ผิดไหม???? ที่ผมยังศรัทธาศาสนาพุทธ แต่ไม่เคยเชื่อ สิ่งศักดิสิทธิ์ เลย

กระทู้คำถาม
จริงๆ ผม อยาก tag ห้อง ศาสนา นะ แต่ดูว่า เป็นเรื่องละเอียดอ่อนไป อาจเกิดดราม่าได้ มาลงห้องนี้ล่ะกัน เพราะ ตอนนี้เริ่ม มีปัญหากับครอบ
ครัวตัวเอง

เรื่องมีอยู่แล้ว ตัวผมเอง เกิดศาสนาพุทธ และ นับถือ ศาสนาพุทธ และยึดคำสอนของพระพุทธเจ้า เรื่อยมา  แต่ว่า.......

ตัวผมเองในใจ ไม่ค่อยจะเชื่อ เรื่อง สิ่งศักดิสิทธิ์ แต่ก็ไม่เคยไปลบหลู่ และ ทำบุญต่างๆ ( ตามภรรยา ) ตลอด   ยกตัวอย่าง

  1. การทำพิธีต่างๆ ในวัด และ ทำเงินด้วยจำนวนเงินหลักหลายร้อย ซึ่ง บอกว่า การทำบุญนี้ จะได้บุญในชาติหน้า และ จะประสบความสำเร็จใน ชีวิต

   -  แต่ ผมกลับมองไปว่า การทำบุญน่ะเป็นเรื่องดี คือเป็นการทํานุบํารุงในศาสนาให้ศาสนาพุทธดำเนินต่อไป  ซึ่งผมคิดว่าหลักที่สุด แต่บางคน
     กลับไปเชื่อถึง ในชาติหน้า ซึ่งเราไม่รู้ว่ามีจริงหรือไม่ ผมพูดตรงๆ นะ ผมไม่เชื่อเรื่อง ชาติหน้าหรอก เพราะคิดว่า ตายไปก็จบ เราจะยึดติด
     ไปทำไม ว่าจะต้องมีชาติหน้า ผมคิดว่า เราทำความดี ในปัจจุบันให้ดีที่สุด ไม่เบียดใคร ไม่เบียดเบียนสิ่งมีชีวิตต่างเผ่าพันธุ์ ผมเชื่อว่า ถ้า
     เราทำได้ เราจะอยู่ในสังคมที่มีความสุข ทั้งที่เราหายใจ โดยไม่ต้องไป ถึงชาติหน้า และการประสบความสำเร็จในชีวิต ผมเชื่อว่า เกิดจาก
     ตัวเรามากกว่า ถ้า คุณคิดจะรวย แล้ว ไม่ทำกิน วันๆ เอาแต่ไปไหว้ สิ่งที่เชื่อว่า จะให้โชคลาภ ผมถามเหอะว่า คุณจะรวย ไหม ??????
    
  2. ทำบุญปล่อยนกปล่อยปลา เชื่อว่าจะได้ บุญ

  -แต่ ผมกลับมองไปว่า ทำบาปมากกว่า ยิ่งคุณชอบปล่อยสัตว์ มากเท่าไหร่ สัตว์เหล่านั้นก็ต้องตายและถูกพลัดพราก มากยิ่งขึ้น ดูง่ายๆ
   คุณลองไปดูในกระป๋องปล่อยปลาสิ คุณจะเห็นว่า ปลาบางตัวตาย และ คุณเอาเขาไปปล่อยในสถานที่ ไม่ใช่สถานถิ่นที่เขาเกิดและอยู่
   ในธรรมชาติของเขา คุณคิดดู ว่า สัตว์เหล่านี้ จะทำอย่างไร เมื่อไปอยู่ถิ่นไหม่ และไม่มีพวก ผมเชื่อว่า เขาก็ตายอยู่ดี เพราะเขาปรับตัว
   อยู่ที่ใหม่ไม่ได้ สิ่งเหล่านี้หรือ ที่คุณเรียกว่า ทำบุญ ผมคิดว่า คนทำบุญ แบบนี้ เห็นแก่ตัวมากกว่า อยากจะให้ชีวิต ตัวเองสบายในชาติหน้า
   แต่ไม่มองสิ่งมีชีวิต ที่อยู่ข้างหน้าว่า เขาทุกข์ และ เดือดร้อน เพียงใด  ถ้าอยากทำบุญ ผมแนะนำว่า ซื้ออาหารให้เขากินดีกว่า เพราะเขา
   มีความสุขแน่ โดยไม่ต้องถูกจับ และยัดในที่แคบๆ  ( ภรรยาผมชอบปล่อย ส่วนผมชอบให้ อาหาร )

    วกกลับครอบครัว

     ผมและภรรยา แต่งงานมาหลายปีแล้ว  ผมและภรรยา จะต่างความคิด อย่างหนึ่ง คือ เรื่อง ความเชื่อ

  ตัวผม = การที่ผมจะเชื่อ อะไรอย่างหนึ่ง มันจะต้อง มีหลักและเหตุผล มีหลักฐาน ถึงผมจะเชื่อ ผมไม่เชื่อ คำพูดลอยๆ ที่ฟังแล้วดูไม่มีเหตุผล
  ภรรยา = ไม่เชื่อสิ่งอิงตามหลักวิทยาศาสตร์เท่าไหร่นัก เชื่อบ้าง แต่ ไม่ 100 % แต่มักจะเชื่อ คำพูดคนอื่น โดยเฉพาะผู้ใหญ่ ถ้า ผู้ใหญ่กว่า
               พูด เขาจะเชื่ออย่างนั้น โดยไม่ต้องหาเหตุผลแล้ว

   ทุกวันนี้ ผมกับภรรยา ก็ไปทำบุญที่วัดปกติ คือ ภรรยาผมจะนำตลอดเรื่องไปวัด ผมก็ตามไปปกติ ไม่เคยเกี่ยงงอน ไม่เคยบ่น ผมก็ทำบุญ ด้วย จิตที่ว่า เงินทำบุญของเรา จะให้ศาสนาดำรงต่อไปข้างหน้า แต่ไม่เคยตั้งใจขอบนบานเท่าไหร่  เวลาเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา ภรรยาผมจะว่า
เพราะผม ไม่ตั้งใจจิตอธิษฐาน ถึงได้ เกิดเรื่องขึ้นมา ส่วนผมก็ใช้หลัก ศาสนาพุทธ คือ มองหลักความเป็นจริง แล้วก็แก้ปัญหา สุดท้ายก็ผ่าน
ไปด้วยดี ถ้าเกิดเรื่อง ผมไม่เคยวิ่งไปขอพรที่ใหนหรอก


   ณ ตอนนี้ ผมไม่คุยกับภรรยามา 2 วันแล้ว เพราะเบื่อจะคุยแล้ว เรื่องก็แค่นิดเดียว คือผมพา ภรรยาเที่ยวเกาหลี 5 วัน พอกลับมา ก็อยากจะนวด ก็นัดกัน บ่ายโมง ผมก็กินข้าวเที่ยงครึ่ง พอจะไปนวด ภรรยา บอกว่า ไปนวดไม่ได้
    เหตุผลของ ภรรยา คือ ถ้าเพิ่งกินข้าวอิ่มๆ อย่าไปนวด เพราะจะไปนวดผิดเส้น อาจถึงแก่ความตายได้   อันนี้ ภรรยาผมไปฟัง คนนวดแก่ๆ
    คนหนึ่งเล่ามา

  ผมก็งง มันเกี่ยวกับอะไร เราก็นวดผ่อนคลาย และก็ไม่ได้ไปนวดที่ท้องซะหน่อย นวดตอนกินข้าวจะตายเลยเหรอ ประจวบกับผมเหนื่อยกับ
การเดินทางเครื่องบินครั้งแรก และพรุ่งนี้ต้องทำงาน ผมก็ยืนยัน ว่า ไม่เป็นไง เดี๋ยวจะไปนวด  ภรรยาผมก็ไม่ยอม บอกว่า ถ้าไปนวด ถึง ตายนะ ใครจะรับผิดชอบ  ด้วยนิสัยผม ถ้าตั้งใจแน่วแน่ แล้ว พูดครั้งสองครั้งก็ควรจบ ด้วยอารมณ์ ก็เลยสวนไป สุดท้ายกลายเป็นการทะเลาะกัน


  กับครอบครัว ผมมีหน้าที่ หาเงินเป็นหลัก อะไรเล็กๆ น้อยๆ ผมก็ตามภรรยา เรื่องการเงินผมก็ให้เขาดูแล อยากกินอะไรก็จัดให้ เที่ยวใหน ไปทำบุญที่ใหนก็ไป ไม่เคยติดเพื่อน ไม่ติดเหล้า ไม่ติดผู้หญิง แต่ เบื่อที่สุด คือ เรื่อง หลักความคิด  หลังๆ เริ่มเชื่อคนละทาง พูดด้วยก็ลำบาก
อย่างชุดเสื้อลดน้ำหนัก ไปซื้อทำไมไม่รู้ ราคา 2 หมื่น ผมก็บอกแล้วว่า การลดน้ำหนัก ที่ดีที่สุด คือ เรื่องอาหาร และการออกกำลังกาย เธอไม่เชื่อ ดันไปเชื่อ ญาติผู้ใหญ่ที่ขายให้ บอกว่า ใส่แล้วจะลด ภายในไม่กี่เดือน แถมเสื้อชุดนี้ เป็นวัสดุเดียว กับชุดยานอวกาศนาซ่า เอาเข้าไป

สุดท้ายแล้ว ใส่ไปแล้ว ก็กลายเป็นหมูเหมือนเดิม จนใส่บ้างไม่ใส่บ้าง อันนี้ ยกตัวอย่างนะ ตอนนี้ผมเริ่มเบื่อภรรยามากแล้ว ขี้เกียจจะเป็นคน
ดีของบ้านแล้ว



สุดท้าย ขออภัย หลายท่านที่เข้ามาอ่าน ผมอาจจะพูดตรงไป อาจไม่ถูกใจใครหลายคน แต่ผมพูดด้วยความจริงใจไม่ปกปิด ถ้าจะด่าผม ก็ขอ
น้อมรับตรงนี้ ผมก็แค่ระบายความรู้สึกเท่านั้นเอง
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 17
ผมว่า ผมเหมือนคุณ และบ้านผมก็เหมือนคุณ

ผม เชื่อว่า การทำบุญ ทำแล้วได้บุญ บุญในความหมายของผม คือ ความสบายใจ หรือ ขัดเกลาจิตใจผมเอง ให้ละวางจากวัตถุเงินทางบ้าง ไม่ให้ยึดติดกับมันมากเกินไป สบายใจ ที่คนได้รับได้สิ่งที่ดีขึ้น ดังนั้น ผมไม่ค่อยจะทำบุญให้พระ(ในเมือง/กทม) เพราะท่านเหล่านั้นไม่ได้ขาด ได้มามากจนเกินไป จนต้องใช้สามล้อ ใช้ตุ๊กตุ๊ก ใช้กระบะขนทุกวัน ผมบริจาคให้เด็ก บริจาคให้โรงเรียนซะมากกว่า

วัดชื่อไทย ที่มีไหว้จ้าวจีน ผมไม่ไป สะเดาะเคราะห์เอง ปีชงเอย เพราะไม่ใช่วิถีพุทธ
ผมไม่ไหว้ พระเจ้าอินเดีย ตามสี่แยกดัง เพราะไม่ใช่วิถีพุทธ

แต่คุณภรรยา ทำบุญด้วยเหตุผลอีกแบบ เธอจะต้องหยอดทุกตู้(ที่ผมมองว่าไร้สาระ จ้องแต่จะดักเงิน โดยเพิ่มจำนวนตู้เยอะๆ) เธอเชื่อถือทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นจ้าวจีน เจ้าอินเดีย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่