตาและคิ้วที่ขมวดเข้าหากันเหมือนกับว่าคนๆนี้กำลังมีเรื่องอะไรให้คิดอยู่แม้ว่าในใจของเขาจะไม่ได้คิดอะไรเลยอยู่ก็ตาม รูปร่างของเขาดูสูงกว่าเด็กนักเรียนทั้งสองคนที่ประกบคู่ซ้ายขวามาก อาจจะเป็นเพราะเสื้อทำงานยาวๆถึงต้นขาสีขาวดำปกขอสีแดงมีซิบอยู่ตรงกลางจะทำให้เขาดูสูงขึ้นก็ตาม

         "นี่เธอหมายความว่ายังไง ไทฟูน รามุเนส" อาจารย์ฟุยุสึกิพูดขึ้นมาในขณะที่ทาคาฮาชิ ไอกับนีงาคิ ริสะ ที่เป็นประธานและรองประธานสภานักเรียนก็หันไปตามที่มาต้นเสียงเมื่อกี้ รวมไปถึงอาจารย์ที่มาอยู่ภายในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ด้วย

         "ก็หมายความตามที่พูดนั่นแหละครับ ไม่แน่ว่านี่อาจจะไม่ใช่ฝีมือของ คนที่ถูกเลือก ที่พวกเรากำลังคิดกันอยู่ก็ได้ แต่มันอาจจะเป็นฝีมือของอีกคนหนึ่งที่สามารถทำแบบนี้ได้เหมือนกัน" รามูเนสพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูแล้วเหมือนว่าเขากำลังโอ้อวดตนเอง

         "คนที่สามารถจะทำแบบนี้ได้งั้นเหรอ หรือว่า!!!! " แม้ว่าหลายคนจะไม่เข้าใจในสิ่งที่รามูเนสพูดมากนัก แต่นัยน์ตาของอาจารย์ฟุยุสึกิเบิกกว้างทันทีเมื่อเธอคิดอะไรออก เหมือนกับว่าเธอพึ่งเธอกับเหตุการณ์ที่น่าตกใจมาหมาดๆมาอย่างนั้น

         "ใช่แล้วครับ หลังจากนี้คงต้องขอปล่อยให้เป็นหน้าที่ของสารวัตรนักเรียนอย่างผมจัดการเถอะนะครับ" รามูเนสยังคงพูดด้วยหางเสียงสูงๆชวนมั่นใส้เหมือนเดิม


         เขาก็เดินหัมเพลงไปเพื่อไปยังโหลแก้วที่มีแหวนอยู่ข้างใน เขาวางหมาดเดินผ่านบรรดาอาจารย์ที่ยืนขวางเขาอยู่โดยไม่ได้แม้แต่จะเหลียวมองหรือสนใจคนรอบข้างเลย


         "ไม่ต้องห่วงนะครับ ไม่แน่ว่าคืนนี้เราอาจจะได้ตัวคนที่เรากำลังตามหาอยู่ก็ได้" ห้องโถงใหญ่ในพิพิธภัณฑ์ที่เคยเงียบไปครู่หนึ่งก็เกิดเสียงเจี้ยวจ้าวขึ้นมาอีกครั้งจากกลุ่มอาจารย์ ด้วยคำพูดประโยคเดียวของรามูเนส

         "คืนนี้คงพร้อมนะ... อัน อคิลลิส" เพราะคำถามของรามุเนสทำให้ทุกคนในห้องโถงนั้นต่างหันไปยังนักเรียนเจ้าของผมสีเขียว เขาคือนักเรียนที่เข้ามาพิพิธภัณฑ์พร้อมกับรามุเนสเมื่อกี้นั่นเอง "อืม"

         "คงเตรียมมาด้วยสินะ สิ่งๆนั้นน่ะ"

         อคิลลิสไม่ได้ตอบอะไรกับรามุเนส เขาทิ้งเอาไว้เพียงแค่ความเงียบงันกับสายตาที่จับจ้องไปยังแหวนที่อยู่ตรงหน้าของเขาเท่านั้น




         อีกด้านหนึ่งในตรอกเล็กๆที่น้อยผู้คนที่จะสัญจรไปมา เรยวิ่งตามพวกนักเลงที่จับตัวมิซึกิรุ่นน้องของเขาไป
         เรยวิ่งไปตามทางเดินแคบๆที่เต็มไปด้วยน้ำขังและเศษขยะมากมาย เพราะเสียงเอะอะใกล้ๆกับแถวนั้นทำให้เขาวิ่งตามไปได้อย่างไม่ได้หลงทางเลยแต่อย่างใด
         เรยวิ่งตามไปจนกระทั่งเขาไปหยุดอยู่ที่หน้าโกดังแห่งหนึ่ง ซึ่งเขาไม่รีรอที่จะรีบเข้าไปข้างในนั้นทันทีเมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องขอความช่วยเหลือของมิซึกิ

         เรยรีบวิ่งเข้าไปข้างในโกดังนั่นและสิ่งที่เขาเห็นทันทีที่เข้าไปข้างในนั้น คือภาพของพวกนักเลงกลุ่มใหญ่ๆมากกว่ายี่สิบคนกำลังยืนล้อมวงกันอยู่ ซึ่งกลางวงนั้นคือมิซุกิที่กำลังถูกนักเลงคนหนึ่งซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นหัวหน้าของนักเลงพวกนี้ค่อมร่างของเธอเอาไว้ไม่ให้ไปไหน
         นักเลงคนนั้นพยายามลวนลามร่างกายเธอทุกอย่างเท่าที่พละกำลังของผู้ชายที่มีอยู่จะทำได้ ในขณะที่มิซุกิทำได้แค่กรีดร้องและดิ้นไปมาแต่ก็ทำอะไรได้ เพราะแรงของผู้หญิงไม่สามารถจะสู้แรงของผู้ชายที่มีกำลังมากกว่าได้ เป็นภาพที่เรยเห็นแล้วเกินที่หัวใจของเขาจะรับไหวได้อีกต่อไป


         "หยุดเดี๋ยวนี้นะ!!!!!!!!!!!!"


         เสียงตะโกนลั่นโกดังของเรยทำให้พวกนักเลงต้องหยุดลงมือและหันไปยังที่มาของเสียงนั่น เรยหันไปหยิบท่อนไม้หน้าสามยาวๆที่เขาได้เห็นด้วยหางตาเมื่อกี้นี้ขึ้นมา แล้วย่างก้าวเข้าไปหากลุ่มนักเลงที่อยู่ตรงหน้า แต่พวกนักเลงตรงหน้าของเขาเองก็มีอาวุธอย่างไม้หน้าสาม ท่อนเหล็กยาวๆ และสนับมือติดตัวกันทุกคน
         และคิดว่าตอนนี้นักเลงทุกคนพร้อมที่จะเปิดศึกกับเรยได้ทุกเมื่อ เมื่อสายตาทุกคู่จดจ้องมายังชายหนุ่มที่เดินมาเดี่ยวๆอย่างไม่เกรงกลัวอะไร

         "แกเป็นใครกันฟร๊ะ!" นักเลงที่เป็นหัวหน้าถามขึ้นมาอย่างอหังกาในขณะที่ตัวของเขาก็นั่งค่อมตัวของมิซึกิผู้โชคร้ายอยู่ มือสองข้างของเขาก็ไม่ได้ผ่อนแรงที่กดตัวของมิซึกิเลยแม้แต่น้อย

         "...ฉันเป็นรุ่นพี่ของเธอคนนั้น" สิ้นเสียงของเรยที่ตอบอย่างมั่นใจ แต่ก็ทำให้เกิดเสียงหัวเราะลั่นโกดังของพวกนักเลงกลุ่มนั้น "รุ่นพี่เหรอ ฮ่าๆๆๆ ตลกว่ะพวกนายว่าป่ะ"

         "ปล่อยเธอเดี๋ยวนี้นะ!!!!!!" เรยตวาดลั่นเสียงเขียวอีกครั้งหนึ่ง พร้อมกับกำไม้หน้าสามที่อยู่ในมือแน่น สายตาของเขาตอนนี้เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวอย่างที่จะช่วยรุ่นน้องของเขาให้ได้

         "อยากได้ก็มาแย่งไปซิ.. จ๊ะ.." หัวหน้านักเลงคนนั้นพูดลากเสียงยาวๆอย่างน่าหมั่นใส "แต่ก่อนหน้านั้นน่ะฉันขอ หึหึหึ"

         สิ้นเสียงหัวเราะอันน่ารังเกียจของนักเลงที่นั่งค่อมอยู่ เขาก็เริ่มเอามือถูไปตามร่างกายของหญิงสาวที่นอนอยู่ข้างใต้อย่างไม่มีทางสู้ช้าๆ ในขณะที่มิซึกิก็ได้แต่ดิ้นขัดขืนไปมา เป็นภาพที่ทำให้เรยหมดความอดทนที่จะยืนดูเฉยๆอีกต่อไปแล้ว เรยสาวเท้าวิ่งเขาไปหาพวกนักเลงที่อยู่ตรงหน้าอย่างไม่กลัวอะไรอีกแล้ว


        "กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด อย่าน๊า!!!!!!!!! พี่เรยช่วยด้วย!!!!!!!!!"

         "หยุดนะโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยย"





         "เห้ยพวกแก เก็บมัน!"

         ลูกน้องของหัวหน้านักเลงพวกนั้นก็วิ่งเข้าห่ำหั่นกับชายหนุ่มตรงหน้าทันทีเมื่อได้ยินคำสั่ง เรยเปิดประเด็นด้วยไม้หน้าสามของเขาเข้าไปที่หลังของนักเลงที่วิ่งมาคนแรกจนล้มลงไปนอนกองกับพื้น ตามด้วยคนที่สองโดนเรยฟาดเข้าไปเต็มๆหน้า แต่เมื่อเขากำลังจะฟาดไปที่ตัวคนที่สามเขาก็โดนท่อนเหล็กที่นักเลงอีกคนถือมาฟาดเข้าที่ท้องของเขาจนเขาต้องล้มลงเพราะความเจ็บและจุก ตามมาด้วยสหบาทาของบรรดานักเลงทั้งหลายที่รุมกระทืบเขาที่นอนอยู่เพราะความเจ็บปวด

          เมื่อนัยน์ตาของเรยมองผ่านช่วงหว่างขาของนักเลงคนหนึ่งไป ภาพมิซึกิที่กำลังโดนลวนลาม มือของนักเลงเริ่มจะค่อยๆแหวกเสื้อนักเรียนสีแดงของมิซึกิ ทำให้ความโกรธของเรยเพิ่มขึ้นอีกเท่าทวีคูณจนเขาสามารถลุกขึ้นแล้วแหวกฝ่าวงล้อมของกลุ่มนักเลงที่กำลังรุมกระทืบเขาได้

         แม้เรยจะรู้ว่าร่างกายแท้จะยืนไม่ไหวแล้ว แต่เขาก็ใช้กำลังที่เหลือขว้างไม้หน้าสามส่วนที่เหลือส่วนที่ยังไม่ได้หักเพราะจากการต่อสู้ออกไปโดนศีรษะของหัวหน้านักเลง ที่กำลังมีความสุขอยู่กับการขืนใจของหญิงสาวที่นอนอยู่ข้างล่างอย่างจัง ด้วยความแรงของไม้ที่กระทบเข้าที่ศีรษะทำให้นักเลงคนนั้นหัวเสียเลยต้องลุกขึ้นมาก่อน

         "อยากตายมากใช่ไหม เดี๋ยวจัดให้!!!"

         พูดเสร็จเขาก็ไปขว้าท่อนเหล็กแล้วหวดไปที่ท้องและหลังของเรยอย่างแรง เมื่อเรยล้มลงเขาก็ไม่ปล่อยให้คนที่กำลังนอนอยู่ได้หายใจ กระหน่ำตีเรยด้วยท่อนเหล็กอันนั้นอย่างไม่ยั้งมือจนเรยสำลักเลือดออกมาและเลือดกระเด็นกระดอนไปตามจังหวะการตีของหัวหน้านักเลงคนนั้น

         
         "อึดนักใช่ไหมแก อึดนักใช่ไหม!!!!!

         
         "อย่า!!! หยุดนะ!!! พอที!!!"
         แม้มิซึกิจะพยายามเข้าไปดึงท่อนเหล็กออกมาเพื่อช่วยรุ่นพี่ของเธอที่กำลังนอนหมดสภาพ แต่คนที่ถือท่อนเหล็กเอาไว้ก็ไม่ได้มีความคิดที่จะหยุดเลยแม้แต่น้อย
         มิหนำซ้ำมิซึกิเธอยังโดนตบจนเธอล้มลงไปกับพื้นแล้วนักเลงสองคนที่ยืนดูอยู่ข้างๆก็เข้ามาล๊อคแขนของเธอเอาไว้แล้วปล่อยให้เธอยืนดูรุ่นพี่ของเธอ ที่ตอนนี้กำลังนอนสำรอกออกมาเป็นเลือดเพราะช้ำในไปทั้งตัวแล้ว

         แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังกระหน่ำตีเรยอย่างมันมือต่อไปจนอีกครั้งที่เรยอาเจียนออกมาเป็นเลือด เรยเริ่มรู้สึกเหมือนมีอะไรจะหักไป ข้างในร่างกายของเขาคงจะมีกระดูกหักไปแล้วแน่ๆไม่ซักสองก็ซักสาม เรี่ยวแรงที่เคยมีอยู่หายไปหมดและสติเริ่มเลอะเลือน

         "รุ่นพี่ ฮื้ออออออออ" มิซึกิร้องไห้อย่างหนักเมื่อเธอเห็นอาการปางตายของรุ่นพี่ที่พยายามมาช่วยเธอ แต่เขากลับกำลังจะเอาชีวิตมาทั้งเอาไว้ที่แห่งนี้ ที่ๆเขาไม่สมควรที่จะตาย

         พอคนที่กำลังซัดเรยคิดว่าเขาซัดเรยได้หนำใจแล้ว เขาก็เหวี่ยงท่อนเหล็กที่ชุ่มไปด้วยเลือดของเรยแล้วหันไปหามิซึกิ เขาใช้มือทั้งสองข้างแหวกเสื้อนักเรียนสีแดงรวมไปถึงเสื้อนักเรียนข้างในสีขาวอีกชั้นหนึ่งของมิซึกิจนกระดุมหลุดออกไปทั้งหมด เผยให้เห็นเรือนร่างของเธอและชั้นในสีขาวที่ปกปิดสิ่งลับของเธอเอาไว้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่