ต้องบอกว่าในคำตัดสินศาลโลก ปี 2505 ศาลระบุว่า temple and vicinity ของเขาพระวิหารเป็นของกัมพูชา ซึ่งตั้งอยู่ใน Pomontory of Dangrek คือ เทือกเขาดงรัก(http://www.icj-cij.org/docket/index.php?sum=284&code=ct&p1=3&p2=3&case=45&k=46&p3=5) โดยระบุให้เป็นตามแผนที่หนึ่งต่อสองแสน สิ่งนี้จึงเป็นสาเหตุว่า กัมพูชาเชื่อมั่นว่าทำไม พื้นที่ 4.6 ตร กม หรือภูมะเขือก็อยู่บนเทือกเขาดงรัก ต้องเป็นของเขาตาม vicinity เขาจึงฟ้องเพิ่ม

แต่เราต้องยกย่องท่านทูตวีรชัยและทีมงานที่ทำให้ไทยได้พื้นที่ทั้งหมดคืนนอกจากส่วนบริเวณใกล้เขาพระวิหาร เพราะ

1. ไทยชนะการที่กัมพูชาใช้แผนที่หนึ่งต่อสองแสน เพราะไม่สมเหตุผล ทำให้ไทยหลุดพ้นจากสูญเสียพื้นที่จำนวนหลายพันกิโลเมตร
2. ต้องบอกว่าเราไม่เสียพื้นที่เลย แต่ได้พื้นที่คืน เพราะศาลโลกตีความมาแล้วเรื่อง vicinity ปี 2505 มันครอบคลุมพื้นที่จำนวนมาก แต่ศาลโลกปี 2013 ได้ตีความลด vicinity เหลือพื้นที่แคบมาก เราได้คืนพื้นที่มากกว่า 4.6 ตร กม ครับ
3. พื้นที่แคบต้องเจรจาต่อ และการเจรจาอาจเป็นการใช้พื้นที่ร่วมกันด้วยตามศาลโลกแนะนำ เสียตรงไหน ไปๆมาๆ ถ้าเจรจาดีเราได้เขาพระวิหารด้วย คือ เราใช้พื้นที่เขาพระวิหารเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวได้ด้วย เราได้ประโยชน์อีก

ต้องยกย่องท่านทูตวีรชัยและทีม ที่ต่อสู้จนไทยได้พื้นที่คืนจากคำตัดสินปี 2505 จำนวนมากด้วย คนที่บอกไทยเสียพื้นที่ เท่ากับทำร้ายคนดีที่ช่วยให้ประเทศได้พื้นที่คืน คนพวกนี้หวังแต่ทำร้ายชาติ โดยบิดเบือนความจริงว่า ท่านทูตคือวีรบุรุษนำพื้นที่กลับมาได้ หยุดทำร้ายคนดีเพียงหวังใส่ร้ายรัฐบาล

ถ้ายังทำอีก ต้องการอะไร หรือต้องการให้ไทยเสียดินแดนจริงๆ เพื่อหวังล้มรัฐบาล อย่างเลวแบบนี้เลย ผมรู้ใจพวกคุณหวังให้ชาติเสียดินแแดนเพื่อถล่มรัฐบาล เลวไปไหมครับ วันนี้ เราไม่เสียดินแดน แต่ได้ดินแดนจำนวนมากกลับแล้ว ทำไมไม่ยกย่องท่านทูตและรัฐบาล

ขอโทษเขาเดี่ยวนี้ ไม่งั้นคนทั้งชาติจะประณามพวกคุณ พวกหวังร้ายต่อประเทศ