ผมเดาว่า ปี พ.ศ. 2570-75
ผมทำนายว่าอีกยี่สิบปีข้างหน้า ประเทศไทยจะกลายเป็นประเทศพัฒนาแล้วในที่สุด
เรามาร่วมกันตั้งเป้าหมายกันเถอะครับ
ไม่ต้องเอาไกลมาก ดูอย่างเพื่อนบ้านมาเลเซีย เขามีเป้าหมายร่วมกันจะทำให้ประเทศเขาเป็นประเทศพัฒนาแล้วภายในปี 2020 หรือ พ.ศ. 2563 อีกไม่ถึงสิบปี และเขาก็กำลังดำเนินการไปตามเป้าหมายนั้น และเขาทำได้ดีเสียด้วย
ผมว่าประเทศเราขาด ขาดมากคือการสร้างวิสัยทัศน์ร่วมกันของคนในชาติ ที่จะร่วมมือกันตั้งเป้าหมาย เพื่อไปให้ถึงจุดๆ นั้น เราไม่เคยมีเป้าหมายที่ทำให้ทุกคนอยากจะมุ่งทยานไปให้ถึง เราไม่เคยสร้างให้ทุกคนมีความฝันร่วมกัน ฝันที่จะทำให้ประเทศชาติพัฒนาไปในทางที่ดี ฝันที่จะทำให้สังคมก้าวไปข้างหน้าอย่างยั่งยืน
เมื่อเราไม่มีจุดหมายปลายทางร่วมกัน หลายๆ คน หลายๆ กลุ่มจึงมองไม่เห็นว่าอนาคตของชาติจะไปในทิศทางไหน คนทุกคนที่มีหวังจึงหมดหวัง
ผมหวังว่าสักวัน เราคนไทยจะมีความหวังร่วมกัน หวังที่จะทำให้ทุกคนเติบโตไปด้วยกัน นำพาประเทศชาติพัฒนา และคนทุกคนได้มีโอกาสเข้าถึงความมั่งคั่งเหมือน ๆ กัน มีรายได้มากขึ้น ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจลดน้อยลงเรื่อย ๆ
ทำไมนะ การหาเสียงของพรรคการเมืองถึงไม่มีเป้าหมายที่จะนำพาประเทศชาติให้กลายเป็นประเทศที่พัฒนาให้ได้
ผมจำได้ว่า ผู้สมัครประธานาธิบดีเกาหลีไต้ ประกาศตอนหาเสียงว่า เขาจะทำให้รายได้ต่อหัวของประชาชนเกาหลีให้ได้ 40,000 ดอลลาห์สหรัฐต่อคนต่อปี คิดเป็นเงินไทย 1,200,000 บาท ผมฟังแล้วเป็นการหาเสียงที่ดี มีวิสัยทัศน์ เขามองไปที่ความมั่งคั่งของคนในชาติของเขา ทำให้คนของเขามีโอกาส ทำให้ทุกครอบครัวมีกินมีใช้ไม่ขัดสน
แล้วประเทศไทยหล่ะ เมื่อไหร่หลายคนหลายครอบครัวจะหลุดพ้นจากความยากจนซะที เมื่อไหร่เขาจะได้ลิ้มรสของความมั่งมี
สิ่งเดียวที่พอจะเยียวยาให้ทุกคนได้ลืมตาอ้าปากหลุดพ้นจากบ่วงกรรมนี้ เท่าที่ผมพอจะมองออก คือ การศึกษา การศึกษาเท่านั้นที่จะทำให้ลูกหลานของไทยทุกคนรู้สึกเท่าเทียมกัน การศึกษาเท่านั้นที่จะทำให้เยาวชนมองกันและกันอย่างไม่แตกต่างเหมือนเช่นปัจจุบัน ผมไม่ได้บอกว่า มันจะใช้เวลาเพียงชั่วข้ามคืน ดูอย่างสิงคโปร์สร้างชาติ เขาก็เริ่มต้นจากเมืองท่าพ่อค้าวาณิช แต่ผู้นำมีวิสัยทัศน์ให้ความสำคัญกับการศึกษาแก่เยาวชนมากมายนัก ปัจจุบันสิงคโปร์ก้าวไปจนไม่เห็นฝุ่น น่าสนใจยิ่ง
ประเทศไทย ผู้ใหญ่ในอดีตเขามีความเหลื่อมล้ำกันสูงมาก เพราะเขาหลายคนเข้าไม่ถึงการศึกษา บางคนจบป.4 มั่ง จบมัธยมมั่ง จบปริญญามั่ง ซึ่งเป็นผู้ใหญ่ส่วนใหญ่ของสังคมปัจจุบัน เขาจึงมองกันคนละมุม คนที่ถือสิทธิ์ว่าตนเองมีการศึกษาดีกว่า แน่นอน ย่อมถือตนว่ามีความรู้และถือสิทธิ์มากกว่าคนอื่น เขาก็มองคนอื่นในมุมของเขา โดยเฉพาะคนที่การศึกษาด้อยกว่าก็จัดลำดับลดหลั่นลงไป ให้เหมือนไม่ใช่คน คนที่โดนหยามเหยียดก็เงียบเป็นใบ้ด้วยศีลธรรมที่คอยหล่อเลี้ยงจิตใจจากศาสนา ส่วนคนใดที่ทนเหยียดหยามไม่ได้ก็ลุกขึ้นมาต่อสู้แต่ก็แพ้พ่ายไป นี่คือสัจธรรมที่แม้จะไม่ถูกต้องแต่มันก็คือสัจธรรม ผมคงไม่โทษใคร เพราะมันคงเป็นพัฒนาการของประเทศนี้ ถ้าผมเกิดในยุคนั้นก็คงไม่ต่างจากหลาย ๆคน คงโดนประนามหยามเหยียดว่า โง่ เง่า ไม่มีการศึกษาเช่นกัน หรือไม่ก็อาจจะอยู่ในกลุ่มดูถูกคนอื่นหาว่าคนอื่นการศึกษาน้อยต้องคอยมาประท้วงขอเขากิน เช่นกัน
แต่ปัจจุบัน เยาวชนของชาติก็ได้รับการศึกษาอย่างเท่าเทียมกันเป็นส่วนใหญ่ เขาจะยากดีมีจนก็มีสิทธิ์ได้เรียนรู้ไม่แตกต่างกัน จะมากบ้างน้อยบ้างเขาก็ได้เป็นเพื่อนกัน ผมมองว่าเยาวชนกลุ่มนี้แหล่ะจะเป็นผู้สร้างชาติอย่างแท้จริง เพราะเขาเกิดมาเป็นเพื่อนกัน อยู่ในระบบการศึกษาเดียวกัน ล้มลุกคลุกคลานกับวงการศึกษามาเหมือน ๆ กัน เขาจะมองกันเป็นเสมือนเพื่อนแลกเปลี่ยนทรรศนะกันได้อย่างตรงไปตรงมาบนความถูกต้อง ถึงแม้เขาจะมองเห็นแต่ตัวเองบนหน้าจอ แต่เมื่อเขาเติบโตพอที่จะรับผิดชอบ มีตำแหน่งหน้าที่ตามแต่จะได้รับหรือเลือกรับ เขาก็ย่อมจะทำหน้าที่ของเขาได้ดีไม่แพ้กัน และมองกันอย่างฉันท์มิตร
เพราะฉะนั้น บทสรุปของผมคือ ประเทศไทยจะรุ่งโรจน์ในอีกยี่สิบปีข้างหน้าเพราะเยาวชนยุคนี้ต่างหาก
ผมส่งสาห์นถึง เยาวชนทั้งหลาย
พวกเราอย่ายัดเยียดความเกลียดชังซึ่งกันและกันไปมากกว่านี้เลย จงร่วมมือกันทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด ตั้งใจเรียนรู้ เรียนให้ถึงแก่น เรียนเหมือนคนยิว เช่นกันผมกำลังทำเช่นนั้นอยู่
อย่าเลียนแบบผู้ใหญ่หลายคนในปัจจุบัน พวกเขาสร้างความเกลียดชังจนไม่รู้ตัวว่าตนเองเป็นเหมือน อสูร อสูรที่คอยทำลายคนอื่น ด้วยวาจาที่ไม่น่าเชื่อว่านี่คือคนพูดกับคน เขาไม่รู้ตัวแม้กระทั่งว่าครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นเด็กที่ออกจากท้องแม่ แม่รักและทะนุถนอมเขามากมายให้เขาเติบโตเป็นคนดี แต่เขาลืมไปแล้วว่า คนดีที่แม่บอกมันหมายความว่าอย่างไร
ผมคิดว่าประเทศไทยจะเป็นประเทศพัฒนาแล้ว ปี พ.ศ. 2570
ผมทำนายว่าอีกยี่สิบปีข้างหน้า ประเทศไทยจะกลายเป็นประเทศพัฒนาแล้วในที่สุด
เรามาร่วมกันตั้งเป้าหมายกันเถอะครับ
ไม่ต้องเอาไกลมาก ดูอย่างเพื่อนบ้านมาเลเซีย เขามีเป้าหมายร่วมกันจะทำให้ประเทศเขาเป็นประเทศพัฒนาแล้วภายในปี 2020 หรือ พ.ศ. 2563 อีกไม่ถึงสิบปี และเขาก็กำลังดำเนินการไปตามเป้าหมายนั้น และเขาทำได้ดีเสียด้วย
ผมว่าประเทศเราขาด ขาดมากคือการสร้างวิสัยทัศน์ร่วมกันของคนในชาติ ที่จะร่วมมือกันตั้งเป้าหมาย เพื่อไปให้ถึงจุดๆ นั้น เราไม่เคยมีเป้าหมายที่ทำให้ทุกคนอยากจะมุ่งทยานไปให้ถึง เราไม่เคยสร้างให้ทุกคนมีความฝันร่วมกัน ฝันที่จะทำให้ประเทศชาติพัฒนาไปในทางที่ดี ฝันที่จะทำให้สังคมก้าวไปข้างหน้าอย่างยั่งยืน
เมื่อเราไม่มีจุดหมายปลายทางร่วมกัน หลายๆ คน หลายๆ กลุ่มจึงมองไม่เห็นว่าอนาคตของชาติจะไปในทิศทางไหน คนทุกคนที่มีหวังจึงหมดหวัง
ผมหวังว่าสักวัน เราคนไทยจะมีความหวังร่วมกัน หวังที่จะทำให้ทุกคนเติบโตไปด้วยกัน นำพาประเทศชาติพัฒนา และคนทุกคนได้มีโอกาสเข้าถึงความมั่งคั่งเหมือน ๆ กัน มีรายได้มากขึ้น ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจลดน้อยลงเรื่อย ๆ
ทำไมนะ การหาเสียงของพรรคการเมืองถึงไม่มีเป้าหมายที่จะนำพาประเทศชาติให้กลายเป็นประเทศที่พัฒนาให้ได้
ผมจำได้ว่า ผู้สมัครประธานาธิบดีเกาหลีไต้ ประกาศตอนหาเสียงว่า เขาจะทำให้รายได้ต่อหัวของประชาชนเกาหลีให้ได้ 40,000 ดอลลาห์สหรัฐต่อคนต่อปี คิดเป็นเงินไทย 1,200,000 บาท ผมฟังแล้วเป็นการหาเสียงที่ดี มีวิสัยทัศน์ เขามองไปที่ความมั่งคั่งของคนในชาติของเขา ทำให้คนของเขามีโอกาส ทำให้ทุกครอบครัวมีกินมีใช้ไม่ขัดสน
แล้วประเทศไทยหล่ะ เมื่อไหร่หลายคนหลายครอบครัวจะหลุดพ้นจากความยากจนซะที เมื่อไหร่เขาจะได้ลิ้มรสของความมั่งมี
สิ่งเดียวที่พอจะเยียวยาให้ทุกคนได้ลืมตาอ้าปากหลุดพ้นจากบ่วงกรรมนี้ เท่าที่ผมพอจะมองออก คือ การศึกษา การศึกษาเท่านั้นที่จะทำให้ลูกหลานของไทยทุกคนรู้สึกเท่าเทียมกัน การศึกษาเท่านั้นที่จะทำให้เยาวชนมองกันและกันอย่างไม่แตกต่างเหมือนเช่นปัจจุบัน ผมไม่ได้บอกว่า มันจะใช้เวลาเพียงชั่วข้ามคืน ดูอย่างสิงคโปร์สร้างชาติ เขาก็เริ่มต้นจากเมืองท่าพ่อค้าวาณิช แต่ผู้นำมีวิสัยทัศน์ให้ความสำคัญกับการศึกษาแก่เยาวชนมากมายนัก ปัจจุบันสิงคโปร์ก้าวไปจนไม่เห็นฝุ่น น่าสนใจยิ่ง
ประเทศไทย ผู้ใหญ่ในอดีตเขามีความเหลื่อมล้ำกันสูงมาก เพราะเขาหลายคนเข้าไม่ถึงการศึกษา บางคนจบป.4 มั่ง จบมัธยมมั่ง จบปริญญามั่ง ซึ่งเป็นผู้ใหญ่ส่วนใหญ่ของสังคมปัจจุบัน เขาจึงมองกันคนละมุม คนที่ถือสิทธิ์ว่าตนเองมีการศึกษาดีกว่า แน่นอน ย่อมถือตนว่ามีความรู้และถือสิทธิ์มากกว่าคนอื่น เขาก็มองคนอื่นในมุมของเขา โดยเฉพาะคนที่การศึกษาด้อยกว่าก็จัดลำดับลดหลั่นลงไป ให้เหมือนไม่ใช่คน คนที่โดนหยามเหยียดก็เงียบเป็นใบ้ด้วยศีลธรรมที่คอยหล่อเลี้ยงจิตใจจากศาสนา ส่วนคนใดที่ทนเหยียดหยามไม่ได้ก็ลุกขึ้นมาต่อสู้แต่ก็แพ้พ่ายไป นี่คือสัจธรรมที่แม้จะไม่ถูกต้องแต่มันก็คือสัจธรรม ผมคงไม่โทษใคร เพราะมันคงเป็นพัฒนาการของประเทศนี้ ถ้าผมเกิดในยุคนั้นก็คงไม่ต่างจากหลาย ๆคน คงโดนประนามหยามเหยียดว่า โง่ เง่า ไม่มีการศึกษาเช่นกัน หรือไม่ก็อาจจะอยู่ในกลุ่มดูถูกคนอื่นหาว่าคนอื่นการศึกษาน้อยต้องคอยมาประท้วงขอเขากิน เช่นกัน
แต่ปัจจุบัน เยาวชนของชาติก็ได้รับการศึกษาอย่างเท่าเทียมกันเป็นส่วนใหญ่ เขาจะยากดีมีจนก็มีสิทธิ์ได้เรียนรู้ไม่แตกต่างกัน จะมากบ้างน้อยบ้างเขาก็ได้เป็นเพื่อนกัน ผมมองว่าเยาวชนกลุ่มนี้แหล่ะจะเป็นผู้สร้างชาติอย่างแท้จริง เพราะเขาเกิดมาเป็นเพื่อนกัน อยู่ในระบบการศึกษาเดียวกัน ล้มลุกคลุกคลานกับวงการศึกษามาเหมือน ๆ กัน เขาจะมองกันเป็นเสมือนเพื่อนแลกเปลี่ยนทรรศนะกันได้อย่างตรงไปตรงมาบนความถูกต้อง ถึงแม้เขาจะมองเห็นแต่ตัวเองบนหน้าจอ แต่เมื่อเขาเติบโตพอที่จะรับผิดชอบ มีตำแหน่งหน้าที่ตามแต่จะได้รับหรือเลือกรับ เขาก็ย่อมจะทำหน้าที่ของเขาได้ดีไม่แพ้กัน และมองกันอย่างฉันท์มิตร
เพราะฉะนั้น บทสรุปของผมคือ ประเทศไทยจะรุ่งโรจน์ในอีกยี่สิบปีข้างหน้าเพราะเยาวชนยุคนี้ต่างหาก
ผมส่งสาห์นถึง เยาวชนทั้งหลาย
พวกเราอย่ายัดเยียดความเกลียดชังซึ่งกันและกันไปมากกว่านี้เลย จงร่วมมือกันทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด ตั้งใจเรียนรู้ เรียนให้ถึงแก่น เรียนเหมือนคนยิว เช่นกันผมกำลังทำเช่นนั้นอยู่
อย่าเลียนแบบผู้ใหญ่หลายคนในปัจจุบัน พวกเขาสร้างความเกลียดชังจนไม่รู้ตัวว่าตนเองเป็นเหมือน อสูร อสูรที่คอยทำลายคนอื่น ด้วยวาจาที่ไม่น่าเชื่อว่านี่คือคนพูดกับคน เขาไม่รู้ตัวแม้กระทั่งว่าครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นเด็กที่ออกจากท้องแม่ แม่รักและทะนุถนอมเขามากมายให้เขาเติบโตเป็นคนดี แต่เขาลืมไปแล้วว่า คนดีที่แม่บอกมันหมายความว่าอย่างไร