ที่มา : ข่าวการเมือง มติชนออนไลน์ 20 พ.ย. 2556
เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน นายพนัส ทัศนียานนท์ อดีตคณบดีนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่าการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ประเด็นที่มาของ ส.ว.ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ว่า ตนยังไม่ทราบรายละเอียดของคำวินิจฉัย แต่ได้คาดเดาไว้อยู่แล้วว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะต้องมีคำวินิจฉัยว่าขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 แต่คิดไม่ถึงว่าศาลรัฐธรรมนูญจะหยิบยกมาตรา 3 ของรัฐธรรมนูญในเรื่อง “หลักนิติธรรม” มาอ้างว่าศาลมีสิทธิในการวินิจฉัยร่างฯแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทั้งๆที่ในรัฐธรรมนูญไม่มีบทบัญญัติในมาตราใดเลย แม้แต่ในมาตรา 291 ที่ให้ศาลรัฐธรรมนูญเข้ามามีอำนาจตรวจสอบร่างฯแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ ส่วนการศาลไม่มีคำสั่งยุบพรรคนั้น ตนที่เข้าใจว่า เป็นที่รู้กันอยู่แล้ว หากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยยุบพรรคไม่สามารถถอดถอน ส.ส.และส.ว.ทั้ง 312 คนได้ เพราะไม่ได้เป็นกรรมการบริหารพรรคการเมือง แต่ในเมื่อศาลรัฐธรรมนูญชี้แล้วว่า การกระทำของทั้ง 312 คน มิชอบตามรัฐธรรมนูญ จึงเข้าข่ายถูกเพิกถอน ดังนั้น จึงการโยนลูกให้ผู้ที่ยื่นคำร้องไปดำเนินการถอดถอนต่อ ป.ป.ช.เอาเอง ทั้งนี้ หาก ป.ป.ช.ชี้มูลจริง ส.ส.และ ส.ว.ทั้ง 312 คนก็ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ และคิดว่าน่าจะมีปัญหาเรื่ององค์ประชุมของสภาฯ จนไม่สามารถทำการประชุมได้
เมื่อถามว่า ในเมื่อนายกฯ นำร่างฯแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ที่มา ส.ว.ขึ้นทูลเกล้าแล้ว ขั้นตอนหลังจากนี้จะต้องทำอย่างไร นายพนัส กล่าวว่า ขั้นตอนหลังจากนี้รัฐธรรมนูญไม่ได้เขียนไว้เลย แต่จากผลของคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ก็พอที่จะอนุมานได้ว่า ร่างฯแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มา ส.ว.เป็นโมฆะไปแล้ว
"พนัส" ระบุคิดไม่ถึงศาล รธน.อ้างหลักนิติธรรมในการตัดสินคดี
เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน นายพนัส ทัศนียานนท์ อดีตคณบดีนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่าการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ประเด็นที่มาของ ส.ว.ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ว่า ตนยังไม่ทราบรายละเอียดของคำวินิจฉัย แต่ได้คาดเดาไว้อยู่แล้วว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะต้องมีคำวินิจฉัยว่าขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 แต่คิดไม่ถึงว่าศาลรัฐธรรมนูญจะหยิบยกมาตรา 3 ของรัฐธรรมนูญในเรื่อง “หลักนิติธรรม” มาอ้างว่าศาลมีสิทธิในการวินิจฉัยร่างฯแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทั้งๆที่ในรัฐธรรมนูญไม่มีบทบัญญัติในมาตราใดเลย แม้แต่ในมาตรา 291 ที่ให้ศาลรัฐธรรมนูญเข้ามามีอำนาจตรวจสอบร่างฯแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ ส่วนการศาลไม่มีคำสั่งยุบพรรคนั้น ตนที่เข้าใจว่า เป็นที่รู้กันอยู่แล้ว หากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยยุบพรรคไม่สามารถถอดถอน ส.ส.และส.ว.ทั้ง 312 คนได้ เพราะไม่ได้เป็นกรรมการบริหารพรรคการเมือง แต่ในเมื่อศาลรัฐธรรมนูญชี้แล้วว่า การกระทำของทั้ง 312 คน มิชอบตามรัฐธรรมนูญ จึงเข้าข่ายถูกเพิกถอน ดังนั้น จึงการโยนลูกให้ผู้ที่ยื่นคำร้องไปดำเนินการถอดถอนต่อ ป.ป.ช.เอาเอง ทั้งนี้ หาก ป.ป.ช.ชี้มูลจริง ส.ส.และ ส.ว.ทั้ง 312 คนก็ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ และคิดว่าน่าจะมีปัญหาเรื่ององค์ประชุมของสภาฯ จนไม่สามารถทำการประชุมได้
เมื่อถามว่า ในเมื่อนายกฯ นำร่างฯแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ที่มา ส.ว.ขึ้นทูลเกล้าแล้ว ขั้นตอนหลังจากนี้จะต้องทำอย่างไร นายพนัส กล่าวว่า ขั้นตอนหลังจากนี้รัฐธรรมนูญไม่ได้เขียนไว้เลย แต่จากผลของคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ก็พอที่จะอนุมานได้ว่า ร่างฯแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มา ส.ว.เป็นโมฆะไปแล้ว