สวัสดีค่ะเพื่อนๆ หลังจากที่เราแอบอ่านเรื่องราวความรักของใครหลายๆคนในพันทิปมานาน
เราก็ตัดสินใจสมัครสมาชิก เพื่อที่จะบอกเล่าสิ่งที่เราเจอมา ว่าเราได้อะไรมากมายหลายอย่างเลยค่ะ
เพื่อนๆเคย แอบรัก ใครซักคนมั๊ยคะ แบบว่า มันจะมีอาการหัวใจเต้นเร็วเกิน 120 กม./ชม.
หน้าแดง ใจสั่น เหมือนจะเป็นลมแค่ได้เห็นหน้า เว่อร์ไปๆ 555 ไม่ใช่ทุกคนที่จะอาการหนักขนาดนั้นหรอกค่ะ
อาจแค่ การที่ได้แอบมองใครซักคนจากมุมเล็กๆ ก็มีความสุขไปได้ทั้งวันแล้วล่ะ
เราก็เป็นคนนึง ที่เคยมีอาการแบบนั้นเหมือนกันค่ะ
เรื่องที่จะเล่า อาจฟังดูเหมือนเรื่องแต่ง แต่เคยได้ยินมั๊ยคะ ว่า ชีวิตจริงยิ่งกว่านิยาย
เรื่องราวทั้งหมดเป็นเรื่องจริง ที่มีการปรับเปลี่ยนวัน เวลา สถานที่ และชื่อ เพื่อไม่ให้ใครรู้ค่ะว่าเราเป็นใคร 555
แต่เรื่องที่จะเล่า เป็นเพราะอยากบอกกับเพื่อนๆว่า
ความรักเป็นเรื่องที่สวยงามสำหรับเราเสมอ ไม่ว่าตอนจบจะเป็นอย่างไรก็ตาม
เพราะสิ่งสำคัญคือเรื่องราวที่ได้พบเจอระหว่างทางต่างหากค่ะ
เรื่องนี้เกิดขึ้นสมัยเราอยู่ปี 1 เป็นเฟรชชี่หน้าใส ไปรับน้องมหาลัยครั้งแรก
แล้วจะเป็นพรมลิขิตหรือโชคชะตาอะไรก็ตามค่ะ
คือเราอยู่กันคนละคณะ แต่ได้มาอยู่กลุ่มย่อยเดียวกับเค้า เลยได้รู้จักกัน
เราประทับใจเค้าตั้งแต่แค่คุยกันไม่กี่คำ จากนั้นเราก็เริ่มปฏิบัติการสืบเรื่องเค้า
ถึงตอนนี้ นึกแล้วก็ยังขำค่ะ ว่าเราทำไปได้ยังไง
คือเราเป็นผู้หญิงยุคเก่ามั้งคะ ไม่ว่ายังไงจะไม่ให้ผู้ชายรู้ว่าสนใจก่อน
เพราะฉะนั้นทุกสิ่งที่ทำเป็นความลับสุดยอดค่ะ
เราสืบก่อนเลยว่าเค้าเป็นชายแท้รึเปล่า 555 รู้มาว่าเค้ายังไม่มีแฟน
สืบจนรู้ไปถึงเบอร์เค้า ที่อยู่ เบอร์บ้าน ชื่อและเบอร์พ่อแม่ นิสัยบางอย่าง ของที่ชอบ/ไม่ชอบ
นึกๆแล้วยังแอบกลัวตัวเองอยู่เลย 555
ข้อมูลพวกนี้เราหาได้ตั้งแต่ยังไม่ได้คุยกันครั้งที่สองด้วยซ้ำ อาการหนักเหมือนกันนะเนี่ย
ตามสไตล์นิยายแจ่มใสค่ะ เราเป็นผู้หญิงธรรมดา
ไม่ใช่แบบที่ผู้ชายมองมาครั้งแรกแล้วอยากทำความรู้จัก
ส่วนเค้า มาแบบครบสูตรเจ้าชายน้ำแข็ง แม้ภายนอกจะดูเหมือนเฟรนด์ลี่
แต่ถ้าใครเข้าใกล้มากเกินไป ก็จะสร้างเกราะน้ำแข็งกันคนๆนั้นออกไปค่ะ
เค้าเป็นคนที่แทบจะเพอร์เฟคทุกด้าน ขาวๆ เรียนดี เล่นกีตาร์ เล่นกีฬาด้วย
และที่สำคัญมีผู้หญิงมากมายที่อยากทำความรู้จักเค้า ทำให้เราเข้าถึงตัวยากจริงๆ
เพราะความที่เราห่างกัน ทำให้คิดว่าคงทำได้แค่แอบมองอย่างนี้มั้ง
แต่แล้วก็เป็นเพราะเจ้าโชคชะตานี่แหละค่ะ ที่ทำให้เกิดเรื่องขึ้นมา
เราได้เรียนคลาสนึงกรุ๊ปเดียวกับเค้า แล้วก็ลงวิชาเลือกเดียวกันทั้งปีอีกต่างหากค่ะ
ฟ้าคะ ถ้าจะอยากให้รู้จักกันขนาดนี้ เราก็ไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไปแน่นอน555
ช่วงแรกที่เปิดเรียน เราแอบสังเกตเค้าเฉยๆค่ะ ไม่ทำอะไรให้เป็นที่สงสัย
ความจริงกลัวด้วย คิดอยู่นานมาก ว่าถ้าได้คุยจะเริ่มยังไง ชวนคุยอะไร เค้าจะจำเราได้มั๊ย
ผ่านไปเกือบเดือน กว่าฟ้าจะเข้าข้างเรา เป็นวันที่เค้าไม่มีคนมารายล้อม
เราตัดสินใจวินาทีนั้นเลย ลากเพื่อนไปนั่งข้างๆเค้าค่ะ
ท่าทางเค้าจะจำเราไม่ได้ ไม่เป็นไร เราเลยได้ทำความรู้จักกับเค้าใหม่
อะไรที่เตรียมไว้ว่าจะพูด ลืมหมด คิดใหม่หมด กลัวว่าถ้าผ่านโอกาสนี้ไปจะไม่ได้คุยกับเค้าอีก
พยายามทำตัวปกติ แบบอยากรู้จักเพื่อนใหม่อะไรอย่างนี้
คุยกันไม่เยอะหรอก มัวแต่คิดมาก แต่เจอกันอีกรอบ เค้าก็จำเราได้แล้วนะ ถือว่าการเข้าหาเค้าสำเร็จระดับนึงค่ะ
ถ้าวันไหนมีโอกาส นั่งข้างๆเค้า เราก็พยายามหาเรื่องชวนเค้าคุย พยายามทำให้เค้ายิ้ม
ถ้าวันไหนทำให้เค้าหัวเราะได้นี่เราฟินไปทั้งวันเลยค่ะ
เราไม่ได้ไปนั่งข้างเค้าบ่อยหรอกนะ เว้นช่วงไปเป็นระยะ
เผื่อเค้าจะคิดว่าเราหายไปไหน 555 ได้ไม่เป็นที่น่าสงสัยด้วย
เราคิดว่า เรื่องของเรา ถ้าให้นิยามเป็นคำๆเดียว คงเป็นคำว่า ความบังเอิญ
เรายอมรับว่าบางครั้ง เราก็สร้างสถานการณ์ขึ้นมาให้ได้เจอกัน
แต่ถ้าไม่มีโชคชะตาช่วยแล้วล่ะก็ เราคงไม่ได้รู้จักเค้าขนาดนี้หรอกค่ะ
เราก็เข้าหาเค้ามั่ง หายตัวไปมั่ง เป็นแบบนี้เกือบ 2 เดือน ที่เราไม่ได้เล่าให้ใครฟังเลย เป็นบ้าอยู่คนเดียว
ก่อนที่วันนึง จะทำให้เกิดจุดเปลี่ยนในชีวิตเรา
มันเป็นเรื่องที่เหมือนหลุดออกมาจากนิยาย แต่มันก็เกิดขึ้นจริงกับเรา
เรากำลังนอนเล่น ปั่นงานอยู่ที่หอตอนกลางคืน
ก่อนที่จะมีคนถล่มประตูห้องเราเข้ามา เธอเป็นเพื่อนสนิทเราคนนึงที่รู้จักกันมานาน
ที่สำคัญ เธออยู่คณะเดียวกับเค้าด้วย แต่งตัว แต่งหน้ามาแบบจัดเต็ม
"แกๆๆ รู้จักโรงแรม..ป้ะ ไปเป็นเพื่อนหน่อยดิ"
"ไปทำไม"
"ชั้นจะไปงานคณะอ่ะ ไปด้วยกันเลยมั๊ยล่ะ"
"ห่ะ อะไรของแกเนี่ย ไม่เอา ทำไมไม่ไปกับเพื่อนอ่ะ"
สรุปว่าเธอทะเลาะกับเพื่อนๆในกลุ่มค่ะ เลยจะขับรถไปเอง
แล้วจะให้เราไปช่วยดูจีพีเอสให้ ขอบคุณนะ นอนสบายๆอยู่ดีๆ หาเรื่องอะไรมาให้เนี่ย
"น่าแก ไปเดินเล่นแถวๆนั้นรอก็ได้ เปิดถึงเกือบเที่ยงคืนอ่ะ ชั้นไม่กลับดึกหรอก"
"ไม่ ไม่มีชุด" เหตุผลงี่เง่าที่เพื่อนเราไม่รับรู้
สุดท้าย เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเรายอมเปลี่ยนชุด
คว้าเดรสดำธรรมดา พอให้ไม่ถูกเตะออกจากโรงแรมในฐานะคนใช้มาเปลี่ยน
ก่อนจะถูกจับยัดใส่เบาะหน้า แล้วเพื่อนเราก็ขับรถออกไป
โฮ ทำไมชีวิตเราถึงได้ไม่เจอ พระเอกหล่อๆ บังคับนางเอกขึ้นรถแล้วขับออกไปมั่งนะ
"ชั้นให้แกมาช่วยดูทาง ไม่ใช่มานั่งแต่งหน้า"
"แล้วแกเห็นสภาพชั้นมั๊ย" หน้าโทรมเพราะกำลังทำโปรเจก ผมชี้เพราะเพิ่งออกจากที่นอน
ผมเนี่ยคงทำอะไรไม่ทันแล้ว แต่หน้าเนี่ย ปกติก็ไม่ได้แต่งมากมาย แต่วันเนี้ย ขอเถอะ เผื่อเจอเค้า555
เราเถียงกันไปตลอดทาง เอาจริงๆเพื่อนเราพอจะไปโรงแรมถูกอยู่หรอก
แต่เธอกลัวการขับรถกลางคืน เราเลยได้มานั่งเป็นเพื่อนแล้วรอเธอกลับ ใช้งานชั้นยังกะแฟน
พอไปถึง เราก็แยกกับเพื่อนที่จอดรถ เราเดินเล่นแถวนั้นพักนึง
คือเราไม่ชอบเที่ยวกลางคืนค่ะ แต่ถ้าเพื่อนรู้ว่าเรานั่งรอที่ล็อบบี้ตลอดเวลาที่เธอเข้างานคงไม่ยอม
เราเลยรอให้เพื่อนเข้างานไปแน่ๆ ก่อนย้อนมานั่งรอที่โรงแรม
เราเอางานมานั่งทำ แต่ผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง เราก็ได้หยุดทำงานถาวร
เราเห็นเค้าเดินลงจากบันไดเลื่อน กำลังคุยโทรศัพท์อยู่
เดาว่าในงานคงเสียงดัง เลยมาหาที่เงียบๆคุย
เรานี่แทบช็อก คือตอนตกลงมากับเพื่อนเนี่ย แอบหวังเล็กๆว่าเห็นเค้าไกลๆก็ยังดี
อยากเห็นเค้าใส่สูท ไม่นึกว่าจะมาให้เห็นต่อหน้า
เค้าไม่ทันได้สังเกตเรา เราเลยทำเป็นมองไม่เห็น ก้มหน้าอ่านสิ่งที่อยู่ในมือ
แต่ความจริงแล้วไม่รู้ด้วยซ้ำว่าถืออะไรอยู่ คิดๆดู ดีนะไม่ถือกระดาษกลับหัว ไม่งั้นคงหน้าแตกกว่านี้แน่
ไม่อยากเชื่อค่ะ อยู่ๆก็มีคนมานั่งข้างๆเรา พอหันไปดู เป็นเค้าจริงๆด้วย
หัวใจเต้นเร็วมาก เค้าหล่อยังกับเจ้าชาย นึกว่าอยู่ในหนังเกาหลี เดี๋ยวนะ ไม่เอาๆ เดี๋ยวนางเอกเป็นลิวคีเมียตาย
"นึกยังไงย้ายที่ทำงานมาไกลขนาดนี้เนี่ย"
เราเล่าให้เค้าฟังสั้นๆ เค้าก็ดูขำๆ ไม่ได้ว่าอะไร
"ไม่กลับเข้าไปในงานหรอ"
"ไม่อ่ะ คนเยอะ ไม่มีที่นั่ง เมื่อย"
"อื้อ" เราสมองไม่ทำงาน ไม่รู้จะชวนคุยอะไรต่อ
"ชุดสวยดีนะ" อยู่ๆเค้าก็พูดขึ้นมา
อะไรของเค้า มาเรื่องนี้ได้ไง ชุดสวย แล้วหน้าล่ะดูไม่ได้รึไง ทำไม่ไม่ชมเรา หรือนั่นเรียกว่าชมแล้ว
"ขอบคุณ" เราก็บ้าจี้ตอบ
เค้านั่งเงียบๆ ดูอะไรในมือถือไป เราก็อ่านอะไรไป พักนึง เค้าก็กลับเข้าไปในงาน แต่เรานี่สิ ทำอะไรไม่ถูกแล้ว
ผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ เพื่อนเราก็ชวนกลับ เราก็พยายามทำตัวปกติ
แต่ความจริงกำลังทวนบทสนทนาเรากับเค้าซ้ำๆ แล้วมันก็เป็นแบบนี้ทุกครั้งที่เราได้คุยกับเค้าเลยค่ะ
เป็นจุดเริ่มต้นของหนึ่งในหลายๆเหตุการณ์ที่ทำให้เราไม่สามารถเลิกชอบเค้าได้ง่ายๆ
หลังเหตุการณ์นี้ผ่านไปหลายเดือน จนสนิทกันระดับนึงแล้ว
เค้าค่อยสารภาพว่าตอนที่นั่งข้างๆ เค้าเห็นผมเราชี้ เลยพยายามจิ้มผมเราเล่น
ดูว่าจะจิ้มได้กี่ทีก่อนที่เราจะรู้สึกตัว แต่สุดท้ายแล้ว เราก็ไม่รู้เรื่องแหละ555
แล้วก็กลับสู่วงจรเดิม คุยกันมั่ง ห่างกันมั่ง แต่มันมีอะไรที่ไม่เหมือนเดิม
เราเริ่มกล้าที่จะคุยเล่นกับเค้า เคยคิดว่าเค้าน่าจะเข้าถึงยากนะ แต่ความจริงก็ไม่ได้ขนาดนั้น
เราชอบชวนเค้าคุยค่ะ ไม่เคยพยายามทำให้ใครสนุกเวลาคุยกับเราเท่านี้มาก่อน แต่เราเก็บอาการเก่งนะ 555
มีเพื่อนอีกคนที่อยู่ด้วยกันตลอด ที่มารู้เรื่องเรากับเค้าตอนผ่านไปเกือบปีแล้วล่ะ
มันบอกว่าแกเนียนมาก ถ้าไม่สังเกตแบบจริงจังดูไม่ออกเลย
จำได้ว่า มีอยู่วันนึง เราได้นั่งข้างเค้า เป็นชั่วโมงที่ทั้งห้องมีคนฟังอาจารย์อยู่คนเดียว
แบบว่าเป็นคนที่นั่งหน้าโต๊ะอาจารย์ เราเลยชวนเค้าคุยค่ะ แบบเริ่มถามถึงตัวเค้าจริงจัง
“ทำไมเลือกเรียนคณะนี้อ่ะ” เราถามเค้า
"เอาตั้งแต่ต้นเลยหรอ คือเราสอบติดคณะฟ.กับคณะด."
"อ้าว แล้วทำไมมาเรียนอันนี้ได้"
"ประกาศผลทีหลัง ตอนนั้นบ้านเราอ่ะ แบ่งเป็นสามก๊กเลย คือ..."
เค้าเล่าไปเรื่อยๆ แล้วก็ชวนเราคุย
"จะถึงงานมหาลัยแล้ว ลงกีฬาอะไรป้ะ" เค้าถาม
"ไม่ อย่าเห็นเราเล่นกีฬาเลยดีกว่า"
"ทำไมอ่ะ ไม่แย่ขนาดนั้นหรอก คณะเราไม่มีคนเล่นเทนนิส เลยลองลงดู"
"ตอนเราเสิร์ฟเทนนิสครั้งแรกนะ ลูกไปลงหัวครูที่ยืนอยู่ข้างสนามฝั่งเราเลย"
ยิ่งคุยด้วยยิ่งรู้สึกว่าเค้าเป็นคนที่น่ารักค่ะ ฟังมากกว่าพูด สนใจคนพูดตลอดเวลา
ขำง่ายแต่นานๆจะหลุดหัวเราะออกมาเลย แต่เสียอย่างเดียว
เพื่อนๆเคยเจอคนที่คุยง่าย แต่รู้จักยากมั๊ยคะ เค้าเป็นคนประเภทนั้นแหละ
คือถ้าเริ่มจะเข้าใกล้เค้ามากไป เค้าก็จะถอยออกมา พูดง่ายๆว่าสนิทยาก
อาจจะเป็นเพราะมีผู้หญิงเข้าไปคุยกับเค้ามากมาย เลยต้องวางระยะห่างให้ชัดเจนมั้งคะ
เค้าเป็นคนที่ป๊อบระดับหนึ่ง คงเป็นเพราะเฟรนด์ลี่
เราเป็นคนที่รู้สึกได้เวลามีผู้หญิงมาคุยกับเค้า เราจะรับรู้ว่าคนนี้สนใจเค้านะ คนนี้เป็นเพื่อนกัน
ในผู้หญิงที่เข้าหาเค้านะ มีหลากหลายมาก ทั้งอยู่ๆก็เดินเข้ามาทักทั้งที่ไม่รู้จักกัน,
โพสบนวอลเฟสบุ๊ค 3 เวลาหลังอาหาร,
โทรศัพท์มาคุย (อันนี้มีคนเล่าให้ฟังอีกที),
ให้เค้าช่วยติวให้ ทั้งในม. นัดไปข้างนอก หรือไปที่หอ (2 อันหลังเค้าไม่เคยรับปากนะ)
พอเค้าเริ่มแน่ใจว่าใครชอบเค้าจริงๆ เค้าก็จะวางตัวห่างออกมาค่ะ
เราก็จิตตก เหนื่อย ไม่กล้าทำอะไรมากไปกว่านี้แล้ว
สุดท้าย เราก็เลือกที่จะเข้าหาเค้าแบบอยากเป็นเพื่อนที่ดีกับเค้า เท่านี้เราก็โอเคแล้ว
เดี๋ยวมาเล่าต่อนะคะ
เรื่องเล่า จากคนแอบรัก
เราก็ตัดสินใจสมัครสมาชิก เพื่อที่จะบอกเล่าสิ่งที่เราเจอมา ว่าเราได้อะไรมากมายหลายอย่างเลยค่ะ
เพื่อนๆเคย แอบรัก ใครซักคนมั๊ยคะ แบบว่า มันจะมีอาการหัวใจเต้นเร็วเกิน 120 กม./ชม.
หน้าแดง ใจสั่น เหมือนจะเป็นลมแค่ได้เห็นหน้า เว่อร์ไปๆ 555 ไม่ใช่ทุกคนที่จะอาการหนักขนาดนั้นหรอกค่ะ
อาจแค่ การที่ได้แอบมองใครซักคนจากมุมเล็กๆ ก็มีความสุขไปได้ทั้งวันแล้วล่ะ
เราก็เป็นคนนึง ที่เคยมีอาการแบบนั้นเหมือนกันค่ะ
เรื่องที่จะเล่า อาจฟังดูเหมือนเรื่องแต่ง แต่เคยได้ยินมั๊ยคะ ว่า ชีวิตจริงยิ่งกว่านิยาย
เรื่องราวทั้งหมดเป็นเรื่องจริง ที่มีการปรับเปลี่ยนวัน เวลา สถานที่ และชื่อ เพื่อไม่ให้ใครรู้ค่ะว่าเราเป็นใคร 555
แต่เรื่องที่จะเล่า เป็นเพราะอยากบอกกับเพื่อนๆว่า
ความรักเป็นเรื่องที่สวยงามสำหรับเราเสมอ ไม่ว่าตอนจบจะเป็นอย่างไรก็ตาม
เพราะสิ่งสำคัญคือเรื่องราวที่ได้พบเจอระหว่างทางต่างหากค่ะ
เรื่องนี้เกิดขึ้นสมัยเราอยู่ปี 1 เป็นเฟรชชี่หน้าใส ไปรับน้องมหาลัยครั้งแรก
แล้วจะเป็นพรมลิขิตหรือโชคชะตาอะไรก็ตามค่ะ
คือเราอยู่กันคนละคณะ แต่ได้มาอยู่กลุ่มย่อยเดียวกับเค้า เลยได้รู้จักกัน
เราประทับใจเค้าตั้งแต่แค่คุยกันไม่กี่คำ จากนั้นเราก็เริ่มปฏิบัติการสืบเรื่องเค้า
ถึงตอนนี้ นึกแล้วก็ยังขำค่ะ ว่าเราทำไปได้ยังไง
คือเราเป็นผู้หญิงยุคเก่ามั้งคะ ไม่ว่ายังไงจะไม่ให้ผู้ชายรู้ว่าสนใจก่อน
เพราะฉะนั้นทุกสิ่งที่ทำเป็นความลับสุดยอดค่ะ
เราสืบก่อนเลยว่าเค้าเป็นชายแท้รึเปล่า 555 รู้มาว่าเค้ายังไม่มีแฟน
สืบจนรู้ไปถึงเบอร์เค้า ที่อยู่ เบอร์บ้าน ชื่อและเบอร์พ่อแม่ นิสัยบางอย่าง ของที่ชอบ/ไม่ชอบ
นึกๆแล้วยังแอบกลัวตัวเองอยู่เลย 555
ข้อมูลพวกนี้เราหาได้ตั้งแต่ยังไม่ได้คุยกันครั้งที่สองด้วยซ้ำ อาการหนักเหมือนกันนะเนี่ย
ตามสไตล์นิยายแจ่มใสค่ะ เราเป็นผู้หญิงธรรมดา
ไม่ใช่แบบที่ผู้ชายมองมาครั้งแรกแล้วอยากทำความรู้จัก
ส่วนเค้า มาแบบครบสูตรเจ้าชายน้ำแข็ง แม้ภายนอกจะดูเหมือนเฟรนด์ลี่
แต่ถ้าใครเข้าใกล้มากเกินไป ก็จะสร้างเกราะน้ำแข็งกันคนๆนั้นออกไปค่ะ
เค้าเป็นคนที่แทบจะเพอร์เฟคทุกด้าน ขาวๆ เรียนดี เล่นกีตาร์ เล่นกีฬาด้วย
และที่สำคัญมีผู้หญิงมากมายที่อยากทำความรู้จักเค้า ทำให้เราเข้าถึงตัวยากจริงๆ
เพราะความที่เราห่างกัน ทำให้คิดว่าคงทำได้แค่แอบมองอย่างนี้มั้ง
แต่แล้วก็เป็นเพราะเจ้าโชคชะตานี่แหละค่ะ ที่ทำให้เกิดเรื่องขึ้นมา
เราได้เรียนคลาสนึงกรุ๊ปเดียวกับเค้า แล้วก็ลงวิชาเลือกเดียวกันทั้งปีอีกต่างหากค่ะ
ฟ้าคะ ถ้าจะอยากให้รู้จักกันขนาดนี้ เราก็ไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไปแน่นอน555
ช่วงแรกที่เปิดเรียน เราแอบสังเกตเค้าเฉยๆค่ะ ไม่ทำอะไรให้เป็นที่สงสัย
ความจริงกลัวด้วย คิดอยู่นานมาก ว่าถ้าได้คุยจะเริ่มยังไง ชวนคุยอะไร เค้าจะจำเราได้มั๊ย
ผ่านไปเกือบเดือน กว่าฟ้าจะเข้าข้างเรา เป็นวันที่เค้าไม่มีคนมารายล้อม
เราตัดสินใจวินาทีนั้นเลย ลากเพื่อนไปนั่งข้างๆเค้าค่ะ
ท่าทางเค้าจะจำเราไม่ได้ ไม่เป็นไร เราเลยได้ทำความรู้จักกับเค้าใหม่
อะไรที่เตรียมไว้ว่าจะพูด ลืมหมด คิดใหม่หมด กลัวว่าถ้าผ่านโอกาสนี้ไปจะไม่ได้คุยกับเค้าอีก
พยายามทำตัวปกติ แบบอยากรู้จักเพื่อนใหม่อะไรอย่างนี้
คุยกันไม่เยอะหรอก มัวแต่คิดมาก แต่เจอกันอีกรอบ เค้าก็จำเราได้แล้วนะ ถือว่าการเข้าหาเค้าสำเร็จระดับนึงค่ะ
ถ้าวันไหนมีโอกาส นั่งข้างๆเค้า เราก็พยายามหาเรื่องชวนเค้าคุย พยายามทำให้เค้ายิ้ม
ถ้าวันไหนทำให้เค้าหัวเราะได้นี่เราฟินไปทั้งวันเลยค่ะ
เราไม่ได้ไปนั่งข้างเค้าบ่อยหรอกนะ เว้นช่วงไปเป็นระยะ
เผื่อเค้าจะคิดว่าเราหายไปไหน 555 ได้ไม่เป็นที่น่าสงสัยด้วย
เราคิดว่า เรื่องของเรา ถ้าให้นิยามเป็นคำๆเดียว คงเป็นคำว่า ความบังเอิญ
เรายอมรับว่าบางครั้ง เราก็สร้างสถานการณ์ขึ้นมาให้ได้เจอกัน
แต่ถ้าไม่มีโชคชะตาช่วยแล้วล่ะก็ เราคงไม่ได้รู้จักเค้าขนาดนี้หรอกค่ะ
เราก็เข้าหาเค้ามั่ง หายตัวไปมั่ง เป็นแบบนี้เกือบ 2 เดือน ที่เราไม่ได้เล่าให้ใครฟังเลย เป็นบ้าอยู่คนเดียว
ก่อนที่วันนึง จะทำให้เกิดจุดเปลี่ยนในชีวิตเรา
มันเป็นเรื่องที่เหมือนหลุดออกมาจากนิยาย แต่มันก็เกิดขึ้นจริงกับเรา
เรากำลังนอนเล่น ปั่นงานอยู่ที่หอตอนกลางคืน
ก่อนที่จะมีคนถล่มประตูห้องเราเข้ามา เธอเป็นเพื่อนสนิทเราคนนึงที่รู้จักกันมานาน
ที่สำคัญ เธออยู่คณะเดียวกับเค้าด้วย แต่งตัว แต่งหน้ามาแบบจัดเต็ม
"แกๆๆ รู้จักโรงแรม..ป้ะ ไปเป็นเพื่อนหน่อยดิ"
"ไปทำไม"
"ชั้นจะไปงานคณะอ่ะ ไปด้วยกันเลยมั๊ยล่ะ"
"ห่ะ อะไรของแกเนี่ย ไม่เอา ทำไมไม่ไปกับเพื่อนอ่ะ"
สรุปว่าเธอทะเลาะกับเพื่อนๆในกลุ่มค่ะ เลยจะขับรถไปเอง
แล้วจะให้เราไปช่วยดูจีพีเอสให้ ขอบคุณนะ นอนสบายๆอยู่ดีๆ หาเรื่องอะไรมาให้เนี่ย
"น่าแก ไปเดินเล่นแถวๆนั้นรอก็ได้ เปิดถึงเกือบเที่ยงคืนอ่ะ ชั้นไม่กลับดึกหรอก"
"ไม่ ไม่มีชุด" เหตุผลงี่เง่าที่เพื่อนเราไม่รับรู้
สุดท้าย เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเรายอมเปลี่ยนชุด
คว้าเดรสดำธรรมดา พอให้ไม่ถูกเตะออกจากโรงแรมในฐานะคนใช้มาเปลี่ยน
ก่อนจะถูกจับยัดใส่เบาะหน้า แล้วเพื่อนเราก็ขับรถออกไป
โฮ ทำไมชีวิตเราถึงได้ไม่เจอ พระเอกหล่อๆ บังคับนางเอกขึ้นรถแล้วขับออกไปมั่งนะ
"ชั้นให้แกมาช่วยดูทาง ไม่ใช่มานั่งแต่งหน้า"
"แล้วแกเห็นสภาพชั้นมั๊ย" หน้าโทรมเพราะกำลังทำโปรเจก ผมชี้เพราะเพิ่งออกจากที่นอน
ผมเนี่ยคงทำอะไรไม่ทันแล้ว แต่หน้าเนี่ย ปกติก็ไม่ได้แต่งมากมาย แต่วันเนี้ย ขอเถอะ เผื่อเจอเค้า555
เราเถียงกันไปตลอดทาง เอาจริงๆเพื่อนเราพอจะไปโรงแรมถูกอยู่หรอก
แต่เธอกลัวการขับรถกลางคืน เราเลยได้มานั่งเป็นเพื่อนแล้วรอเธอกลับ ใช้งานชั้นยังกะแฟน
พอไปถึง เราก็แยกกับเพื่อนที่จอดรถ เราเดินเล่นแถวนั้นพักนึง
คือเราไม่ชอบเที่ยวกลางคืนค่ะ แต่ถ้าเพื่อนรู้ว่าเรานั่งรอที่ล็อบบี้ตลอดเวลาที่เธอเข้างานคงไม่ยอม
เราเลยรอให้เพื่อนเข้างานไปแน่ๆ ก่อนย้อนมานั่งรอที่โรงแรม
เราเอางานมานั่งทำ แต่ผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง เราก็ได้หยุดทำงานถาวร
เราเห็นเค้าเดินลงจากบันไดเลื่อน กำลังคุยโทรศัพท์อยู่
เดาว่าในงานคงเสียงดัง เลยมาหาที่เงียบๆคุย
เรานี่แทบช็อก คือตอนตกลงมากับเพื่อนเนี่ย แอบหวังเล็กๆว่าเห็นเค้าไกลๆก็ยังดี
อยากเห็นเค้าใส่สูท ไม่นึกว่าจะมาให้เห็นต่อหน้า
เค้าไม่ทันได้สังเกตเรา เราเลยทำเป็นมองไม่เห็น ก้มหน้าอ่านสิ่งที่อยู่ในมือ
แต่ความจริงแล้วไม่รู้ด้วยซ้ำว่าถืออะไรอยู่ คิดๆดู ดีนะไม่ถือกระดาษกลับหัว ไม่งั้นคงหน้าแตกกว่านี้แน่
ไม่อยากเชื่อค่ะ อยู่ๆก็มีคนมานั่งข้างๆเรา พอหันไปดู เป็นเค้าจริงๆด้วย
หัวใจเต้นเร็วมาก เค้าหล่อยังกับเจ้าชาย นึกว่าอยู่ในหนังเกาหลี เดี๋ยวนะ ไม่เอาๆ เดี๋ยวนางเอกเป็นลิวคีเมียตาย
"นึกยังไงย้ายที่ทำงานมาไกลขนาดนี้เนี่ย"
เราเล่าให้เค้าฟังสั้นๆ เค้าก็ดูขำๆ ไม่ได้ว่าอะไร
"ไม่กลับเข้าไปในงานหรอ"
"ไม่อ่ะ คนเยอะ ไม่มีที่นั่ง เมื่อย"
"อื้อ" เราสมองไม่ทำงาน ไม่รู้จะชวนคุยอะไรต่อ
"ชุดสวยดีนะ" อยู่ๆเค้าก็พูดขึ้นมา
อะไรของเค้า มาเรื่องนี้ได้ไง ชุดสวย แล้วหน้าล่ะดูไม่ได้รึไง ทำไม่ไม่ชมเรา หรือนั่นเรียกว่าชมแล้ว
"ขอบคุณ" เราก็บ้าจี้ตอบ
เค้านั่งเงียบๆ ดูอะไรในมือถือไป เราก็อ่านอะไรไป พักนึง เค้าก็กลับเข้าไปในงาน แต่เรานี่สิ ทำอะไรไม่ถูกแล้ว
ผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ เพื่อนเราก็ชวนกลับ เราก็พยายามทำตัวปกติ
แต่ความจริงกำลังทวนบทสนทนาเรากับเค้าซ้ำๆ แล้วมันก็เป็นแบบนี้ทุกครั้งที่เราได้คุยกับเค้าเลยค่ะ
เป็นจุดเริ่มต้นของหนึ่งในหลายๆเหตุการณ์ที่ทำให้เราไม่สามารถเลิกชอบเค้าได้ง่ายๆ
หลังเหตุการณ์นี้ผ่านไปหลายเดือน จนสนิทกันระดับนึงแล้ว
เค้าค่อยสารภาพว่าตอนที่นั่งข้างๆ เค้าเห็นผมเราชี้ เลยพยายามจิ้มผมเราเล่น
ดูว่าจะจิ้มได้กี่ทีก่อนที่เราจะรู้สึกตัว แต่สุดท้ายแล้ว เราก็ไม่รู้เรื่องแหละ555
แล้วก็กลับสู่วงจรเดิม คุยกันมั่ง ห่างกันมั่ง แต่มันมีอะไรที่ไม่เหมือนเดิม
เราเริ่มกล้าที่จะคุยเล่นกับเค้า เคยคิดว่าเค้าน่าจะเข้าถึงยากนะ แต่ความจริงก็ไม่ได้ขนาดนั้น
เราชอบชวนเค้าคุยค่ะ ไม่เคยพยายามทำให้ใครสนุกเวลาคุยกับเราเท่านี้มาก่อน แต่เราเก็บอาการเก่งนะ 555
มีเพื่อนอีกคนที่อยู่ด้วยกันตลอด ที่มารู้เรื่องเรากับเค้าตอนผ่านไปเกือบปีแล้วล่ะ
มันบอกว่าแกเนียนมาก ถ้าไม่สังเกตแบบจริงจังดูไม่ออกเลย
จำได้ว่า มีอยู่วันนึง เราได้นั่งข้างเค้า เป็นชั่วโมงที่ทั้งห้องมีคนฟังอาจารย์อยู่คนเดียว
แบบว่าเป็นคนที่นั่งหน้าโต๊ะอาจารย์ เราเลยชวนเค้าคุยค่ะ แบบเริ่มถามถึงตัวเค้าจริงจัง
“ทำไมเลือกเรียนคณะนี้อ่ะ” เราถามเค้า
"เอาตั้งแต่ต้นเลยหรอ คือเราสอบติดคณะฟ.กับคณะด."
"อ้าว แล้วทำไมมาเรียนอันนี้ได้"
"ประกาศผลทีหลัง ตอนนั้นบ้านเราอ่ะ แบ่งเป็นสามก๊กเลย คือ..."
เค้าเล่าไปเรื่อยๆ แล้วก็ชวนเราคุย
"จะถึงงานมหาลัยแล้ว ลงกีฬาอะไรป้ะ" เค้าถาม
"ไม่ อย่าเห็นเราเล่นกีฬาเลยดีกว่า"
"ทำไมอ่ะ ไม่แย่ขนาดนั้นหรอก คณะเราไม่มีคนเล่นเทนนิส เลยลองลงดู"
"ตอนเราเสิร์ฟเทนนิสครั้งแรกนะ ลูกไปลงหัวครูที่ยืนอยู่ข้างสนามฝั่งเราเลย"
ยิ่งคุยด้วยยิ่งรู้สึกว่าเค้าเป็นคนที่น่ารักค่ะ ฟังมากกว่าพูด สนใจคนพูดตลอดเวลา
ขำง่ายแต่นานๆจะหลุดหัวเราะออกมาเลย แต่เสียอย่างเดียว
เพื่อนๆเคยเจอคนที่คุยง่าย แต่รู้จักยากมั๊ยคะ เค้าเป็นคนประเภทนั้นแหละ
คือถ้าเริ่มจะเข้าใกล้เค้ามากไป เค้าก็จะถอยออกมา พูดง่ายๆว่าสนิทยาก
อาจจะเป็นเพราะมีผู้หญิงเข้าไปคุยกับเค้ามากมาย เลยต้องวางระยะห่างให้ชัดเจนมั้งคะ
เค้าเป็นคนที่ป๊อบระดับหนึ่ง คงเป็นเพราะเฟรนด์ลี่
เราเป็นคนที่รู้สึกได้เวลามีผู้หญิงมาคุยกับเค้า เราจะรับรู้ว่าคนนี้สนใจเค้านะ คนนี้เป็นเพื่อนกัน
ในผู้หญิงที่เข้าหาเค้านะ มีหลากหลายมาก ทั้งอยู่ๆก็เดินเข้ามาทักทั้งที่ไม่รู้จักกัน,
โพสบนวอลเฟสบุ๊ค 3 เวลาหลังอาหาร,
โทรศัพท์มาคุย (อันนี้มีคนเล่าให้ฟังอีกที),
ให้เค้าช่วยติวให้ ทั้งในม. นัดไปข้างนอก หรือไปที่หอ (2 อันหลังเค้าไม่เคยรับปากนะ)
พอเค้าเริ่มแน่ใจว่าใครชอบเค้าจริงๆ เค้าก็จะวางตัวห่างออกมาค่ะ
เราก็จิตตก เหนื่อย ไม่กล้าทำอะไรมากไปกว่านี้แล้ว
สุดท้าย เราก็เลือกที่จะเข้าหาเค้าแบบอยากเป็นเพื่อนที่ดีกับเค้า เท่านี้เราก็โอเคแล้ว
เดี๋ยวมาเล่าต่อนะคะ