สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
http://bit.ly/MKt2Mi
กรุงเทพธุรกิจ 7/8/2555
ครม.ไฟเขียวขยายระยะเวลาการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ออกไปอีก 2 ปี ก่อนขยับขึ้นเป็น 10% ในปี"57 คลังหวังช่วยเป็นแรงส่งกระตุ้นกำลังซื้อชาวบ้าน
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ (7 ส.ค.) คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบตามข้อเสนอของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับมาตรการขยายเวลาการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มจากอัตราร้อยละ 10 (รวมภาษีท้องถิ่น) ให้คงเหลือจัดเก็บในอัตราร้อยละ 7 (รวมภาษีท้องถิ่น) ซึ่งจะสิ้นสุดลงวันที่ 30 กันยายน 2555
โดยการขยายเวลาการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มต่อไปอีกเป็นระยะเวลา 2 ปี เพื่อกระตุ้นให้มีการขยายตัวในด้านกำลังซื้อของประชาชน ในด้านการใช้จ่ายและการลงทุนของภาคเอกชน ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. ให้ยังคงจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 7 สำหรับการขายสินค้า การให้บริการหรือ การนำเข้าทุกกรณี
ซึ่งความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2555 ถึงวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2557
2. ให้จัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 10 สำหรับการขายสินค้า การให้บริการหรือ การนำเข้าทุกกรณี ซึ่งความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เป็นต้นไป
นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การขยายเวลาการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยยังคงจัดเก็บในอัตราร้อยละ 7 ต่อไปอีกเป็นระยะเวลา 2 ปี เนื่องจากประเทศไทยได้ประสบกับปัญหาอุทกภัยครั้งใหญ่ ซึ่งมีผลกระทบต่อภาวะการจ้างงาน อันมีผลกระทบต่อเนื่องถึงกำลังซื้อของประชาชนโดยทั่วไปที่ลดต่ำลง การยังคงจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มอัตราเดิม จะมีส่วนช่วยให้ประชาชนสามารถมีกำลังซื้อในการจับจ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภคสินค้าเพิ่มขึ้น และเป็นการลดภาระค่าครองชีพในขณะที่ภาวะเศรษฐกิจอยู่ในระยะฟื้นตัวหลังประเทศประสบอุทกภัย
อันจะทำให้การบริโภคและการลงทุนกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องและมั่นคง
ดร.สาธิต รังคสิริ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวเพิ่มเติมว่า การขยายเวลาการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มดังกล่าว จะมีส่วนช่วยให้ธุรกิจสามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง และการกำหนดความแน่ชัดในอัตราภาษีจะมีส่วนช่วยในการวางแผนการบริหารธุรกิจได้อย่างถูกต้อง โดยในส่วนของภาครัฐ เมื่อภาวะเศรษฐกิจของประเทศมีความมั่นคงแล้ว ในระยะยาวจะทำให้ภาครัฐสามารถจัดเก็บรายได้ได้เพิ่มขึ้น
กรุงเทพธุรกิจ 7/8/2555
ครม.ไฟเขียวขยายระยะเวลาการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ออกไปอีก 2 ปี ก่อนขยับขึ้นเป็น 10% ในปี"57 คลังหวังช่วยเป็นแรงส่งกระตุ้นกำลังซื้อชาวบ้าน
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ (7 ส.ค.) คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบตามข้อเสนอของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับมาตรการขยายเวลาการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มจากอัตราร้อยละ 10 (รวมภาษีท้องถิ่น) ให้คงเหลือจัดเก็บในอัตราร้อยละ 7 (รวมภาษีท้องถิ่น) ซึ่งจะสิ้นสุดลงวันที่ 30 กันยายน 2555
โดยการขยายเวลาการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มต่อไปอีกเป็นระยะเวลา 2 ปี เพื่อกระตุ้นให้มีการขยายตัวในด้านกำลังซื้อของประชาชน ในด้านการใช้จ่ายและการลงทุนของภาคเอกชน ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. ให้ยังคงจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 7 สำหรับการขายสินค้า การให้บริการหรือ การนำเข้าทุกกรณี
ซึ่งความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2555 ถึงวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2557
2. ให้จัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 10 สำหรับการขายสินค้า การให้บริการหรือ การนำเข้าทุกกรณี ซึ่งความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เป็นต้นไป
นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การขยายเวลาการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยยังคงจัดเก็บในอัตราร้อยละ 7 ต่อไปอีกเป็นระยะเวลา 2 ปี เนื่องจากประเทศไทยได้ประสบกับปัญหาอุทกภัยครั้งใหญ่ ซึ่งมีผลกระทบต่อภาวะการจ้างงาน อันมีผลกระทบต่อเนื่องถึงกำลังซื้อของประชาชนโดยทั่วไปที่ลดต่ำลง การยังคงจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มอัตราเดิม จะมีส่วนช่วยให้ประชาชนสามารถมีกำลังซื้อในการจับจ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภคสินค้าเพิ่มขึ้น และเป็นการลดภาระค่าครองชีพในขณะที่ภาวะเศรษฐกิจอยู่ในระยะฟื้นตัวหลังประเทศประสบอุทกภัย
อันจะทำให้การบริโภคและการลงทุนกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องและมั่นคง
ดร.สาธิต รังคสิริ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวเพิ่มเติมว่า การขยายเวลาการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มดังกล่าว จะมีส่วนช่วยให้ธุรกิจสามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง และการกำหนดความแน่ชัดในอัตราภาษีจะมีส่วนช่วยในการวางแผนการบริหารธุรกิจได้อย่างถูกต้อง โดยในส่วนของภาครัฐ เมื่อภาวะเศรษฐกิจของประเทศมีความมั่นคงแล้ว ในระยะยาวจะทำให้ภาครัฐสามารถจัดเก็บรายได้ได้เพิ่มขึ้น
ความคิดเห็นที่ 4
http://www.manager.co.th/iBizChannel/ViewNews.aspx?NewsID=9550000033548
15/3/2555
ย้อนหลังไปดูคำสัมภาษณ์ของกิตติรัตน์
กิตติรัตน์" ยืนยัน รบ.ไม่ปรับเพิ่ม VAT เป็น 10% ตามคำแนะนำ "ไอเอ็มเอฟ" เพราะมีอัตราต่ำกว่าประเทศอื่น เล็งหั่นภาษีนิติบุคคลเหลือ 25% เท่าประเทศคู่แข่ง ลั่นไม่สนับสนุน ก.ม.ภาษีที่ดิน เพราะไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน และไม่เป็นธรรมต่อผู้เสียภาษี
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปาฐกถาในงานสัมมนา “Global Tax Trends and Their Impact on Thailand” โดยระบุว่า ภาษีที่ไทยใช้อยู่มี 4 กลุ่ม กลุ่มแรก คือ ภาษีศุลกากร ซึ่งขณะนี้ทุกประเทศทั่วโลกเห็นพ้องร่วมกันในการลดภาษีให้เหลือร้อยละ 0 มากที่สุด เพื่อลดอุปสรรคและต้นทุนให้กับผู้ประกอบการ แต่มีบางประเทศต้องการคุ้มครองเอกชนของตนเอง จึงหามาตรการกีดกันทางการค้าอื่นมาช่วยคุ้มครอง
ส่วนกระแสข่าวการปรับขึ้นอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) จากร้อยละ 7 ไปที่ร้อยละ 10 โดยยืนยันว่า รัฐบาลไม่มีนโยบายดังกล่าว แม้ก่อนหน้านี้กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) จะแนะนำให้ไทยปรับขึ้น เพราะอัตราจัดเก็บต่ำกว่าหลายประเทศมาก เนื่องจากรัฐบาลต้องการขยายฐานภาษีให้มากขึ้น เพื่อลดการเลี่ยงภาษี ขณะที่ภาษีนิติบุคคล ก็ได้พยายามปรับลดลง เพื่อให้ใกล้เคียงกับหลายๆ ประเทศ โดยลดลงจากร้อยละ 30 เหลือร้อยละ 25 เทียบกับมาเลเซียอยู่ที่ร้อยละ 25 และสิงคโปร์ร้อยละ 17
ส่วนภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดที่ผ่านมา แม้จะมีส่วนดี แต่ไม่ใช่นโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล จึงยังไม่นำกลับมาเสนอให้สภาฯ พิจารณา เพราะการจัดเก็บภาษีที่มีประสิทธิภาพ ควรจัดเก็บจากกระแสรายได้ปัจจุบันผ่านนิติบุคคล และบุคคลธรรมดา ที่มีรายได้ประจำทุกเดือน ไม่ใช่เก็บผ่านภาษีทรัพย์สินที่เป็นมรดก และไม่ได้เกิดรายได้เพิ่มขึ้น การตีมูลค่าทรัพย์สินเพื่อจัดเก็บภาษีดังกล่าวนั้น เห็นว่าไม่เกิดความเป็นธรรมต่อผู้เสียภาษี
---------------------------------------
15/3/2555
ย้อนหลังไปดูคำสัมภาษณ์ของกิตติรัตน์
กิตติรัตน์" ยืนยัน รบ.ไม่ปรับเพิ่ม VAT เป็น 10% ตามคำแนะนำ "ไอเอ็มเอฟ" เพราะมีอัตราต่ำกว่าประเทศอื่น เล็งหั่นภาษีนิติบุคคลเหลือ 25% เท่าประเทศคู่แข่ง ลั่นไม่สนับสนุน ก.ม.ภาษีที่ดิน เพราะไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน และไม่เป็นธรรมต่อผู้เสียภาษี
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปาฐกถาในงานสัมมนา “Global Tax Trends and Their Impact on Thailand” โดยระบุว่า ภาษีที่ไทยใช้อยู่มี 4 กลุ่ม กลุ่มแรก คือ ภาษีศุลกากร ซึ่งขณะนี้ทุกประเทศทั่วโลกเห็นพ้องร่วมกันในการลดภาษีให้เหลือร้อยละ 0 มากที่สุด เพื่อลดอุปสรรคและต้นทุนให้กับผู้ประกอบการ แต่มีบางประเทศต้องการคุ้มครองเอกชนของตนเอง จึงหามาตรการกีดกันทางการค้าอื่นมาช่วยคุ้มครอง
ส่วนกระแสข่าวการปรับขึ้นอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) จากร้อยละ 7 ไปที่ร้อยละ 10 โดยยืนยันว่า รัฐบาลไม่มีนโยบายดังกล่าว แม้ก่อนหน้านี้กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) จะแนะนำให้ไทยปรับขึ้น เพราะอัตราจัดเก็บต่ำกว่าหลายประเทศมาก เนื่องจากรัฐบาลต้องการขยายฐานภาษีให้มากขึ้น เพื่อลดการเลี่ยงภาษี ขณะที่ภาษีนิติบุคคล ก็ได้พยายามปรับลดลง เพื่อให้ใกล้เคียงกับหลายๆ ประเทศ โดยลดลงจากร้อยละ 30 เหลือร้อยละ 25 เทียบกับมาเลเซียอยู่ที่ร้อยละ 25 และสิงคโปร์ร้อยละ 17
ส่วนภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดที่ผ่านมา แม้จะมีส่วนดี แต่ไม่ใช่นโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล จึงยังไม่นำกลับมาเสนอให้สภาฯ พิจารณา เพราะการจัดเก็บภาษีที่มีประสิทธิภาพ ควรจัดเก็บจากกระแสรายได้ปัจจุบันผ่านนิติบุคคล และบุคคลธรรมดา ที่มีรายได้ประจำทุกเดือน ไม่ใช่เก็บผ่านภาษีทรัพย์สินที่เป็นมรดก และไม่ได้เกิดรายได้เพิ่มขึ้น การตีมูลค่าทรัพย์สินเพื่อจัดเก็บภาษีดังกล่าวนั้น เห็นว่าไม่เกิดความเป็นธรรมต่อผู้เสียภาษี
---------------------------------------
แสดงความคิดเห็น
@@@มุมกาแฟNONแดง(มุมนี้ไม่มีใครเป็นเสื้อแดง) เสาร์ที่26/10/2013:เตรียมตัวกับ VAT 10% ในปี 2557
ศุกร์ที่25/10/2013: อวสานแซม มติป.ป.ช. ฟันจงใจปกปิดทรัพย์สิน
ต้นกำเนิด nonแดง โปรดดูรายละเอียดได้ที่นี่
http://topicstock.pantip.com/rajdumnern/topicstock/2012/05/P12108539/P12108539.html
**รายชื่อสมาชิกชาว NONแดง (ผู้กล้าประกาศตัวว่าไม่เป็นคนเสื้อแดง)**
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
รวบรวมบัตรสมาชิกไว้ที่นี่ครับ http://pantip.com/topic/30689712