ไม่ต้องสนใจว่าชื่อล็อกอินเป็นตัวเลข นั่นไม่ใช่ปัญหาของนักลงทุน
เมื่อบ่ายวันอังคารที่ 29 ตุลาคม คณะกรรมาธิการการเงินการคลังการธนาคารและสถาบันการเงิน วุฒิสภา เชิญผู้แทนธนาคาร 4 แห่งที่ทำสัญญาเงินกู้กับกระทรวงการคลังในโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาทเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2556 มาชี้แจงเรื่องความบริบูรณ์ของสัญญาเงินกู้ที่ยังไม่มีการส่งมอบทรัพย์สิน (เงิน) ให้ในวันทำสัญญา
ทุกธนาคาร (ยกเว้นธนาคารออมสิน) ตอบหนักแน่นตรงกันว่าสัญญายังไม่มีผลบริบูรณ์ เพราะยังไม่มีการเบิกเงินกู้
นี่คือย่อหน้าแรกจ้ะ ถ้าสนใจก็อ่านต่อละกัน
โครงการ 3.5 แสนล้านแท้งโดยพื้นฐาน !??
Blessing in disguise !??
เมื่อบ่ายวันอังคารที่ 29 ตุลาคม คณะกรรมาธิการการเงินการคลังการธนาคารและสถาบันการเงิน วุฒิสภา เชิญผู้แทนธนาคาร 4 แห่งที่ทำสัญญาเงินกู้กับกระทรวงการคลังในโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาทเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2556 มาชี้แจงเรื่องความบริบูรณ์ของสัญญาเงินกู้ที่ยังไม่มีการส่งมอบทรัพย์สิน (เงิน) ให้ในวันทำสัญญา
ทุกธนาคาร (ยกเว้นธนาคารออมสิน) ตอบหนักแน่นตรงกันว่าสัญญายังไม่มีผลบริบูรณ์ เพราะยังไม่มีการเบิกเงินกู้
ทั้งนี้ย่อมเป็นไปตามหลักการพื้นฐานแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หมวด 2 'ยืมใช้สิ้นเปลือง' มาตรา 650 วรรคสองที่ว่า...
"สัญญานี้ย่อมบริบูรณ์ต่อเมื่อส่งมอบทรัพย์สินที่ยืม"
เมื่อถามต่อไปว่าแล้วเมื่อกระทรวงการคลังจะมาเบิกเงินกู้ตามสัญญา (ที่ไม่บริบูรณ์) ภายหลังจากวันที่ 30 มิถุนายน 2556 ที่หมดอำนาจกู้เงิน 3.5 แสนล้านบาทตามมาตรา 3 วรรคสองแห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. 2555 ที่ว่า
"การกู้เงินตามวรรคหนึ่ง ให้มีมูลค่ารวมกันไม่เกินสามแสนห้าหมื่นล้านบาท และให้กระทำได้ภายในกำหนดเวลาไม่เกินวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2556"
จะยอมให้กระทรวงการคลังเบิกเงินกู้หรือไม่ ?
ทุกธนาคารตอบตรงกันว่ายังตอบไม่ได้ ต้องเข้าบอร์ดใหญ่ และตรวจสอบข้อกฎหมายอย่างเคร่งครัด หากไม่มีข้อยืนยันได้โดยปราศจากข้อสงสัย จะยังไม่ให้เบิก เพราะธนาคารจะต้องรับผิดชอบต่อผู้ฝากเงินและผู้ถือหุ้นเป็นอันดับแรก
และยินดีที่จะให้กระทรวงการคลังฟ้องเป็นคดีแพ่ง จะได้เกิดความชัดเจนทางข้อกฎหมายต่อไป
นี่ยังไม่ได้พูดถึงประเด็นคำสั่งศาลปกครองเลยนะ พูดเฉพาะประเด็นการ(จะ)เบิกเงินกู้ตามสัญญา(ที่ไม่บริบูรณ์)ในขณะที่กระทรวงการคลังหมดอำนาจการกู้เงินตามกฎหมายไปนานแล้วเท่านั้น
พูดภาษาชาวบ้านง่าย ๆ ว่าโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาทแท้งไปเรียบร้อยแล้วโดยพื้นฐาน
เพราะทำไปก็ไม่แน่ว่าจะเบิกเงินกู้มาจ่ายได้หรือไม่ !
ยกเว้น K Water จะเสี่ยงทำให้ !!
ถ้ารัฐบาลไม่ดื้อ ก็ถอยเสียเถอะ เอาโครงการกลับมาเข้ากฎหมายงบประมาณรายจ่ายตามปกติ โดยเร่งตรากฎหมายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2557 เพิ่มเติมทันที เพื่อให้เกิดการลงทุนภาครัฐไปสู้สภาวะเศรษฐกิจถดถอยโดยด่วน
แต่น่าเสียดายที่รัฐบาลดื้อ และจะดื้อต่อไป เพราะต้องการแต่จะใช้เงินนอกงบประมาณนอกกรอบวินัยการเงินการคลังตามรัฐธรรมนูญ
ข่าวร้าย : ประเทศไทยจะไม่มีตัว G มาช่วยในสมการ GDP = C + I + G + (X - M) เศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะถดถอย
ข่าวดี : ประเทศไทยไม่ต้องเป็นหนี้ 3.5 แสนล้านบาทสำหรับโครงการที่ยังไม่ชัดเจน และมีโอกาสที่จะถูกโกงในรูปแบบต่าง ๆ ถึง 30 %
Blessing in disguise ??
จะเสนอกรรมาธิการให้ส่งบันทึกการประชุมนี้ไปให้ประธานอนุกรรมการไต่สวนป.ป.ช.กรณี้นี้ท่านวิชา มหาคุณต่อไป !
สว. คำนูณ สิทธิสมาน
โครงการ 3.5 แสนล้าน ดูเหมือนจะมีปัญหานะจ๊ะ
เมื่อบ่ายวันอังคารที่ 29 ตุลาคม คณะกรรมาธิการการเงินการคลังการธนาคารและสถาบันการเงิน วุฒิสภา เชิญผู้แทนธนาคาร 4 แห่งที่ทำสัญญาเงินกู้กับกระทรวงการคลังในโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาทเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2556 มาชี้แจงเรื่องความบริบูรณ์ของสัญญาเงินกู้ที่ยังไม่มีการส่งมอบทรัพย์สิน (เงิน) ให้ในวันทำสัญญา
ทุกธนาคาร (ยกเว้นธนาคารออมสิน) ตอบหนักแน่นตรงกันว่าสัญญายังไม่มีผลบริบูรณ์ เพราะยังไม่มีการเบิกเงินกู้
นี่คือย่อหน้าแรกจ้ะ ถ้าสนใจก็อ่านต่อละกัน
โครงการ 3.5 แสนล้านแท้งโดยพื้นฐาน !??
Blessing in disguise !??
เมื่อบ่ายวันอังคารที่ 29 ตุลาคม คณะกรรมาธิการการเงินการคลังการธนาคารและสถาบันการเงิน วุฒิสภา เชิญผู้แทนธนาคาร 4 แห่งที่ทำสัญญาเงินกู้กับกระทรวงการคลังในโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาทเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2556 มาชี้แจงเรื่องความบริบูรณ์ของสัญญาเงินกู้ที่ยังไม่มีการส่งมอบทรัพย์สิน (เงิน) ให้ในวันทำสัญญา
ทุกธนาคาร (ยกเว้นธนาคารออมสิน) ตอบหนักแน่นตรงกันว่าสัญญายังไม่มีผลบริบูรณ์ เพราะยังไม่มีการเบิกเงินกู้
ทั้งนี้ย่อมเป็นไปตามหลักการพื้นฐานแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หมวด 2 'ยืมใช้สิ้นเปลือง' มาตรา 650 วรรคสองที่ว่า...
"สัญญานี้ย่อมบริบูรณ์ต่อเมื่อส่งมอบทรัพย์สินที่ยืม"
เมื่อถามต่อไปว่าแล้วเมื่อกระทรวงการคลังจะมาเบิกเงินกู้ตามสัญญา (ที่ไม่บริบูรณ์) ภายหลังจากวันที่ 30 มิถุนายน 2556 ที่หมดอำนาจกู้เงิน 3.5 แสนล้านบาทตามมาตรา 3 วรรคสองแห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. 2555 ที่ว่า
"การกู้เงินตามวรรคหนึ่ง ให้มีมูลค่ารวมกันไม่เกินสามแสนห้าหมื่นล้านบาท และให้กระทำได้ภายในกำหนดเวลาไม่เกินวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2556"
จะยอมให้กระทรวงการคลังเบิกเงินกู้หรือไม่ ?
ทุกธนาคารตอบตรงกันว่ายังตอบไม่ได้ ต้องเข้าบอร์ดใหญ่ และตรวจสอบข้อกฎหมายอย่างเคร่งครัด หากไม่มีข้อยืนยันได้โดยปราศจากข้อสงสัย จะยังไม่ให้เบิก เพราะธนาคารจะต้องรับผิดชอบต่อผู้ฝากเงินและผู้ถือหุ้นเป็นอันดับแรก
และยินดีที่จะให้กระทรวงการคลังฟ้องเป็นคดีแพ่ง จะได้เกิดความชัดเจนทางข้อกฎหมายต่อไป
นี่ยังไม่ได้พูดถึงประเด็นคำสั่งศาลปกครองเลยนะ พูดเฉพาะประเด็นการ(จะ)เบิกเงินกู้ตามสัญญา(ที่ไม่บริบูรณ์)ในขณะที่กระทรวงการคลังหมดอำนาจการกู้เงินตามกฎหมายไปนานแล้วเท่านั้น
พูดภาษาชาวบ้านง่าย ๆ ว่าโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาทแท้งไปเรียบร้อยแล้วโดยพื้นฐาน
เพราะทำไปก็ไม่แน่ว่าจะเบิกเงินกู้มาจ่ายได้หรือไม่ !
ยกเว้น K Water จะเสี่ยงทำให้ !!
ถ้ารัฐบาลไม่ดื้อ ก็ถอยเสียเถอะ เอาโครงการกลับมาเข้ากฎหมายงบประมาณรายจ่ายตามปกติ โดยเร่งตรากฎหมายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2557 เพิ่มเติมทันที เพื่อให้เกิดการลงทุนภาครัฐไปสู้สภาวะเศรษฐกิจถดถอยโดยด่วน
แต่น่าเสียดายที่รัฐบาลดื้อ และจะดื้อต่อไป เพราะต้องการแต่จะใช้เงินนอกงบประมาณนอกกรอบวินัยการเงินการคลังตามรัฐธรรมนูญ
ข่าวร้าย : ประเทศไทยจะไม่มีตัว G มาช่วยในสมการ GDP = C + I + G + (X - M) เศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะถดถอย
ข่าวดี : ประเทศไทยไม่ต้องเป็นหนี้ 3.5 แสนล้านบาทสำหรับโครงการที่ยังไม่ชัดเจน และมีโอกาสที่จะถูกโกงในรูปแบบต่าง ๆ ถึง 30 %
Blessing in disguise ??
จะเสนอกรรมาธิการให้ส่งบันทึกการประชุมนี้ไปให้ประธานอนุกรรมการไต่สวนป.ป.ช.กรณี้นี้ท่านวิชา มหาคุณต่อไป !
สว. คำนูณ สิทธิสมาน