คำสอนของหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)
เรา คือ จิต ที่สิงภายในหรือที่เรียกว่า อทิสมานกาย
เราจริงๆ คือ จิต ร่างกายเป็นแต่เพียงเรือนร่างที่อาศัยชั่วคราว
เมื่อเรานึกถึงอารมณ์ของจิต คำว่า เรา คือ จิต
เราไม่เคยคิดเลยว่าต้องการให้ร่างกายของเราแก่ไม่ต้องการให้หิวไม่ต้อง การให้ปวดอุจจาระ ปัสสาวะ
ไม่ต้องการให้ป่วยไข้ไม่สบาย ไม่ต้องการให้มีทุกข์อย่างอื่น ไม่ต้องการพลัดพรากจากของรัก ของชอบใจ
ไม่ต้องการตายในที่สุด แล้วร่างกายมันตามใจเราไหม
เรา คือ จิต ร่างกายมันเป็นร่างที่อาศัย อารมณ์ที่เราต้องการแบบนี้ มีความปรารถนาเหมือนกันหมดทุกคน
แล้วก็ร่างกาย มันตามใจเราไหม ลองนึกดูเวลานี้ เราอายุเท่าไหร่แล้ว
ถ้าร่างกาย มันเป็นของจริง เราพอใจอยู่แค่ไหน ถึงความเป็นหนุ่ม เป็นสาว ร่างกายสมบูรณ์บริบูรณ์
ก็เพราะว่าเราไม่อยากจะไม่แก่ แล้วมันเชื่อไหมล่ะ
อยากจะกินอาหารอย่างไหน ที่มันดีที่สุด ที่มันมีประโยชน์แก่ร่างกายที่สุด ร่างกายจะได้ ไม่ทรุดโทรม
แต่กินเข้าไปเท่าไร ก็โทรม ก็แก่
ยาขนาดไหนดีที่สุดกิน แล้วไม่แก่ ไม่ป่วย กินเข้าไปเถอะ ไม่ช้ามันก็ตายมันก็แก่
นี่เป็นอันว่าเราห้ามร่างกายไม่ได้ ในเมื่อร่างกายเราห้ามมันไม่ได้
แล้ว เราก็ต้องรู้ว่า ร่างกายความจริงมันไม่ใช่เรา มันไม่ใช่ของเรา เราไม่มีในร่างกาย ร่างกายไม่มีในเรา
เรา คือ จิต ที่เรียกว่า อทิสมานกาย ที่เข้ามาอาศัยร่างกาย เป็นเรือนร่างที่อาศัย อันนี้
ร่างกายมันไม่ใช่ เรา ไม่ใช่ของเรา แล้วมันก็ไม่อยู่ในอำนาจของเรา
เราจะปรนเปรอ บังคับบัญชา มันอย่างไรก็ตาม มันจะไม่ยอมปฏิบัติตาม ด้วยประการ ทั้ง ปวง
ถึงเวลาที่มันจะแก่ มันก็ต้องแก่ ถึงเวลาที่มันจะป่วย ก็ต้องป่วย ถึงเวลาเวทนาต่างๆ เวทนาจะเกิดขึ้นมันก็เกิด
ถึงเวลามันจะตาย จ้างมันเท่าไรมันก็ไม่เอา
แต่พอตายแล้วไปสวรรค์บ้าง ไปนรกบ้าง ไปเกิดเป็นเปรต อสูรกาย สัตว์เดรจฉานบ้าง ไปเป็นพรหมบ้าง
ไปนิพพานกันบ้าง
ไอ้ที่ไปจริงๆร่างกายมันไปด้วยรึเปล่า มันก็เปล่า ร่างกายเน่า ทับถมพื้นแผ่นดินอยู่
บางทีเขาก็เผา บางรายไม่ได้เผา ก็เละกระจาย เป็นกรวด เป็นดิน อันนี้ ร่างกายไม่ได้ไป
ผู้ที่ตกนรก ไปสู่สวรรค์ มันเป็นใคร นั่นแหละ คือ เรา ที่เรียกกันว่า อทิสมานกาย หรือ จิต ที่สิงในกายนี่มา
ถึงตรงนี้ เราจะเห็นได้ทันที ถ้าไม่โง่เกินไป หรือว่า ไม่ฉลาดเกินพอดี
ก็จะเห็นว่า ร่างกายนี้มันไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเราจริงๆ ในเมื่อมันไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเราจริงๆ
จะไปนั่งเมาเพื่อประโยชน์อะไรต้องการ มันหรือ เกิดมาชาตินี้ ความทุกข์ถม เต็มกำลังอยู่แล้ว
เกิดในชาติต่อๆไป มันก็เป็นรูปนี้ ไม่ว่าชาติไหน แต่เกิดเป็นคนมัน ก็ยังดี
แต่ถ้าเป็นคนเลว ลงนรกไป มันก็นานนักถึงจะกลับ
นี่พุทธเจ้าพิจารณาเห็นว่า ร่างกายไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา
เราก็ จงวางภาระเสีย ทำใจให้สบายว่า ร่างกายนี้เกิดขึ้นมา ในเบื้องต้น
แล้วมีความเสื่อมโทรมไปในท่ามกลาง
มีการแตกสลาย ไปในที่สุดเป็นของธรรมดา เอาใจเข้าไปรับตัว ธรรมดา เข้าไว้
ตนของตนเอง ก็ยังไม่มีทรัพย์ หรือบุตรจะมี
แต่ไหนเจ้าจง ใคร่ครวญอย่างนี้ จงคิดว่า
เราเป็นผู้ไม่มีอะไรเลย ทรัพย์สินก็ไม่มี ญาติ เพื่อน ลูก หลาน เหลนไม่มี แม้ร่างกายเรา ก็ไม่มี
เพราะทุกอย่าง ที่กล่าวมามีสภาพพังหมด
เราจะทำกิจที่ต้องทำตามหน้าที่ เมื่อสิ้นภาระ คือ ร่างกายพังแล้ว เราจะไป พระนิพพาน
เมื่อความป่วยไข้ ปรากฏจงดีใจว่า วาระที่เราจะมีโอกาสเข้าสู่นิพพานมาถึงแล้ว เราสิ้นทุกข์แล้ว
คิดไว้อย่างนี้ทุกวัน จิตจะชิน จะเห็นเหดุผล เมื่อจะตาย อารมณ์จะสบายดี แล้วก็จะเข้านิพพานได้ทันที
คัดลอกมาจาก ใบปลิวพิมพ์แจกในงานทำบุญวันคล้ายวันเกิดหลวงพ่อ
เดือน ตุลาคม 2536 โดยคุณระวิวรรณ และญาติมิตร
http://www.luangpor.com/]http://kumnai.blogspot.com//url]
[url]http://www.luangpor.com/
เรา คือ จิต ที่สิงภายในหรือที่เรียกว่า อทิสมานกาย เราจริงๆ คือ จิต ร่างกายเป็นแต่เพียงเรือนร่างที่อาศัยชั่วคราว...
คำสอนของหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)
เรา คือ จิต ที่สิงภายในหรือที่เรียกว่า อทิสมานกาย
เราจริงๆ คือ จิต ร่างกายเป็นแต่เพียงเรือนร่างที่อาศัยชั่วคราว
เมื่อเรานึกถึงอารมณ์ของจิต คำว่า เรา คือ จิต
เราไม่เคยคิดเลยว่าต้องการให้ร่างกายของเราแก่ไม่ต้องการให้หิวไม่ต้อง การให้ปวดอุจจาระ ปัสสาวะ
ไม่ต้องการให้ป่วยไข้ไม่สบาย ไม่ต้องการให้มีทุกข์อย่างอื่น ไม่ต้องการพลัดพรากจากของรัก ของชอบใจ
ไม่ต้องการตายในที่สุด แล้วร่างกายมันตามใจเราไหม
เรา คือ จิต ร่างกายมันเป็นร่างที่อาศัย อารมณ์ที่เราต้องการแบบนี้ มีความปรารถนาเหมือนกันหมดทุกคน
แล้วก็ร่างกาย มันตามใจเราไหม ลองนึกดูเวลานี้ เราอายุเท่าไหร่แล้ว
ถ้าร่างกาย มันเป็นของจริง เราพอใจอยู่แค่ไหน ถึงความเป็นหนุ่ม เป็นสาว ร่างกายสมบูรณ์บริบูรณ์
ก็เพราะว่าเราไม่อยากจะไม่แก่ แล้วมันเชื่อไหมล่ะ
อยากจะกินอาหารอย่างไหน ที่มันดีที่สุด ที่มันมีประโยชน์แก่ร่างกายที่สุด ร่างกายจะได้ ไม่ทรุดโทรม
แต่กินเข้าไปเท่าไร ก็โทรม ก็แก่
ยาขนาดไหนดีที่สุดกิน แล้วไม่แก่ ไม่ป่วย กินเข้าไปเถอะ ไม่ช้ามันก็ตายมันก็แก่
นี่เป็นอันว่าเราห้ามร่างกายไม่ได้ ในเมื่อร่างกายเราห้ามมันไม่ได้
แล้ว เราก็ต้องรู้ว่า ร่างกายความจริงมันไม่ใช่เรา มันไม่ใช่ของเรา เราไม่มีในร่างกาย ร่างกายไม่มีในเรา
เรา คือ จิต ที่เรียกว่า อทิสมานกาย ที่เข้ามาอาศัยร่างกาย เป็นเรือนร่างที่อาศัย อันนี้
ร่างกายมันไม่ใช่ เรา ไม่ใช่ของเรา แล้วมันก็ไม่อยู่ในอำนาจของเรา
เราจะปรนเปรอ บังคับบัญชา มันอย่างไรก็ตาม มันจะไม่ยอมปฏิบัติตาม ด้วยประการ ทั้ง ปวง
ถึงเวลาที่มันจะแก่ มันก็ต้องแก่ ถึงเวลาที่มันจะป่วย ก็ต้องป่วย ถึงเวลาเวทนาต่างๆ เวทนาจะเกิดขึ้นมันก็เกิด
ถึงเวลามันจะตาย จ้างมันเท่าไรมันก็ไม่เอา
แต่พอตายแล้วไปสวรรค์บ้าง ไปนรกบ้าง ไปเกิดเป็นเปรต อสูรกาย สัตว์เดรจฉานบ้าง ไปเป็นพรหมบ้าง
ไปนิพพานกันบ้าง
ไอ้ที่ไปจริงๆร่างกายมันไปด้วยรึเปล่า มันก็เปล่า ร่างกายเน่า ทับถมพื้นแผ่นดินอยู่
บางทีเขาก็เผา บางรายไม่ได้เผา ก็เละกระจาย เป็นกรวด เป็นดิน อันนี้ ร่างกายไม่ได้ไป
ผู้ที่ตกนรก ไปสู่สวรรค์ มันเป็นใคร นั่นแหละ คือ เรา ที่เรียกกันว่า อทิสมานกาย หรือ จิต ที่สิงในกายนี่มา
ถึงตรงนี้ เราจะเห็นได้ทันที ถ้าไม่โง่เกินไป หรือว่า ไม่ฉลาดเกินพอดี
ก็จะเห็นว่า ร่างกายนี้มันไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเราจริงๆ ในเมื่อมันไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเราจริงๆ
จะไปนั่งเมาเพื่อประโยชน์อะไรต้องการ มันหรือ เกิดมาชาตินี้ ความทุกข์ถม เต็มกำลังอยู่แล้ว
เกิดในชาติต่อๆไป มันก็เป็นรูปนี้ ไม่ว่าชาติไหน แต่เกิดเป็นคนมัน ก็ยังดี
แต่ถ้าเป็นคนเลว ลงนรกไป มันก็นานนักถึงจะกลับ
นี่พุทธเจ้าพิจารณาเห็นว่า ร่างกายไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา
เราก็ จงวางภาระเสีย ทำใจให้สบายว่า ร่างกายนี้เกิดขึ้นมา ในเบื้องต้น
แล้วมีความเสื่อมโทรมไปในท่ามกลาง
มีการแตกสลาย ไปในที่สุดเป็นของธรรมดา เอาใจเข้าไปรับตัว ธรรมดา เข้าไว้
ตนของตนเอง ก็ยังไม่มีทรัพย์ หรือบุตรจะมี
แต่ไหนเจ้าจง ใคร่ครวญอย่างนี้ จงคิดว่า
เราเป็นผู้ไม่มีอะไรเลย ทรัพย์สินก็ไม่มี ญาติ เพื่อน ลูก หลาน เหลนไม่มี แม้ร่างกายเรา ก็ไม่มี
เพราะทุกอย่าง ที่กล่าวมามีสภาพพังหมด
เราจะทำกิจที่ต้องทำตามหน้าที่ เมื่อสิ้นภาระ คือ ร่างกายพังแล้ว เราจะไป พระนิพพาน
เมื่อความป่วยไข้ ปรากฏจงดีใจว่า วาระที่เราจะมีโอกาสเข้าสู่นิพพานมาถึงแล้ว เราสิ้นทุกข์แล้ว
คิดไว้อย่างนี้ทุกวัน จิตจะชิน จะเห็นเหดุผล เมื่อจะตาย อารมณ์จะสบายดี แล้วก็จะเข้านิพพานได้ทันที
คัดลอกมาจาก ใบปลิวพิมพ์แจกในงานทำบุญวันคล้ายวันเกิดหลวงพ่อ
เดือน ตุลาคม 2536 โดยคุณระวิวรรณ และญาติมิตร
http://www.luangpor.com/]http://kumnai.blogspot.com//url]
[url]http://www.luangpor.com/