การชุมนุมทางการเมืองเลยจุดการต่อต้านร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมเหมาเข่ง
ไปสู่การชุมนุมขับไล่รัฐบาล
ข้อบ่งชี้ดังกล่าวสะท้อนจากถึงแม้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ และรัฐบาลพรรคเพื่อไทย
จะประกาศกลับหลังหันวิ่งออกจากซอยตัน
ส่งสัญญาณขอให้วุฒิสภาลงมติคว่ำเข่ง
ทั้งยังออกมติพรรคสั่งการส.ส.ของพรรคถอนร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมและปรองดอง
ที่ค้างวาระอยู่ในสภา ผู้แทนฯ ออกทั้งหมด
ส่วนร่างพ.ร.บ.เหมาเข่งที่วุฒิสภา ตีตกไป เมื่อครบ 180 วัน รัฐบาลยืนยันไม่หยิบยก
ขึ้นมาพิจารณาอีก ปล่อยให้สิ้นสลายไปตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ
แต่เสียงเป่านกหวีดยังคงดังต่อเนื่อง ไม่มีท่าทียุติลง
ในทางกลับกันมีความพยายามประสานความเคลื่อนไหวกับม็อบอื่นๆ
ม็อบกปท.สวนลุมพินี เคลื่อนพลมายังสะพานผ่านฟ้าฯ ม็อบคปท.แยก อุรุพงษ์
เคลื่อนมายังสะพานมัฆวานฯ เชื่อมต่อทางกายภาพกับม็อบปชป. ถนนราชดำเนิน
ความพยายามลากกระแสม็อบที่เชื่อว่า"จุดติด"ให้ยืดเยื้อออกไป
ยังเห็นชัดเจนจากพฤติกรรมกลุ่ม 40 ส.ว. เครือข่ายสาขาพรรคตรงข้ามรัฐบาล
ที่"บอยคอต" ไม่ เข้าร่วมประชุมวุฒิสภาเมื่อวันที่ 8 พ.ย.
ตามที่นายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา นัดหมายสมาชิกเพื่อลงมติ "ตีตก"
ร่างกฎหมายนิรโทษเหมาเข่งดังกล่าว
เพื่อหาทางออกให้ประเทศและคลี่คลายสถาน การณ์การเมือง
ยิ่งเมื่อพบว่ามีสมาชิกวุฒิสภาหลายคนในกลุ่ม 40 ส.ว. ไปโผล่บนเวทีม็อบราชดำเนิน
ทุกอย่างก็ชัดเจนในสายตาประชาชนที่เฝ้ามอง
ว่าวิกฤตบ้านเมืองที่ไม่ยอมยุติทั้งที่รัฐบาลยอมเสียหน้าสั่งถอยไปจนทะลุซอยแล้วนั้น
เป็นเพราะคนบางกลุ่มยังได้โอกาสเดิน หน้าต่อ
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำม็อบปชป. ประกาศขีดเส้นตาย
6 โมงเย็นวันที่ 11 พ.ย. ให้รัฐบาลล้างร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมให้หมดสิ้นซาก
ไปจากสภา ไม่เช่นนั้นจะจัดตั้งศาลประชาชน ตัดสินชะตากรรม"ยิ่งลักษณ์-ทักษิณ"
ก็ต้องดูกันต่อไปว่าอะไรคือศาลประชาชน ตัดสินกันด้วยวิธีไหน อย่างไร
มีการประเมินจากฝ่ายรัฐบาลว่า เส้นตาย 11 พ.ย.ของนายสุเทพ มีส่วนสัมพันธ์
กับกรณีศาลโลกอ่านคำวินิจฉัยตัดสินคดีปราสาทเขาพระวิหารในวันเดียวกัน
ถ้าผลตัดสินออกมาเป็นลบ พรรคประชาธิปัตย์จะได้ดึงเกมมวลชนขยายผลชุมนุมต่อได้ทันที
ยังไม่นับรวมอาวุธอื่นๆ ที่พร้อมงัดขึ้นมาเติมเชื้อม็อบได้ตลอดเวลา ไม่ว่ากรณี
จำนำข้าว การบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้าน โครงการกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท เป็นต้น
ล่าสุดศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งนัดฟังคำตัดสินการแก้ไขรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับที่มาของส.ว.
ในวันที่ 20 พ.ย.
หากตัดสินว่า ขัดมาตรา 68 เข้าข่ายการล้มล้างประชาธิปไตย หรือเพื่อให้ได้มาซึ่ง
อำนาจในการปกครองประเทศโดยมิชอบ
ก็จะมีผลกระทบต่อสถานภาพของนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภาและ
ส.ส.-ส.ว.รวม 312 คนที่เข้าชื่อเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าว
ถึงขั้นถูกยุบพรรคและตัดสิทธิการเมือง 5 ปี
เป็นอีกช็อตสำคัญว่าจะมีผลต่อการพลิกโฉมหน้าทางการเมืองอย่างไร หรือไม่
ในขณะที่ฝ่ายรัฐบาลต้องตกอยู่ในสถานการณ์ตั้งรับ ถอยแล้ว ถอยอีก
ส่งสัญญาณวุฒิสภาตีตกร่างเหมาเข่งก็แล้ว สั่งถอนอีก 6 ร่างที่เหลือก็แล้ว
ล่าสุดพรรคร่วมรัฐบาลต้องจับมือกันลงสัตยาบัน ร่วมกัน
แต่ม็อบนกหวีดยังเปิดฉากรุกไล่ไม่หยุด
ม็อบนกหวีดครั้งนี้ นับเป็นความสำเร็จสูงสุดของพรรคประชาธิปัตย์ในการระดม
ม็อบออกมาแสดงพลังกดดันรัฐบาล
เป็นม็อบ"เรือนหมื่น"ครั้งแรกของฝ่ายต้านรัฐบาล นับตั้งแต่ม็อบพันธมิตร
ประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หรือพธม. ยุติบทบาทการชุมนุม
กระแสต่อต้านพ.ร.บ.นิรโทษเหมาเข่ง ลุกลามเข้าไปยังทุกวงการรวดเร็วประดุจไฟลามทุ่ง
ไม่ว่าภาคเอกชน นักธุรกิจ แพทย์ พยาบาล นิสิต-นักศึกษา อธิการบดี คณาจารย์จาก
มหาวิทยาลัยต่างๆ ศาล ตุลาการ ข้าราชการ แม้แต่ดารานักแสดงยังออกมาร่วมต่อต้าน
ประกาศได้เต็มปากว่าม็อบจุดติดแล้ว
เป็นโอกาสทองฝังเพชรที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่ยอมโยนทิ้งไปง่ายๆ
ภายใต้ความฮึกเหิมของม็อบนกหวีด
หากมองลึกลงไปในส่วนของเนื้อหาจะพบว่า กลุ่มที่ออกมาร่วมเคลื่อนไหวแทบ
ทั้งหมดเจาะจง เฉพาะประเด็นต่อต้านการล้างผิดนักการเมืองทุจริตคอร์รัปชั่นเท่านั้น
ไม่มีการพูดถึงนักการเมืองผู้อยู่เบื้องหลังสั่งการสลายม็อบเดือน เม.ย.-พ.ค. 2553
จนเป็นเหตุให้มีคนตายร่วมร้อย บาดเจ็บร่วมสองพัน
บริเวณเวทีอนุสาวรีย์ประชา ธิปไตย ที่พรรคประชาธิปัตย์ใช้ เป็นศูนย์กลาง
เวทีปราศรัยต่อต้านนิรโทษกรรมล้างผิดคนโกง
เป็นจุดเดียวกับที่กลุ่มคนเสื้อแดงเคยใช้เป็นที่ตั้งโลงศพเหยื่อกระสุนจริง ในการ
ปราบปรามการชุมนุมประชาชนวันที่ 10 เม.ย. 2553 ในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
นักการเมืองแกนนำม็อบที่สวมบทพระเอกบนเวที
มี 2 คนที่ใบหน้าละม้ายคล้ายกับ ผู้ถูกอัยการสั่งฟ้องในข้อหาร่วมกันก่อให้ผู้อื่นฆ่า
และพยายามฆ่าโดยเจตนาเล็งเห็นผล จากกรณีสั่งสลายม็อบ 99 ศพ
นัดนำตัวส่งฟ้องศาลวันที่ 12 ธ.ค.นี้
ฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่มี นักวิชาการอาจารย์มหาวิทยาลัยจำนวนหนึ่ง มองว่า
การเคลื่อนไหวต่อต้านพ.ร.บ.นิรโทษกรรมเพียงด้านเดียว คือพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
ไม่ได้เป็นการเคลื่อนไหวเพื่อรักษานิติรัฐหรือนิติธรรมอย่างครบถ้วนรอบด้านแท้จริง
และความจริงก็คือ เริ่มมีเสียงท้วงติงกันบ้างแล้วว่าในเมื่อรัฐบาลถอยไปจนสุดซอย
ถือว่าม็อบได้รับชัยชนะ จึงสมควรยุติการชุมนุม
นักเศรษฐศาสตร์ประเมินว่า การชุมนุมยืดเยื้อเสี่ยงต่อการเกิดความรุนแรง อาจส่ง
ผลเสียหายทางเศรษฐกิจถึง 2 แสนล้านบาท
ฝ่ายค้านควรนำเอาความผิดพลาดของรัฐบาลที่พยายามเล่นแร่แปรธาตุร่างพ.ร.บ.
นิรโทษกรรม มาเป็นบทเรียน ว่าการทำอะไรที่ล้ำเส้นเกินความพอดี
จะต้องถูกต่อต้านจากประชาชนเกินกว่าที่คิด
การยกระดับปรับเปลี่ยนเป้าหมายการชุมนุมจากการต้านพ.ร.บ.นิรโทษกรรม
ไปยังเรื่อง เขาพระวิหาร จำนำข้าว แก้ไขรัฐธรรมนูญหรืออะไรก็ตาม
ซึ่งผิดเพี้ยนไปจากประเด็นการชุมนุมเดิม
จึงเสี่ยงต่อการเกิดกระแสตีกลับจากสังคม เช่นกัน
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNNE5EQTFNVGM1TkE9PQ==§ionid=
คัดค้าน พ.ร.นิรโทษกรรม มีให้เล่น 2 ประเด็น ต่างฝ่ายต่างเลือกประเด็นนำมาเล่น
จุดจบเหมือนกัน คนเสื้อแดง ติดคุกต่อไป
วันนี้ ปชป. เป็นพระเอก แล้วแต่จะเป็นต่อไปไหม ?
หาก ว่าเลยเถิด ถึงขั้นล้มรัฐบาล
พระเอก 99 ศพ ระวังกระแสพลิก วิเคราะห์ ข่าวสดออนไลน์
ไปสู่การชุมนุมขับไล่รัฐบาล
ข้อบ่งชี้ดังกล่าวสะท้อนจากถึงแม้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ และรัฐบาลพรรคเพื่อไทย
จะประกาศกลับหลังหันวิ่งออกจากซอยตัน
ส่งสัญญาณขอให้วุฒิสภาลงมติคว่ำเข่ง
ทั้งยังออกมติพรรคสั่งการส.ส.ของพรรคถอนร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมและปรองดอง
ที่ค้างวาระอยู่ในสภา ผู้แทนฯ ออกทั้งหมด
ส่วนร่างพ.ร.บ.เหมาเข่งที่วุฒิสภา ตีตกไป เมื่อครบ 180 วัน รัฐบาลยืนยันไม่หยิบยก
ขึ้นมาพิจารณาอีก ปล่อยให้สิ้นสลายไปตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ
แต่เสียงเป่านกหวีดยังคงดังต่อเนื่อง ไม่มีท่าทียุติลง
ในทางกลับกันมีความพยายามประสานความเคลื่อนไหวกับม็อบอื่นๆ
ม็อบกปท.สวนลุมพินี เคลื่อนพลมายังสะพานผ่านฟ้าฯ ม็อบคปท.แยก อุรุพงษ์
เคลื่อนมายังสะพานมัฆวานฯ เชื่อมต่อทางกายภาพกับม็อบปชป. ถนนราชดำเนิน
ความพยายามลากกระแสม็อบที่เชื่อว่า"จุดติด"ให้ยืดเยื้อออกไป
ยังเห็นชัดเจนจากพฤติกรรมกลุ่ม 40 ส.ว. เครือข่ายสาขาพรรคตรงข้ามรัฐบาล
ที่"บอยคอต" ไม่ เข้าร่วมประชุมวุฒิสภาเมื่อวันที่ 8 พ.ย.
ตามที่นายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา นัดหมายสมาชิกเพื่อลงมติ "ตีตก"
ร่างกฎหมายนิรโทษเหมาเข่งดังกล่าว
เพื่อหาทางออกให้ประเทศและคลี่คลายสถาน การณ์การเมือง
ยิ่งเมื่อพบว่ามีสมาชิกวุฒิสภาหลายคนในกลุ่ม 40 ส.ว. ไปโผล่บนเวทีม็อบราชดำเนิน
ทุกอย่างก็ชัดเจนในสายตาประชาชนที่เฝ้ามอง
ว่าวิกฤตบ้านเมืองที่ไม่ยอมยุติทั้งที่รัฐบาลยอมเสียหน้าสั่งถอยไปจนทะลุซอยแล้วนั้น
เป็นเพราะคนบางกลุ่มยังได้โอกาสเดิน หน้าต่อ
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำม็อบปชป. ประกาศขีดเส้นตาย
6 โมงเย็นวันที่ 11 พ.ย. ให้รัฐบาลล้างร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมให้หมดสิ้นซาก
ไปจากสภา ไม่เช่นนั้นจะจัดตั้งศาลประชาชน ตัดสินชะตากรรม"ยิ่งลักษณ์-ทักษิณ"
ก็ต้องดูกันต่อไปว่าอะไรคือศาลประชาชน ตัดสินกันด้วยวิธีไหน อย่างไร
มีการประเมินจากฝ่ายรัฐบาลว่า เส้นตาย 11 พ.ย.ของนายสุเทพ มีส่วนสัมพันธ์
กับกรณีศาลโลกอ่านคำวินิจฉัยตัดสินคดีปราสาทเขาพระวิหารในวันเดียวกัน
ถ้าผลตัดสินออกมาเป็นลบ พรรคประชาธิปัตย์จะได้ดึงเกมมวลชนขยายผลชุมนุมต่อได้ทันที
ยังไม่นับรวมอาวุธอื่นๆ ที่พร้อมงัดขึ้นมาเติมเชื้อม็อบได้ตลอดเวลา ไม่ว่ากรณี
จำนำข้าว การบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้าน โครงการกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท เป็นต้น
ล่าสุดศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งนัดฟังคำตัดสินการแก้ไขรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับที่มาของส.ว.
ในวันที่ 20 พ.ย.
หากตัดสินว่า ขัดมาตรา 68 เข้าข่ายการล้มล้างประชาธิปไตย หรือเพื่อให้ได้มาซึ่ง
อำนาจในการปกครองประเทศโดยมิชอบ
ก็จะมีผลกระทบต่อสถานภาพของนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภาและ
ส.ส.-ส.ว.รวม 312 คนที่เข้าชื่อเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าว
ถึงขั้นถูกยุบพรรคและตัดสิทธิการเมือง 5 ปี
เป็นอีกช็อตสำคัญว่าจะมีผลต่อการพลิกโฉมหน้าทางการเมืองอย่างไร หรือไม่
ในขณะที่ฝ่ายรัฐบาลต้องตกอยู่ในสถานการณ์ตั้งรับ ถอยแล้ว ถอยอีก
ส่งสัญญาณวุฒิสภาตีตกร่างเหมาเข่งก็แล้ว สั่งถอนอีก 6 ร่างที่เหลือก็แล้ว
ล่าสุดพรรคร่วมรัฐบาลต้องจับมือกันลงสัตยาบัน ร่วมกัน
แต่ม็อบนกหวีดยังเปิดฉากรุกไล่ไม่หยุด
ม็อบนกหวีดครั้งนี้ นับเป็นความสำเร็จสูงสุดของพรรคประชาธิปัตย์ในการระดม
ม็อบออกมาแสดงพลังกดดันรัฐบาล
เป็นม็อบ"เรือนหมื่น"ครั้งแรกของฝ่ายต้านรัฐบาล นับตั้งแต่ม็อบพันธมิตร
ประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หรือพธม. ยุติบทบาทการชุมนุม
กระแสต่อต้านพ.ร.บ.นิรโทษเหมาเข่ง ลุกลามเข้าไปยังทุกวงการรวดเร็วประดุจไฟลามทุ่ง
ไม่ว่าภาคเอกชน นักธุรกิจ แพทย์ พยาบาล นิสิต-นักศึกษา อธิการบดี คณาจารย์จาก
มหาวิทยาลัยต่างๆ ศาล ตุลาการ ข้าราชการ แม้แต่ดารานักแสดงยังออกมาร่วมต่อต้าน
ประกาศได้เต็มปากว่าม็อบจุดติดแล้ว
เป็นโอกาสทองฝังเพชรที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่ยอมโยนทิ้งไปง่ายๆ
ภายใต้ความฮึกเหิมของม็อบนกหวีด
หากมองลึกลงไปในส่วนของเนื้อหาจะพบว่า กลุ่มที่ออกมาร่วมเคลื่อนไหวแทบ
ทั้งหมดเจาะจง เฉพาะประเด็นต่อต้านการล้างผิดนักการเมืองทุจริตคอร์รัปชั่นเท่านั้น
ไม่มีการพูดถึงนักการเมืองผู้อยู่เบื้องหลังสั่งการสลายม็อบเดือน เม.ย.-พ.ค. 2553
จนเป็นเหตุให้มีคนตายร่วมร้อย บาดเจ็บร่วมสองพัน
บริเวณเวทีอนุสาวรีย์ประชา ธิปไตย ที่พรรคประชาธิปัตย์ใช้ เป็นศูนย์กลาง
เวทีปราศรัยต่อต้านนิรโทษกรรมล้างผิดคนโกง
เป็นจุดเดียวกับที่กลุ่มคนเสื้อแดงเคยใช้เป็นที่ตั้งโลงศพเหยื่อกระสุนจริง ในการ
ปราบปรามการชุมนุมประชาชนวันที่ 10 เม.ย. 2553 ในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
นักการเมืองแกนนำม็อบที่สวมบทพระเอกบนเวที
มี 2 คนที่ใบหน้าละม้ายคล้ายกับ ผู้ถูกอัยการสั่งฟ้องในข้อหาร่วมกันก่อให้ผู้อื่นฆ่า
และพยายามฆ่าโดยเจตนาเล็งเห็นผล จากกรณีสั่งสลายม็อบ 99 ศพ
นัดนำตัวส่งฟ้องศาลวันที่ 12 ธ.ค.นี้
ฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่มี นักวิชาการอาจารย์มหาวิทยาลัยจำนวนหนึ่ง มองว่า
การเคลื่อนไหวต่อต้านพ.ร.บ.นิรโทษกรรมเพียงด้านเดียว คือพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
ไม่ได้เป็นการเคลื่อนไหวเพื่อรักษานิติรัฐหรือนิติธรรมอย่างครบถ้วนรอบด้านแท้จริง
และความจริงก็คือ เริ่มมีเสียงท้วงติงกันบ้างแล้วว่าในเมื่อรัฐบาลถอยไปจนสุดซอย
ถือว่าม็อบได้รับชัยชนะ จึงสมควรยุติการชุมนุม
นักเศรษฐศาสตร์ประเมินว่า การชุมนุมยืดเยื้อเสี่ยงต่อการเกิดความรุนแรง อาจส่ง
ผลเสียหายทางเศรษฐกิจถึง 2 แสนล้านบาท
ฝ่ายค้านควรนำเอาความผิดพลาดของรัฐบาลที่พยายามเล่นแร่แปรธาตุร่างพ.ร.บ.
นิรโทษกรรม มาเป็นบทเรียน ว่าการทำอะไรที่ล้ำเส้นเกินความพอดี
จะต้องถูกต่อต้านจากประชาชนเกินกว่าที่คิด
การยกระดับปรับเปลี่ยนเป้าหมายการชุมนุมจากการต้านพ.ร.บ.นิรโทษกรรม
ไปยังเรื่อง เขาพระวิหาร จำนำข้าว แก้ไขรัฐธรรมนูญหรืออะไรก็ตาม
ซึ่งผิดเพี้ยนไปจากประเด็นการชุมนุมเดิม
จึงเสี่ยงต่อการเกิดกระแสตีกลับจากสังคม เช่นกัน
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNNE5EQTFNVGM1TkE9PQ==§ionid=
คัดค้าน พ.ร.นิรโทษกรรม มีให้เล่น 2 ประเด็น ต่างฝ่ายต่างเลือกประเด็นนำมาเล่น
จุดจบเหมือนกัน คนเสื้อแดง ติดคุกต่อไป
วันนี้ ปชป. เป็นพระเอก แล้วแต่จะเป็นต่อไปไหม ?
หาก ว่าเลยเถิด ถึงขั้นล้มรัฐบาล